เรื่องนี้ทำให้ชางหลิงตกอยู่ภายใต้ความกดดัน
เธอไม่กลัวหรอกว่าหลิวเย่นฟางจะไปฟ้องร้องเธอกับป๋ายจื๋อจริงๆเพราะสำหรับเรื่องที่เธอไม่เคยทำ เธอไม่ต้องกังวลอะไร
แต่เรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับโหมวยู่ยิ่งแย่ลงเรื่อยๆ
ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ยังคงวางแผนอนาคตกันอยู่เลย แต่ในเวลาสั้นๆ แค่ไม่กี่วันมานี้ เขาก็แตกต่างกันราวกับเป็นคนละคนเลย
ชางหลิงกลับไปถึงที่วิลล่าหนานวาน
เมื่อเปิดประตู แวบแรกเธอก็เห็นคนจำนวนมากยืนอยู่ที่ตำแหน่งชั้นบน ซึ่งพวกเขาก็เป็นคุณหมอที่ทำการรักษาจี้เหยากวง
อาการบาดเจ็บของจี้เหยากวงคงกำเริบอีกแล้วมั้ง ชางหลิงอ่อนเพลียอย่างมากเธอขึ้นไปข้างบน และเดินเข้าไปที่ห้องของ จี้เหยากวง
“พี่ยู่คะ พี่อย่าทิ้งฉันไปเลยนะคะ ฉันกลัว…” เพื่อป้องกันไม่ให้จี้เหยากวงทำร้ายตัวเองในระหว่างที่ยาออกฤทธิ์ มือทั้งสองข้างของเธอจึงถูกมัดไว้ และเธอก็คว้าแขนเสื้อของโหมวยู่ไว้ด้วยสีหน้าซีดเซียว
“ผมไม่ไปหรอก” โหมวยู่นั่งลงที่ขอบเตียงของเธอ เขาขมวดคิ้วแล้วมองเธอ
“ปีศาจ… ปีศาจมาแล้ว!” จี้เหยากวงมองเงาร่างของชางหลิงด้วยตาคมกริบไปแวบหนึ่งสีหน้าเธอเปลี่ยนไปแล้วชี้ไปที่เธอพร้อมกับตะโกนลั่นขึ้นมา “เอาเธอออกไป! อย่ามาใกล้ฉัน!”
ชางหลิงหรี่ตาลง หากว่าจี้เหยากวงไม่ป่วยฝีมือในการแสดงนี้ของเธอคงจะยอดเยี่ยมมากจริงๆแต่ถ้าเธอป่วยจริงๆ อาการป่วยนี้ของเธอคงจะแปลกมากเช่นกัน เธอเกิดมาเพื่อพุ่งเป้าหมายมายังเธอโดยเฉพาะงั้นเหรอ?
โหมวยู่หันหน้ากลับมาแล้วมองชางหลิงด้วยสายตาที่เย็นชา “ออกไปสะ”
ชางหลิงกระหืดกระหอบ “ทำไมฉันต้องออกไปด้วยเหรอ? เธอมันเล่นยานะ ไม่ใช่โรคประสาท มันเกิดอะไรขึ้นงั้นเหรอ? ทุกครั้งที่เห็นฉันก็มักจะล้มป่วยตลอดมันเป็นเพราะฉันทำให้เธอกลายเป็นแบบนี้งั้นเหรอ?”
“ไสหัวออกไปสะ!” แค่ครู่เดียวน้ำเสียงของโหมวยู่ก็ดุเดือดและรุนแรงขึ้นมาทันที
ชางหลิงเบิกตากว้างความคับข้องใจตอนที่อยู่ที่โรงพยาบาลยังไม่ได้บรรเทาแต่พอกลับถึงบ้านโหมวยู่ยังทำท่าทีแบบนี้กับเธออีก ดังนั้นความรู้สึกที่เธอต้องอดกลั้นมานานก็พังทลายลง
“คุณพูดอีกรอบสิ?” ชางหลิงถามเขา ด้วยดวงตาที่แดงฉาน
“พี่ยู่ ฉันกลัวมากเลย…” จี้เหยากวงยังคงดึงแขนเสื้อของเขาไว้แน่น “คุณช่วยฉันด้วย ช่วยฉันด้วยนะคะ…”
โหมวยู่ไม่ได้พูดอะไรอีก แค่ทำท่าทางที่เย็นชาใส่เธอเท่านั้น
“คุณต้องการให้ฉันออกไปงั้นเหรอ?” ชางหลิงหัวเราะเยาะ “เพียงเพื่อเธองั้นเหรอ?” เธอชี้ไปที่จี้เหยากวงที่นอนอยู่บนเตียง
“นับตั้งแต่วันที่เธอมา คุณก็เปลี่ยนไปเลยสิ่งที่คุณเคยบอกฉันก่อนหน้านี้ล้วนเป็นแค่คำพูดที่ไร้สาระใช่ไหม?” ชางหลิงโกรธจนยั้งอารมณ์ไว้ไม่ได้ “โหมวยู่ทางที่ดีคุณอย่าเสียใจทีหลังแล้วกันนะตอนนี้คุณต้องการไล่ให้ฉันออกไปหลังจากไล่ให้ไปแล้วฉันคงจะไม่กลับมาอีกแล้วนะ”
“แล้วแต่คุณ” โหมวยู่ยังคงเฉยชา
ชางหลิงกำหมัดแน่นซึ่งยังมีคนมากมายมองดูเธอจากด้านข้าง เธอคับแค้นใจแค่นั้นจากนั้นเธอก็หันหลังกลับและกำลังจะจากไป
เดิมทีเธอยังคิดว่าบางทีหลังจากที่โหมวยู่สงบลงแล้วระหว่างพวกเขายังคงสามารถมาคุยปรับความเข้าใจกันได้ แต่เมื่อเห็นท่าทีของเขาในตอนนี้แล้วระหว่างพวกเขาก็คงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก
ชางหลิงเข้าไปเก็บของในห้องนอนใหญ่โดยไม่พูดไม่จาสักคำ เธอยัดเสื้อผ้าทั้งหมดจากในตู้เสื้อผ้าลงในกระเป๋าเดินทางและพวกโฟมล้างหน้าไม้แปรงฟันในห้องน้ำที่สามารถนำไปได้ก็นำไปและสิ่งที่ไม่สามารถนำไปได้ก็ถูกห่อแล้วโยนเข้าถังขยะไป
“ออกไปก็ออกไป” ชางหลิงโกรธจนถึงขีดสุด “เป็นเพราะว่าฉันเชื่อใจเขามากไป เป็นเพราะว่าฉันยังคงคิดว่าเขาจะเป็นที่พึ่งของฉันไปตลอดชีวิตที่เหลือจากนี้ ไอ้ผู้ชายเหี้ยๆ!”
เธอจัดกระเป๋าเดินทางสองใบอย่างเร่งรีบ เธอจงใจเคลื่อนไหวอย่างแรง แล้วลงไปชั้นล่าง แต่ก็หยุดอยู่ที่ประตูไปไม่กี่วินาที
เมื่อหันหน้ากลับไปสุดท้ายแล้วโหมวยู่ก็ยังไม่ได้ออกมาจากห้องของจี้เหยากวง ชางหลิงสิ้นหวังอย่างมากเธอเบะปาก และกำลังจะร้องไห้ออกมา
มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่นะ?
ต้องการให้เธอออกไปเพราะจี้เหยากวงจริงๆ เหรอ?
เธอไม่ได้รับความเป็นธรรมเอาสะเลยพอกลับถึงบ้าน แค่เพราะจี้เหยากวงพูดว่าเธอเป็นปีศาจ เขาถึงกับต้องให้เธอออกไปจริงๆ งั้นเหรอ?
ชางหลิงมองดูกระเป๋าเดินทางสองใบในมือของเธอซึ่งเธอก็จงใจทำเสียงดังขนาดนั้นด้วยโหมวยู่ไม่ได้ยินเลยงั้นเหรอ?
อยู่ๆ เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้นเมื่อชางหลิงได้ยินเสียง เธอก็ปาดน้ำตา แล้วเปิดประตู
หลีซินและซูเสี่ยวเฉิงยืนอยู่ที่ประตู ซึ่งทั้งสองยังคงถือของขวัญไว้ในมือ
“เสี่ยวหลิงหลิง?” แค่แวบเดียวซูเสี่ยวเฉิงก็สังเกตเห็นว่ามีบางอย่างผิดปกติกับชางหลิง เธอจึงเดินตรงไป “เธอเป็นอะไร?”
“เธอมาที่นี่ได้ยังไง?” ชางหลิงตะลึง
นับตั้งแต่ครั้งล่าสุดที่ทะเลาะกับซูเสี่ยวเฉิงนั้น พวกเขาก็ไม่ได้ติดต่อกันอีกเลยแต่ทำไมวันนี้ถึงมาหาถึงที่กับหลีซินล่ะ
“ฉัน…” ซูเสี่ยวเฉิงมองหลีซินที่อยู่ข้างๆ เขาอายเล็กน้อย “ฉันอยากมาหาเธอเพื่อถามอะไรสักหน่อยน่ะ”
หลีซินหัวเราะแหะๆ และกำลังจะพูด แต่เขาก็เหลือบมองเห็นกระเป๋าเดินทางที่อยู่ข้างหลังเธอ เขาก็รู้สึกสงสัยขึ้นมา
“เสี่ยวหลิง คุณเก็บกระเป๋าทำอะไรเหรอ? หรือว่าจะไปพักผ่อนวันยุดกับพี่ใหญ่?” หลีซินถามเธอ
ซูเสี่ยวเฉิงจ้องเขาไปแวบหนึ่ง เขานี่ช่างไม่มีสายตาของความสามารถในการสังเกตจากสีหน้าและคำพูดเอาสะเลย มันเห็นได้ชัดว่า สีหน้านี้ของชางหลิง มันดูไม่เหมือนจะไปพักผ่อนวันหยุดตรงไหนเลย?
“เข้ามาก่อนเถอะ” ชางหลิงสงบสติอารมณ์ตัวเองไปพลางๆ ก่อน เธอก้าวถอยหลังไปก้าวหนึ่ง แล้วให้พวกเขาเข้ามา
เมื่อหลีซินเห็นความคึกคักที่ชั้นบนก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อย “เหยากวงเหรอ? เกิดอะไรขึ้นกับเธองั้นเหรอ?”
ชางหลิงนั่งลงบนโซฟาเธอกอดอกไว้ด้วยท่าทางที่ไม่ค่อยอยากจะสื่อสารเท่าไหร่
“พวกเธอทะเลาะกันเหรอ?” ซูเสี่ยวเฉิงก็นั่งลงเช่นกัน “เป็นเพราะไอ้ผู้หญิงที่ชื่อว่าจี้เหยากวงงั้นเหรอ?”
ระหว่างที่เธอเดินทางมาก็ได้ยินหลีซินพูดมาบ้างล่ะ
เป็นเพราะเธอหรือเปล่า?
ตัวชางหลิงเองก็บอกแน่นอนไม่ได้
เป็นเพราะตั้งแต่ที่จี้เหยากวงมาท่าทีของโหมวยู่ที่มีต่อเธอก็แย่ลงไปเลย แต่นั่นก็ไม่ใช่เพราะจี้เหยากวงทั้งหมดหรอก
“เดี๋ยวผมจะขึ้นไปดูก่อน” หลีซินพูดไปประโยคหนึ่งแล้วมุ่งตรงไปยังชั้นบน
เมื่อซูเสี่ยวเฉิงเห็นว่าชางหลิงไม่ตอบ เธอก็เข้าไปใกล้ชางหลิง “ฉันขอโทษนะเสี่ยวหลิงหลิง วันนั้นฉันก็ทำเกินไปหน่อย จริงๆที่จริงแล้วพอฉันกลับถึงบ้านฉันก็รู้สึกเสียใจเหมือนกันนะแค่ไม่รู้ว่าที่จะเอ่ยปากขอโทษเธอยังไงดี”
ซูเสี่ยวเฉิงเป็นฝ่ายเริ่มจับมือของชางหลิง”เราเป็นเพื่อนสนิทกันมานานขนาดนี้แล้วฉันย่อมรู้ดีว่าเธอเป็นคนแบบไหน แต่ฉันกลับพูดคำพูดที่หยาบคายกับเธอเพียงเพราะเรื่องเล็กน้อยเหล่านั้น”
ชางหลิงแสดงความซาบซึ้งเล็กน้อย “ฉันลืมมันไปหมดแล้วล่ะ”
ซูเสี่ยวเฉิงยิ้ม “แล้วเรื่องนิยายของฉัน เธอเป็นคนทำเหรอ?”
“เอ๊ะ?” ชางหลิงประหลาดใจ
“เธอไปหาบรรณาธิการใหญ่ของฉันใช่ไหม?” ซูเสี่ยวเฉิงถามเธอ
ชางหลิงขยับตัว และพยายามจะปกปิด “ฉัน ฉันไม่ได้ทำนะ…”
“อย่าปิดบังฉันเลย” ซูเสี่ยวเฉิงตบไหล่เธอเบาๆ “หนังสือของฉันเป็นยังไงฉันย่อมรู้อยู่แก่ใจดีเพราะมันไม่มีทางได้รอดตายหรอก เว้นแต่จะเข้าไปด้วยเส้นสาย ดังนั้น เธอก็ต้องเป็นคนทำสิ”
“ฉันแค่เดาก็เป็นเธอแล้ว” ดังนั้นเธอจึงตัดสินใจเป็นฝ่ายเริ่มมาขอโทษกับเธอ ซึ่งเธอก็ไม่คิดเลยว่า เธอเพิ่งจะออกจากประตูบ้าน ก็เห็นหลีซินที่เดินไปเดินมาหน้าประตูบ้านตระกูลซูแล้ว
“ในที่สุดเธอก็รู้แล้ว” ชางหลิงยิ้ม “งั้นฉันคงไม่ปิดบังล่ะ นี่เป็นความฝันของเธอ ฉันในฐานะเพื่อน ไม่สามารถช่วยอะไรเธอได้เลยจึงทำได้ออกเงินเล็กน้อย ออกแรงนิดหน่อย
“นี่มันเงินเล็กน้อยงั้นเหรอ?” ซูเสี่ยวเฉิงตีเธอเบาๆ “คราวหน้าถ้ามีเรื่องแบบนี้จะต้องบอกฉันก่อนนะ แม้ว่าตอนนี้เธอจะเป็นเถ้าแก่เนี้ยของเซิ่งซื่อแล้ว เธอคงไม่สามารถ…”
พูดไปแค่ครึ่งทาง ซูเสี่ยวเฉิงก็ตระหนักได้ว่าสิ่งที่ตัวเองพูดมันไม่เหมาะสมเธอลืมตาขึ้นมองไปยังชั้นบน แล้วมองมาที่ชางหลิงซึ่งดูสีหน้าผิดปกติเล็กน้อย เธอจึงกดเสียงลง
“ท่าทางของเธอไม่ใช่ว่ากำลังจะหนีออกจากบ้านหรอกนะ”