ทั้งสองคนไม่ได้พูดอะไรกันทั้งคืน ถึงจะนอนเตียงเดียวกัน แต่ก็หันหลังให้กัน ไม่มีใครทำลายความสงบนี้
ชางหลิงหลับตา แต่กลับนอนไม่หลับทั้งคืน ในใจคิดแต่คำพูดที่โหมวยู่พูด ยิ่งคิดยิ่งโมโห แต่โหมวยู่กลับทำเหมือนไม่มีอะไรเลย ไม่ได้มีพฤติกรรมอยากเข้ามาปลอบใจเธอแม้แต่น้อย
เป็นวันใหม่อีกวัน ตั้งแต่เช้า ชางหนิงได้รับข้อความจากชางหวยซู บอกว่าอยากให้เธอกลับบ้านหน่อย
เวลาพิเศษแบบนี้ ต้องมีเรื่องวุ่นวายที่พูดไม่ชัดเจน คนเย็นชาอย่างโหมวเจิ้งถิงอยากให้โหมวยู่กลับบ้านไปตรุษจีน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงชางหวยซู
ชางหนิงคิดไปสักพัก ถึงแม้ว่าชางหวยซูจะทำเรื่องเกินไปไม่น้อย และไม่ใช่พ่อแท้ๆของเธอ แต่ทำยังไงได้ เขาเลี้ยงเธอมา22ปี
ตระกูลชางเป็นคนห่วงศักดิ์ศรี ชางหลิงรู้ดี ตั้งแต่เธอกลายเป็นประธานของบริษัทชางซื่อจื้อเย่ ญาติทางตระกูลชางก็เริ่มซ้ำเติมชางหวยซู เขาให้เธอกลับไป ก็คงแค่อยากทำให้ตัวเองได้หน้าเท่านั้น
โหมวยู่นั่งอยู่บนโซฟา ถือโทรศัพท์ไว้ไม่รู้ว่าดูอะไร ชางหนิงเดินเข้าไป ท่าทางลังเล
“โหมวยู่……..” สุดท้าย เธอก็เปิดปากพูด “ฉันจะกลับตระกูลชางหน่อย คุณ……จะกลับไปกับฉันไหม?”
โหมวยู่ไม่แม้แต่เงยหน้า ท่าทางยังคงเย็นชา
“ไปตระกูลชางทำไม?”
“ก็แค่ ไปดูหน่อย” ชางหนิงตอบอย่างระมัดระวัง กลัวโหมวยู่จะโกรธอีก “คุณดู ครอบครัวอื่นวันตรุษจีน ต่างก็ไปเยี่ยมญาติกัน ถึงแม้ว่าพวกเขา จะทำให้ฉันไม่มีความสุข แต่ว่ามีเพียงพวกเขาที่ถือว่าเป็นญาติฉัน”
“ไม่เกี่ยวกับผม” โหมวยู่ก้มหน้า
ใจชางหลิงรู้สึกผิดหวังมาก
“ถ้างั้น เราออกไปเดินเที่ยวกันหน่อย?” ความจริงเธอก็ไม่อยากกลับตระกูลชาง แค่อยากหาข้ออ้าง อยากทำให้บรรยากาศระหว่างพวกเขาดีขึ้นบ้าง
“ไปดูคอนโดที่แม่ฉันทิ้งไว้ให้ฉัน” ชางหนิงเสนออีกครั้ง
“นั่นมันห้องหอของคุณกับหยูเฉินไม่ใช่เหรอ? ผมไปทำไม?” โหมวยู่ตอบกลับมาอย่างไม่เป็นมิตรอีกครั้ง
ชางหลิงกำหมัดไว้แน่น ยังคงกลั้นอารมณ์โกรธไว้
“ถ้าอย่างนั้นไปเยี่ยมซูเสี่ยวเฉิงคงได้แล้วนะ เราเคยพูดกันแล้ว ว่าจะไปบ้านพวกเขาวันตรุษจีน” พอดีเลย ใช้โอกาสนี้คุยกับซูเสี่ยวเฉิงดีๆหน่อย ทั้งสองคนเงียบกันมานานแล้ว เงียบต่อไปอีก คงเย็นชาจนคืนดีไม่ได้แล้ว
“คุณคิดว่าเธอจะต้อนรับคุณอย่างนั้นเหรอ?” โหมวยู่เงยหน้ามองเธอแล้ว แต่กลับยิ้มอย่างเหยียดหยาม
“ถ้าอย่างนั้นคุณต้องการยังไง?” ชางหลิงลุกขึ้นด้วยความโมโห “ถ้าหากคุณยังโกรธฉันเพราะเรื่องที่ฉันพูดเมื่อคืน ฉันขอโทษคุณ ฉันรับรองว่าจากนี้จะไม่พูดเรื่องโง่แบบนั้นอีก แต่ว่าถ้าคุณรู้สึกไม่พอใจอะไร คุณก็บอกฉัน ต้องมีช่องว่างให้ฉันแก้ตัวบ้าง ทำไมต้องพูดจาเสียดสีฉันแบบนี้?”
โหมวยู่หัวเราะเย็นชา เหล่ตามองชางหลิง แล้วเก็บมือถือ จะเดินขึ้นห้อง “แล้วแต่คุณจะคิดยังไง”
“คุณเป็นอะไรของคุณ?” ชางหลิงไม่ยอม ดึงมือของเขาไว้ “หลายวันนี้คุณผิดปกติมาตลอด เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่? ฉันทำอะไรผิดคุณถึงต้องทำกับฉันแบบนี้?”
“คุณไม่รู้เหรอ?” โหมวยู่เอียงหน้ามา จ้องหน้าเธอไว้
“ตอนแรกผมคิดว่า คุณน่าจะเป็นคนมีเหตุผลไร้เดียงสา แต่ทุกวันนี้ มีให้เปรียบเทียบแล้ว ผมถึงรู้ว่า ที่แท้คุณก็แค่นั้น”
เปรียบเทียบ?
ชางหลิงเบิกตากว้าง
เปรียบเทียบที่เขาพูดถึง คงไม่ใช่จี้เหยากวงหรอกนะ
“คุณพูดแบบนี้อีก ฉันจะโกรธจริงแล้วนะ” ชางหลิงสีหน้าเคร่งขรึมลงทันที
“แล้วแต่คุณ” โหมวยู่สะบัดมือชางหลิงออก ขึ้นห้องไป
ชางหลิงยืนอยู่ที่เดิม ร่างกายสั่นเล็กน้อย
มีเหตุผล……ไร้เดียงสา?
เธอชางหลิงต้องการให้เขามาติดป้ายให้เธอตั้งแต่เมื่อไหร่? เธอดูแล้วเหมือนคนมีเหตุผลไร้เดียงสาเหรอ? ถ้าหากโหมวยู่อยากหาผู้หญิงแบบนั้นตั้งแต่แรก จะมายุ่งเกี่ยวกับเธอทำไม?
ป๋ายจื๋อเดินออกมาจากห้อง เห็นโหมวยู่เดินเข้าห้องปิดประตูพอดี ส่วนชางหลิงยืนอยู่ตรงบันได สีหน้าไม่ดี
ยังไม่ได้คืนดีเหรอ? ป๋ายจื๋อเดินไปข้างเธอ ถามไปประโยคหนึ่ง
ชางหลิงกัดฟัน “ท่าทางเขาเหมือนคนที่อยากคืนดีกับฉันไหม?”
ป๋ายจื๋อหันกลับไปมองฝั่งห้องนอนโหมวยู่ เหมือนคิดอะไรบางอย่าง
“พวกเราไป” ชางหลิงหยิบกระเป๋าตัวเอง เดินออกไป “เขาไม่ไปก็ช่าง”
บ้านหลังนี้ตอนนี้ยิ่งอยู่ต่อไปไม่ได้แล้ว ตั้งแต่จี้เหยากวงเข้ามาบรรยากาศก็ไม่ดี พฤติกรรมที่โหมวยู่ทำปฏิบัติต่อเธอ เธออยู่ต่อแม้แต่นาทีเดียวก็รู้สึกอึดอัด
ประตูชั้นล่างปิดเสียงดังปัง โหมวยู่ได้ยินเสียง เปิดประตูห้องนอน
เขามองไปทางประตู สายตาที่เย็นชาเปลี่ยนเป็นเศร้าโศก
“พี่ยู่” จี้เหยากวงได้ยินเสียงเหมือนกัน เธอยืนอยู่หน้าประตูห้องตัวเอง มองร่างโหมวยู่ “พี่เป็นยังไงบ้าง?”
โหมวยู่เก็บสายตากลับมา ยกมือขึ้นดูเวลาบนนาฬิกา “ถึงเวลาหมอจะมาทำการรักษาให้เธอ เตรียมตัวไว้ก่อน”
พูดจบ โหมวยู่ก็หันกลับเข้าห้อง แต่จี้เหยากวงกลับยิ่งเข้ามาหาเขา
“คำพูดที่พี่พูดกับพี่ชางหลิงเมื่อกี้ ฉันได้ยินหมดแล้ว” จี้เหยากวงแววตาเป็นประกาย “ความจริง พี่ชางหลิงนอกจากอารมณ์ร้ายนิดหน่อย อย่างอื่นก็ดีมาก เธอยอมให้ฉันอยู่ที่นี่ ฉันก็ขอบคุณเธอมากแล้ว พี่ยู่อย่าโกรธเธอเพราะเรื่องของฉันเลยนะ”
โหมวยู่ไม่ได้พูด สายตาเย็นตา
“ฉันรู้ว่าฉันรบกวนพี่พวก แต่ว่าฉันไม่มีที่ไปจริงๆ ฉันไม่เหมือนกับพี่ชางหลิงนิสัยร่าเริงมนุษยสัมพันธ์ดี เธอมีเพื่อนมากมาย พี่หลีซินแล้วก็คุณป่ายที่พักอยู่ที่นี่ ดูเหมือนดีกับเธอมาก……”
“พวกเขาดีต่อเธอ เพราะเธอคู่ควร” โหมวยู่พูดตัดเธอ
“หา?” จี้เหยากวงอึ้งเล็กน้อย
“อีกอย่างเธอนิสัยเสีย เพราะผมตามใจเอง” โหมวยู่เอามือใส่ในกระเป๋า มองหน้าจี้เหยากวง “เพราะฉะนั้น ในเมื่อคุณพักที่นี่ ก็ทนนิสัยเธอหน่อย”
“พี่ยู่…….” จี้เหยากวงเสียใจเกือบร้องไห้แล้ว
โหมวยู่นี่คือจิตใจแบบไหน ผู้ชายปกติคนหนึ่ง เห็นผู้หญิงของตัวเองอยู่กับผู้ชายคนอื่น จะไม่หึงหวงเลยเหรอ?
“พี่ชายคุณเป็นผู้มีพระคุณของผม ผมดูแลคุณนั่นคือน้ำใจของผม แต่ว่าคุณทำตัวยังไง มันเกี่ยวข้องกับการเลี้ยงดูของคุณ ผมเชื่อว่า คนซื่อตรงอย่างหัวหน้าหน่วยจี้ น้องสาวของเขาคงไม่ทำให้เขาขายหน้า”
พูดจบ ก็เดินเข้าไปในบ้าน จี้เหยากวงยังอยากพูดอะไรอีก แต่ก็ถูกขวางกั้นด้วยประตูแล้ว
จี้เหยากวงจ้องประตูที่ถูกปิดแล้ว ค่อยๆหันตัว มือที่วางข้างลำตัวค่อยๆกำหมัดไว้แน่น ดวงตาที่ดูน่าสงสารกลายเป็นโหดร้าย
ชางหลิงคนนี้มีเสน่ห์อะไร? ทำไมโหมวยู่ถึงปกป้องเธอโดยไม่มีข้อแม้แบบนี้? ไม่รู้สึกหวั่นไหวแม้แต่น้อย?