ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – บทที่ 254 ยังมีเวลาเท่าไหร่

บทที่ 254 ยังมีเวลาเท่าไหร่

ปีใหม่วันที่หนึ่ง จี้เหยากวงถูกรับเข้ามาในคฤหาสน์

เธอมองดูบ้านใหญ่หลังนี้อย่างตื่นเต้น มีความสุขจนควบคุมไม่ได้

“ดีจังเลย” จี้เหยากวงเดินเข้าไปหาชางหลิง ดึงแขนเสื้อเธอไว้ “พี่ชางหลิง ขอบคุณนะคะ พี่วางใจได้เลย ฉันจะเป็นเด็กดี จะไม่รบกวนพี่กับพี่ยู่เลย”

ชางหลิงก้มหน้ามองดูแขนที่ผอมแห้งของหล่อน สุดท้ายก็เก็บอารมณ์มากมายเอาไว้ในใจ

“ฉันพาเธอไปดูห้องนะ” เธอพาหล่อนขึ้นข้างบนไป เดินอยู่นานสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ตรงห้องนอนแขกตรงสุดทาง “ห้องนี้เป็นห้องนอนแขกที่ใหญ่ที่สุด มีห้องอาบน้ำส่วนตัว ยังมีระเบียงขนาดใหญ่ด้วยนะ”

พอเปิดประตูเข้าไป ก็มีแสงตะวันอบอุ่นสาดส่องเข้ามาภายในห้อง พอแน่ใจแล้วว่าหล่อนจะมา ชางหลิงก็เลยเตรียมของใช้เด็กผู้หญิงไว้มากมาย ผ้าห่มพรมก็เปลี่ยนเป็นสีชมพูหวานแหววน่ารัก

ผ้าม่านหน้าต่างสีขาวบริสุทธิ์โบกสะบัดไปมาตามลมจากทะเลที่พัดมาเหมือนกับกระโปรงของหญิงสาว จี้เหยากวงเดินเท้าเปล่าเข้าไป และเอ่ยขึ้นมาอย่างดีใจ

“เป็นของที่สวยมากเลย” เธอกระโดดโลดเต้นไปมาบนระเบียง “โตมาขนาดนี้ เป็นครั้งแรกที่ฉันมีห้องส่วนตัวเลยนะคะ”

ชางหลิงวางกระเป๋าของหล่อนลง เดินเข้าไปหาหล่อน

“พี่ชางหลิง พี่อยู่ที่นี่นานเท่าไหร่แล้วคะ?” จี้เหยากวงถามเธอกะทันหัน

“หลายเดือนแล้วล่ะ” ชางหลิงไม่เข้าใจความหมายของหล่อน เลยตอบไปตามตรง

จี้เหยากวงหันหน้าไปและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อิจฉาพี่จังเลย”

“มีพี่ยู่ที่ทั้งมีเงินและมิหนำซ้ำยังเป็นผู้ชายที่ดีมากอีกด้วย”

“ไม่ต้องอิจฉาฉันหรอก” ชางหลิงปลอบใจหล่อน “รอเธอหายดีแล้ว ต่อไปเธอก็จะตามหาผู้ชายดีๆที่เหมาะสมกับเธอได้เอง”

“แต่ว่า……” จี้เหยากวงก้มหน้าลง ผ่านไปสักพักใหญ่ ก็ถามชางหลิงอย่างจริงจังว่า “คงไม่มีใครดีไปกว่าพี่ยู่แล้ว ใช่ไหม”

ชางหลิงอึ้ง

คำพูดของจี้เหยากวงทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ ความไม่สบายใจนี้ ก็เหมือนกับความรู้สึกที่ชางฉิงเคยทำให้กับเธอในตระกูลชาง

“จัดการเสร็จหรือยัง?” เสียงของโหมวยู่ดังขึ้นหน้าประตู ชางหลิงหันหน้าไป โหมวยู่กำลังพิงขอบประตู กอดอกและมองเธอ

“พี่ยู่ ห้องนี้สวยจังเลยค่ะ!” จี้เหยากวงยิ้มและวิ่งไปหาโหมวยู่ ทำท่าจะจับมือโหมวยู่

ชางหลิงใจเต้นเร็วตึกตัก แต่ทว่า ร่างกายโหมวยู่กลับหลบไปข้างๆอย่างเร็ว เห็นได้ชัดว่าตั้งใจหลบการแตะเนื้อต้องตัวจากจี้เหยากวง

รอยยิ้มบนใบหน้าจี้เหยากวงชะงักค้าง เธอจ้องโหมวยู่อยู่สักพักใหญ่ จากนั้นดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมา

“พี่ยู่……พี่……รังเกียจฉันเหรอ?”

พวกเขารู้ว่าเธอเคยทำอะไรมาก่อน นี่ก็คือปมในใจที่จี้เหยากวงข้ามผ่านไปไม่ได้

“ขอโทษด้วยนะ” โหมวยู่ตั้งใจบอกกล่าวกับเธอ “ฉันไม่ชอบให้เพศตรงข้ามแตะเนื้อต้องตัวน่ะ”

เขาเดินไปข้างชางหลิง โอบไหล่เธอไว้ “ต่อไปถ้าเธอมีเรื่องอะไร ก็มาบอกพี่สะใภ้เธอเลยนะ ฉันไม่รู้เรื่องของเด็กผู้หญิงเสียเท่าไหร่ เธอก็จะได้สะดวกหน่อย”

ชางหลิงเงยหน้าขึ้นมองโหมวยู่ อารมณ์ไม่สบายใจเมื่อกี้ก็หายไปเป็นปลิดทิ้ง

ก็ได้ เห็นแก่ที่เขารู้ตัวเองดี ยังไม่โกรธเขาแล้วกัน

“ค่ะ” จี้เหยากวงตอบตกลง แววตาจ้องมองมาที่ชางหลิงโดยไม่ชัดเจน เหมือนมีหมอกมาบดบังไว้ สะบัดออกไปไม่ได้

แสงแดดยามบ่ายกำลังดี ชางหลิงพาจี้เหยากวงไปเดินเล่นในสวน ทะเลในฤดูหนาวดูจะลึกมาก จี้เหยากวงเดินอยู่บนทราย และเก็บเปลือกหอยระหว่างทางด้วย

“พี่ชางหลิง มาตรงนี้สิ” จี้เหยากวงชูสิ่งของในมือและตะโกนขึ้นมาอย่างดีใจ

ชางหลิงกลัวน้ำตั้งแต่มีประสบการณ์จากโม่โม่ครั้งก่อน เธอก็กลัวน้ำมาตลอด เธออยู่ห่างๆ ไม่กล้าเข้าไปหา

“อย่าเข้าไปแล้ว น้ำตอนนี้ลึก อันตรายมากนะ”

จี้เหยากวงยืนนิ่ง เธอหันไปมองดูทะเลอันกว้างขวาง หันกลับมาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “พี่ชางหลิง พี่ว่ายน้ำไม่เป็นเหรอ?”

ชางหลิงพยักหน้า

“ไม่เป็นไร ฉันว่ายเป็น! ฉันว่ายน้ำดีมากเลยนะ” จี้เหยากวงนั่งลงเก็บเปลือกหอยต่อไป ระหว่างที่โน้มตัวลงนั้น รอยยิ้มบนใบหน้าก็แปลกประหลาดขึ้นมา

เห็นชางหลิงกับจี้เหยากวงเข้ากันได้ดี นานๆทีจะมีเวลาว่างแบบนี้ โหมวยู่จึงขับรถไปโรงพยาบาล

อาการปวดหัวของเขากำเริบถี่เกินไปแล้ว ยาแก้ปวดในบ้านก็กินจนจะหมดแล้ว เขากังวล กลัวว่าถ้าตัวเองอาการกำเริบขึ้นต่อหน้าชางหลิง เธอคงได้ตกใจแน่

โรงพยาบาลในวันตรุษจีนนั้นไม่คึกคักเหมือนแต่ก่อน โหมวยู่ทำการตรวจสอบตามขั้นตอน สุดท้ายก็มานั่งอยู่ในห้องทำงานของหมอ

“คุณชายรอง” หลินจื้อเป็นหมอแผนกสมองที่มีอำนาจในโรงพยาบาลแห่งนี้ และเคยเป็นคนของตระกูลเซิ่ง รู้จักกับโหมวยู่มานานหลายปี

“คุณจะเลื่อนเวลาอีกไม่ได้แล้วนะ” เขาเอาผลสแกนบริเวณศีรษะวางไว้ตรงหน้าโหมวยู่ “ตรงจุดเงาเริ่มกระจายตัวแล้ว ตอนนี้กดอัดระบบประสาทในสมองส่วนอื่น ถ้าปล่อยให้กระจายตัวไปเรื่อยๆ เกรงว่า……”

โหมวยู่สีหน้ามืดมนลง เอาแต่เงียบไม่พูดอะไร

“ความเสี่ยงในการผ่าตัดมีมากเท่าไหร่?” สักพักใหญ่ โหมวยู่ก็ถามเขา

“สถานการณ์ของคุณค่อนข้างซับซ้อน” หลินจื้อตอบเขา “ลิ่มเลือดตอนนี้อยู่ด้านบนของส่วนฮิปโปแคมปัส ถึงจะผ่าตัดสำเร็จ ก็จะกระทบต่อการใช้ชีวิตในภายภาคหน้า……”

“มีผลกระทบอะไรบ้าง?” โหมวยู่หรี่ตาลง

“ผมยังไม่สามารถตอบได้ แต่ว่า อาจจะทำให้ความทรงจำเสื่อม หรืออาจจะทำให้ความทรงจำหายไปส่วนหนึ่ง……”

ความทรงจำหายไปส่วนหนึ่งงั้นเหรอ?

โหมวยู่มองค้อนหลินจื้อ

งั้นก็หมายความว่า หลังจากที่ผ่าตัดสำเร็จแล้ว เขาจะทำอะไรไม่ได้? ขนาดชางหลิง……เขาก็จะลืมไปด้วยงั้นเหรอ?

“และ คุณพลาดโอกาสผ่าตัดที่ดีที่สุดไปแล้ว ผมว่านะ คุณไม่ควรไปมิลานเลย ถ้าคุณมาก่อนหน้านี้หนึ่งเดือน ความเสี่ยงในการผ่าตัดก็จะไม่สูงขนาดนี้ ตอนนี้ ความจำเสื่อมเป็นสถานการณ์ที่ดีที่สุดแล้วล่ะ……”

“ร้ายสุดคืออะไร?” โหมวยู่พูดด้วยเสียงอ่อนๆ

“ผ่าตัดสมอง มีความเสี่ยงที่สูงมากอยู่แล้ว……” หลินจื้อลังเลสักพัก “แม้ผมจะเป็นคนผ่าตัด โอกาสในการสำเร็จ ก็มีแค่ร้อยละสี่สิบ”

“นั่นก็หมายความว่า ถึงแม้ฉันจะผ่าตัดแล้ว ก็อาจจะตายได้” โหมวยู่สรุปออกมา

“แต่ว่า ถ้าคุณผ่าตัด อย่างน้อยก็มีความเป็นไปได้ร้อยละสี่สิบ ถ้าไม่ผ่าตัด ก็จะไม่มีผลลัพธ์อะไรเลย” หลินจื้อร้อนรนขึ้นมา

“ถ้าไม่ผ่าตัด ฉันยังมีเวลาเหลืออีกนานเท่าไหร่?” โหมวยู่ก้มหน้าลง

“ครึ่งปี นานสุดสิบเดือน”

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

Status: Ongoing

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท