ชางหลิงเงยหน้าขึ้น บนแผ่นหินตรงหน้าไม่มีชื่อ ส่วนข้างๆ บนแผ่นหินตั้งตรง แปะรูปภาพขาวดำรูปหนึ่ง
หลุมศพเซิ่งเยียนหรงและลูกสาวคนโตแห่งตระกูลเซิ่ง
“อ้อ” ชางหลิงขยับไป คำนับโขกศีรษะให้กับแผ่นหินอย่างเคร่งขรึมเอาจริงเอาจัง
“คุณแม่คะ ฉันเป็นลูกสะใภ้คุณค่ะ”
ชางหลิงค่อนข้างแปลกใจ ตามหลัก หญิงสาวที่แต่งงานแล้ว ที่สลักไว้บนแผ่นหิน ตรงตำแหน่งสกุลเซิ่งของเยียนหรงควรเป็นสกุลโหมว ทำไมถึงเริ่มต้นว่าสกุลเซิ่ง
โหมวยู่ไม่ได้ประคองเธอขึ้น แต่เขาหยิบเอาพวกธูปหอมเทียนและเครื่องเซ่นไหว้อื่นๆ ออกจากกระเป๋าเดินทางแทน แล้ววางไว้ตรงหน้าแผ่นหิน
“วันนี้เป็นวันเกิดของท่าน” โหมวยู่เอ่ยบอก
ชางหลิงยืดหลังตรง มองดูโหมวยู่จุดกระดาษเงินกระดาษทองอย่างเป็นระเบียบ แล้วส่งธูปสามดอกให้ชางหลิง
ชางหลิงรับมาอย่างว่าง่าย เธอมองไปรอบๆ อย่างสงสัย ส่วนนี้อยู่มาหลายปีแล้ว ผนังถูกปกคลุมด้วยตะไคร่น้ำหนาทึบ สามารถมองเห็นบ้านโบราณอยู่ไม่ไกล ท่ามกลางกิ่งไม้ที่ตายแล้ว ดูเหมือนจะค่อนข้างอ้างว้างโดดเดี่ยว
ชางหลิงคิดว่า นายหญิงตระกูลโหมวแล้วยังไง ทั้งที่ควรฝังอยู่ในสุสานอันหรูหรา แต่กลับไม่ต้องการ ปรากฏว่าดันเป็นสถานที่สันโดษเช่นนี้
“ภูเขาแห่งนี้ เป็นของตระกูลเซิ่ง” โหมวยู่เห็นเธอสงสัยจึงอธิบาย “คฤหาสน์ถูกสร้างขึ้นตอนที่คุณตาคุณยายของฉันยังมีชีวิตอยู่ ทั้งสองผู้เฒ่าชอบความเงียบสงบ ตั้งแต่คุณแม่แต่งงานออกไป จึงมอบบ้านหลังเก่าตระกูลเซิ่งให้แก่ท่าน ส่วนตัวเองย้ายออกมาตั้งรกรากที่นี่”
“พวกท่านใช้ชีวิตวัยชราอย่างสุขสบาย ท้ายที่สุด ก็ทำตามความปรารถนาสุดท้ายของพวกท่าน โดยฝังพวกท่านไว้ที่นี่” สายตาของโหมวยู่มองไปยังด้านหลังเนินเขา “หลังจากคุณแม่ฉันเสียชีวิต แม้น้องสาวจะยังเล็ก แต่ยืนยันว่าให้ฝังพวกเธอแม่ลูกไว้กับคุณพ่อคุณแม่ของท่าน คุณแม่ชอบดอกท้อ ต้นท้อพวกนี้ก็ปลูกขึ้นในปีนั้น”
ถึงปัจจุบันนี้ ก็ยี่สิบสองปีแล้ว
คนที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา จากเขาไปยี่สิบสองปีแล้ว
ชางหลิงจ้องมองภาพขาวดำที่อยู่ตรงหน้า รูปลักษณ์ของผู้หญิงคนนั้นสวยเกินกว่าที่เธอจินตนาการเอาไว้ ชางหลิงสามารถจินตนาการได้เลยว่าตอนที่เธอยังมีชีวิตอยู่ หน้าตาคงจะงามสะพรั่งแค่ไหน
ที่แท้ ใบหน้าที่หล่อเหลาเกินคนของโหมวยู่ เพราะได้รับการสืบทอดมาจากแม่ของตัวเอง
ชางหลิงจุดธูปบนกองไฟ ก้มคำนับแท่นหินสามครั้งด้วยความเคารพ แล้วเสียบพวกมันลงในกระถางธูปหน้าแผ่นหิน
โหมวยู่จ้องตรงไปยังแผ่นหินตรงหน้า จมอยู่ในความเงียบงัน
ชางหลิงรู้ว่าเขาต้องหวนนึกถึงความทรงจำที่แสนเศร้าอีกครั้ง จึงไม่รบกวนเขา แค่อยู่เงียบๆ เป็นเพื่อนเขาเท่านั้น
“หลิงเอ๋อ” เขาส่งเสียงเรียก
“อืม” ชางหลิงตอบ
โหมวยู่ยื่นมือออกไป เอามือของเธอมาจับไว้แน่น และคุกเข่าลงบนพื้นกับเธอ
“เราต้องอยู่ด้วยกันตลอดไป” โหมวยู่พูดแผ่วเบา “จนกว่าจะถึงวันหนึ่ง ผมจะพาคุณไปพบคุณแม่ของเราด้วยกัน”
“ท่านต้องชอบคุณมากแน่นอน”
ชางหลิงเอียงศีรษะหันมอง ดวงตาของโหมวยู่แดงเรื่อ มีประกายแห่งน้ำตา
สุดท้ายแล้ว ผู้ชายที่ดูแข็งแกร่งมาก ในที่สุดก็อ่อนแอ
เด็กอายุหกขวบ เห็นแม่ตายต่อหน้าต่อตาตัวเอง หนึ่งศพสองชีวิต หลายปีมานี้ ได้อดทนต่อการครอบงำที่ผิดปกติของผู้เป็นพ่อ แต่เขาเติบโตขึ้นมาอย่างต้นสนแข็งแรง กลายเป็นราชาแห่งดินแดนนี้ที่ผู้คนให้ความนับถือ
ทั้งสองคนมองดูธูปมอดดับ แล้วโหมวยู่ก็จูงเธอ มุ่งหน้าเดินไปยังบ้านเก่าแก่
ชางหลิงเดินไปดูไปตลอดทาง รูปแบบของอาคารหลังนี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกับบ้านเก่าของตระกูลโหมวในปัจจุบัน ว่ากันว่าบรรพบุรุษของตะกูลเซิ่งมาจากทางตอนใต้ของเจียงหนาน จึงเลี่ยงไม่ได้ที่จะนำนิสัยบางอย่างของทางฝั่งนั้นมาด้วย
โหมวยู่หยิบเอากุญแจออกมาจากกระเป๋า ปลดล็อคกลอนเหล็กขนาดใหญ่บนประตูไม้ หลังจากเข้าประตู ปรากฏเป็นลานกว้างใหญ่ที่ทรุดโทรมแล้ว ด้านในมีแอ่งเขาหินล้อมสระน้ำกว้างใหญ่ ดอกไม้และวัชพืชเติบโตขึ้นอย่างไม่เป็นระเบียบ แต่ยังสามารถมองออกได้ ว่าผู้เฒ่าทั้งสองนั้นไร้กังวลและมีรสนิยมเพียงใดในตอนที่พวกท่านยังมีชีวิตอยู่
จากนั้นจึงเปิดประตูห้องโถงด้านใน ศาลเจ้าจีนเก่ามีป้ายวิญญาณมากมาย ทั้งหมดเป็นบรรพบุรุษของตระกูลเซิ่ง สายตาของชางหลิงกวาดมองไปรอบๆ พบป้ายวิญญาณของเยียนหรงตระกูลเซิ่งและเยียนหัวตระกูลเซิ่ง
ชางหลิงโค้งคำนับหน้าป้ายวิญญาณทำความเคารพ แต่ตัวของโหมวยู่กลับเดินไปข้างๆ เปิดประตูฝั่งหนึ่งของห้องโถง หลังจากเปิดมัน ก็ปรากฏเป็นทางเดินทอดยาว ด้านหลังก็เป็นสวนสวยวิจิตงดงาม รอบสวนมีบ้านหลายหลังตั้งอยู่อย่างเป็นระเบียบ
“สวยจัง” ชางหลิงอุทานจากใจ “ถ้าที่นี่เป็นฤดูใบไม้ผลิ เสียงของนกและดอกไม้ คงแทบจะเป็นดินแดนแห่งความฝันเลย”
“วันนี้พวกเราค้างคืนที่นี่” โหมวยู่บอกอย่างนั้นแล้วเปิดประตูที่นี่เพื่อระบายอากาศ
ที่นี่มีคนดูแลเป็นประจำ ทุกอย่างจึงยังคงเรียบร้อยดี ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาของการปลดประจำการของโหมวยู่ ทุกๆ ปีจะมาพักหนึ่งคืน ทำให้บ้านเก่าแก่มีชีวิตชีวาขึ้นมาก
“ที่นี่เหรอ” ชางหลิงตกใจ จะค้างคืนก็ไม่บอกก่อน เธอไม่ได้เอาอุปกรณ์อาบน้ำอะไรมาเลย
โหมวยู่หยุดที่หน้าบ้านหลังหนึ่งซึ่งมีแสงแดดส่องถึง ผลักประตูเปิด แดดตอนเที่ยงวันสาดส่องเข้ามาในบ้าน ให้แสงสว่างภายใน โหมวยู่เดินนำเข้าไปด้านใน เปิดประตูและหน้าต่างภายในทั้งหมด
ทุกอย่างเป็นแบบโบราณ แม้แต่เตียงยังเป็นไม้มะฮอกกานีอย่างดี อุปกรณ์ของใช้ภายในครบครัน เดินเข้ามา ยังมีห้องน้ำแยกต่างหาก บนอ่างล้างหน้ามีของใช้ในชีวิตประจำวัน
“เห็นว่าคนใช้ในบ้านกลับบ้านไปฉลองปีใหม่” โหมวยู่อธิบาย
ชางหลิงประหลาดใจ เธอมองทุกอย่างที่นี่ ในหัวพลันปรากฏเป็นภาพ
ถ้าผู้เฒ่าทั้งสองยังมีชีวิตอยู่ คุณแม่ของโหมวยู่และน้องสามีก็ยังมีชีวิตอยู่ เวลานี้ คงเป็นเวลาที่ครอบครัวได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า
น้องสาวของเขาน่าจะอายุเท่าเธอ น้องสามีอาจจะมีลูกแล้ว เด็กซุกซนกำลังเล่นอยู่ตรงทางเดินนี้ ผู้ใหญ่นั่งอยู่ด้วยกัน แกะเมล็ดแตงโม เล่นไพ่นกกระจอก ช่างชื่นมื่นนัก
แต่ความจริง…
คฤหาสน์ที่โดดเดี่ยว ฝังทุกคนในครอบครัวตระกูลเซิ่ง โหมวยู่เหินห่างกับพ่อ ตราบใดที่เธออยู่ลำพัง จะอยู่ข้างๆ เป็นเพื่อนโหมวยู่
ชางหลิงเดินไปตรงหน้าต่าง มองออกไปจากตรงนี้ จะสามารถเห็นทัศนียภาพที่สวยงามของภูเขา สถานที่ของพวกเขาตั้งอยู่บนยอดเขา มองลงไปด้านล่าง จะเห็นทุ่งดอกคาโนล่าท่วมเชิงเขา
อากาศบริสุทธิ์ปะทะใบหน้า ชางหลิงสูดดมอย่างละโมบ มันกวาดล้างความหม่นหมองเมื่อครู่ออกไปทันตา
กำลังจะเรียกโหมวยู่มาดู ยังไม่ทันได้ส่งเสียง มือของโหมวยู่ก็ยื่นมือเข้ามาโอบเอวของเธอแล้ว
คางของเขาวางบนศีรษะชางหลิง กอดเธอจากข้างหลัง ยืนอยู่กับเธอตรงหน้าต่าง
“ยังมีข้อความหนึ่งต้องบอกเธอ” เขากระซิบข้างหูเธอ
“อะไรเหรอ” เธอยิ้มถามเขา ศีรษะของเธอที่ถูกคางของเขากดลงมามีอาการเจ็บเล็กน้อย
“ฉันให้ฉู่ฉือจัดเตรียมกำหนดการ วันที่ยี่สิบเดือนห้า จัดงานแต่งงานที่Nova”