จี้เหยากวงทำท่าจะร้องไห้แล้ว เธอมองโหมวยู่ด้วยสายตาที่ขอความช่วยเหลือ
โหมวยู่ยื่นมือไปโอบชางหลิงไว้ บีบเอวเธอเบาๆ “เดี๋ยวน้าที่ทำอาหารก็จะมาแล้ว”
ชางหลิงผลักโหมวยู่ออกเบาๆ พูดเสริมเข้าไปอีกคำว่า “งั้นนายยังให้เหยากวงทำอาหารอีก? เดี๋ยวถ้าคนอื่นเห็น จะคิดว่าพวกเราทำไม่ดีต่อเธอหรอก”
จี้เหยากวงก้มหน้าลง ดึงปลายเสื้อไว้ สุดท้ายก็โค้งคำนับชางหลิง
“ขอโทษค่ะ พี่สะใภ้” เธอกัดริมฝีปาก พูดเสียงสั่นคลอนว่า “เป็นความผิดของฉันเอง ฉันไม่คิดว่าเรื่องจะเป็นแบบนี้ได้”
“ฉันอยากเป็นเพื่อนที่ดีของพี่จริงๆ อาจเป็นเพราะ……ฉันต่ำต้อยเกินไป ตั้งแต่เด็กก็มีแค่พี่ชาย ข้างๆไม่มีเพื่อนที่มีเงินอย่างพวกพี่ ฉันอยากเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตพวกพี่จริงๆ พี่ยู่ยอมให้ฉันเข้ามาอยู่ด้วย ฉันแค่อยากทำอะไรตอบแทนหน่อย”
“ฉันรู้ว่าฉันทำเกินไป ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่ดี ติดสารเสพติดแบบนั้น ฉันเหมือนตายทั้งเป็นเลย ตอนนั้นฉันไม่ได้สติจริงๆ คิดว่าพี่ทำร้ายฉัน ดังนั้นถึงได้พูดแบบนั้นออกไปโดยไม่คิด พี่สะใภ้ ที่ทำให้พี่กับพี่ยู่ต้องทะเลาะกันฉันขอโทษด้วยจริงๆ”
จี้เหยากวงพูดอย่างจริงใจ ทำให้กล่าวโทษเธอไม่ออกจริงๆ
แต่ว่าแม้จะเป็นแบบนี้ ชางหลิงก็ไม่อาจยอมรับได้ง่ายๆ
จะพูดยังไงดีล่ะ มีแค่ผู้หญิงที่เข้าใจผู้หญิงด้วยกัน จี้เหยากวงยิ่งทำตัวน่าสงสารเท่าไหร่ ชางหลิงก็ยิ่งรู้สึกว่าหล่อนคิดอะไรบางอย่างอยู่
“เรื่องก็ผ่านไปแล้ว” โหมวยู่พูดอย่างเรียบเฉย “เธอไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้”
เขาเงยหน้าขึ้นมองจี้เหยากวง และยังคงกอดชางหลิงไว้ ไม่ปล่อยมือ “ฉันขอปิดหาดทรายชั่วคราวก่อน พี่สะใภ้เธอว่ายน้ำไม่เป็น เพื่อความปลอดภัย ต่อไปเธอก็อย่าเข้าไปใกล้ที่นั่นอีกเลย”
จี้เหยากวงเงียบและพยักหน้า
“อีกอย่าง” โหมวยู่กวาดตามองจี้เหยากวง “ตอนนี้เธอเป็นผู้ป่วย เพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์เหมือนเมื่อตอนกลางวันอีก ฉันจะให้พยาบาลมาดูแลเธอที่นี่ พี่สะใภ้เธอร่างกายไม่ค่อยดีเท่าไหร่ เธอก็พักดูแลสุขภาพอยู่ในห้องดีๆ พยายามอย่าออกมาเลย”
โหมวยู่พูดแบบนี้ออกมา สีหน้าของจี้เหยากวงเต็มไปด้วยความตะลึง
ดังนั้น ไม่อยากให้เธอมาขวางหูขวางตาชาวหลิงงั้นเหรอ?
ชางหลิงไม่คิดว่าโหมวยู่จะพูดแบบนี้ เธอจ้องมองเขาไม่กี่วิ จากนั้นก็ยิ้มออกมา
“ค่ะ……” จี้เหยากวงตอบรับ และมองชางหลิง “พี่สะใภ้……อิจฉาพี่จัง พี่ยู่ดีกับพี่มากเลย”
“ก็สมควรแล้วไม่ใช่เหรอ?” ชางหลิงตอบกลับหล่อน “ระหว่างสามีภรรยา เพราะรักถึงได้อยู่ด้วยกันไง”
จี้เหยากวงไม่พูดอะไรอีก เธอหันหลังไป วางผ้ากันเปื้อนไว้ที่เดิม เดินขึ้นบันไดและกลับห้องตัวเอง
มองดูแผ่นหลังของเธอที่หายไปตรงทางเดิน ชางหลิงก็เลิกคิ้ว ถอนหายใจออกมา
“เหยากวงดูน่าสงสารนะ” โหมวยู่ลูบผมของชางหลิง “เธอพูดอะไรก็เพลาๆลงหน่อย เพราะไม่ว่ายังไง ก็ต้องไว้หน้าพี่สาวหล่อนด้วย”
เขาจะไม่รู้สึกถึงความเกลียดชังที่ชางหลิงมีต่อจี้เหยากวงได้ยังไง ถ้าเป็นเมื่อก่อน เขาจะเลือกยืนข้างชางหลิงโดยไม่ต้องคิดเลย แต่ตอนนี้……
“ฉันรู้แล้วน่า” ชางหลิงเบะปาก “ว่าต้องนิสัยดีหน่อย”
“ขอแค่หล่อนรับการรักษาที่นี่ดีๆ ฉันก็จะไม่ไปหาเรื่องหล่อนแน่”
โหมวยู่ยิ้มอ่อนๆ สายตากลับดูเลื่อนลอย ไม่ชัดเจนเท่าไหร่
พยาบาลเริ่มทยอยย้ายเข้ามาอยู่ในห้องคนรับใช้กันแล้ว ในบ้านก็ยังถือว่าปกติเหมือนเดิม โหมวยู่มีสายเข้าจำเป็นต้องออกไป ชางหลิงถือถ้วยกาแฟ เดินไปที่หน้าห้องป๋ายจื๋ออย่างน่าเบื่อ
เขาไม่ได้ปิดประตู ม่านในห้องถูกเปิดออกจนสว่างทั่วห้อง ด้านในมีเสียงเคาะแป้นพิมพ์ดังขึ้น เธอเคาะประตูเบาๆแล้วเดินเข้าไป
“อากาศดีขนาดนี้ ไม่ออกไปเดินเล่นหน่อยเหรอ?”
ป๋ายจื๋อมือเท้าคางนั่งอยู่หน้าโต๊ะหนังสือ ขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ซูเสี่ยวเฉิง……น่าจะเจอเรื่องวุ่นวายเล็กน้อย”
“ว่าไงนะ?” ได้ยินชื่อของซูเสี่ยวเฉิง ชางหลิงก็รีบเดินเข้าไปถึงข้างตัวป๋ายจื๋ออย่างรวดเร็ว
บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ เป็นหน้าเว็บไซต์นิยายที่ซูเสี่ยวเฉิงเขียน แต่ว่า ตอนแรกเป็นหนังสือที่มียอมวิวที่ดีมาก ไม่นานก็หดหายไปในทันที
ไม่เพียงแต่ยกเลิกตำแหน่งการแนะนำ ขนาดบนหน้าค้นหาก็ยังหาข่าวของเธอได้ยากเลย
บนหน้านั้นมีข่าวการหยุดอัปเดต บอกว่านักเขียนผิดกฎของทางเว็บไซต์ ข้อมูลหนังสือก็ถูกปิดแล้ว ยังไม่ปล่อยออกมาชั่วคราว
“ผิดกฎของทางเว็บไซต์งั้นเหรอ?” ชางหลิงไม่เข้าใจ “ปกติซูเสี่ยวเฉิงเขียนอะไรก็อยู่ในกฎอยู่แล้ว ทำไมถึง……”
ป๋ายจื๋อส่ายหัว
“ตรวจสอบบริษัทของเว็บไซต์ได้ไหม?” ชางหลิงถาม “ฉันจะดูหน่อยสิ พวกเขามีสิทธิ์อะไรมาตัดสิทธิ์หนังสือของซูเสี่ยวเฉิง”
ว่าแล้วก็ทำทันที ไม่นานป๋ายจื๋อก็ตรวจสอบข้อมูลของการสมัครเว็บไซต์ได้ บริษัทของมันอยู่ในเมืองหนาน ชื่อบริษัทว่าเยว่ลั่ง
โหมวยู่ไม่อยู่บ้าน วันตรุษจีนแบบนี้ ชางหลิงก็จะไปรบกวนฉู่ฉือกับหลีซินไม่ได้ ครุ่นคิดสักพัก ก็ไปที่โรงรถ ยืนอยู่หน้ารถโรลส์-รอยซ์ แฟนธอมที่ถูกเก็บไว้มานาน
นี่เป็นของขวัญชิ้นแรกที่โหมวยู่ให้เธอ เธอคิดว่ามันหรูหราเกินไปไม่กล้าขับออกไป แต่ตอนนี้ เธออยากเอาไปผลักดันซูเสี่ยวเฉิง ก็ต้องทำให้ดูรวยหน่อย
รถขับออกไปในถนนที่ไม่ค่อยมีรถในวันนี้สักเท่าไหร่ ป๋ายจื๋อขับรถตามหาที่อยู่ของบริษัทนี้ สุดท้ายมาจอดลงในเขตองค์กรธุรกิจ
ในระหว่างตรุษจีนนั้น คนที่ทำงานก็หยุดกันหมดแล้ว แต่นี่ไม่กระทบถึงการออกแรงของชางหลิงเลย
ป๋ายจื๋อตรวจสอบเบอร์โทรศัพท์ของผู้รับผิดชอบ ก่อนที่พวกเขาจะมาก็ทักหาเรียบร้อยแล้ว
ชางหลิงมาด้วยชื่อของเซิ่งซื่อ บอกว่าอยากซื้อลิขสิทธิ์นิยายของทางเว็บไซต์ อีกฝ่ายก็ดีอกดีใจ รีบพาบรรณาธิการมาคุยด้วย
พวกเขารออยู่ในเขตองค์กรอยู่สักพักแล้ว ไม่ถึงสิบนาที ผู้หญิงที่แขวนแว่นกรอบทองพาเด็กผู้หญิงที่ดูอ่อนวัยกว่าเดินออกมา
เห็นรถของชางหลิง ผู้หญิงก็ตาเป็นประกาย รีบเดินเข้ามาทักทายทันที
“คุณชางใช่ไหมคะ?” ผู้หญิงก้มตัวเล็กน้อยและถาม
ชางหลิงเดินลงจากรถ สวมแว่นตาสีดำด้วยสีหน้าที่ยโสโอหัง
“ฉันเป็นผู้อำนวยการบรรณาธิหารของเยว่ลั่ง ชื่อว่าจ้าวจื่อฉี คุณชาง ยินดีที่ได้พบคุณค่ะ” จ้าวจื่อฉีพูดแล้ว ก็คอยสังเกตชางหลิงอย่างละเอียด “พวกเราเข้าไปคุยกันในบริษัทเถอะค่ะ”
ชางหลิงไม่พูดอะไร ทั้งสี่คนเดินเข้าไปในบริษัทพร้อมกัน แล้วนั่งลงในห้องประชุม
จ้าวจื่อฉีวางเอกสารมากมายไว้ตรงหน้าชางหลิง และแนะนำเธอทีละเล่ม “พวกนี้คือหนังสือที่ได้รับยอดวิวดีของบริษัทเรา คุณลองดูสิคะ ว่าถูกใจเล่มไหน?”
ชางหลิงมองดูชื่อบนนั้น แต่กลับไม่เห็นชื่อหนังสือของซูเสี่ยวเฉิง เธอขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ฉันได้ยินมาว่า เว็บไซต์ของพวกคุณมีนักเขียนที่ชื่อว่า “ส้มใหญ่” อยู่ด้วย ครั้งก่อนฉันบังเอิญอ่านเจอนิยายของหล่อน มียอมวิวดีด้วย ทำไมที่นี่ถึงไม่มีล่ะ?”
ได้ยินชางหลิงพูด สีหน้าของจ้าวจื่อฉีก็ดูเปลี่ยนไป จากนั้นก็สบตากับผู้ช่วยข้างๆ
“คือว่า……คุณชาง หนังสือของนักเขียนคนนั้น มีปัญหาน่ะค่ะ ก็เลยเอาลงมาก่อน”
“ปัญหาอะไร?” ชางหลิงถาม