“ถ้าผมไม่อยู่แล้ว คนขับรถก็คือเธอ” ป๋ายจื๋อพูดอย่างเฉยชา “ถ้าเป็นโหมวเจิ้งถิง มันเป็นไปไม่ได้ที่เขาแค่ลงมือที่กล้องติดรถยนต์ เบรกและเครื่องยนต์ ก็จะสามารถทำให้ถึงแก่ชีวิตได้”
“แค่หาคนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาแกล้งทำเป็นว่าโดนรถชน เพียงเพื่อที่จะส่งตัวเธอเข้าคุก เห็นได้ชัดว่าไม่อยากทำร้ายเธอจนถึงแก่ชีวิต หรือมันจะเป็นแค่การเตือน หรืออาจเป็นการให้โอกาส ……” ป๋ายจื๋อหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง “หรืออาจจะ……”
“เพียงแค่อยากให้เธอจากไป”
หากเพียงเพื่อเงิน ด้วยความสามารถของโหมวยู่แล้ว เขาสามารถหยิบเงินหลายสิบล้านออกมาตามต้องการโดยไม่กะพริบตาเลยก็เป็นได้ แต่เห็นได้ชัดว่า สิ่งที่คนนั้นต้องการ มันไม่ใช่เงินหลายสิบล้านนี้เลย แต่เป็น…โหมวยู่ หรือกระทั่งทุกสิ่งอย่างของตระกูลโหมว
ป๋ายจื๋อไม่ได้พูดอะไรมากอีกเขาลากกระเป๋าเดินทางแล้วจากไป
แต่เมื่อไปถึงที่ประตูดูเหมือนว่าจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ เขาจึงหันกลับมามองอีกครั้ง
“เห็นได้ชัดว่าคุณเชื่อใจเธอไปแล้วและก็ไม่เคยสงสัยเลยว่าพวกเราทำร้ายคน ทำไมตอนอยู่ที่โรงพยาบาล ต้องทำเป็นจงใจยั่วให้เธอโกรธด้วย?”
โหมวยู่นิ่งเงียบ และไม่ได้ตอบกลับ
ป๋ายจื๋อหรี่ตาที่ซ่อนอยู่ภายใต้แว่นตานั้นลง และสังเกตไปที่หน้าของโหมวยู่อย่างรอบคอบ
“สีหน้าคุณแย่มาก” ป๋ายจื๋อเสียงเบา “มันดูไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่เลยนะครับ”
โหมวยู่ยังคงนิ่งเงียบจากนั้นก็หันหน้ากลับและไม่มองเขาอีก
เมื่อป๋ายจื๋อรู้ว่าเขาปฏิเสธที่จะสนทนาด้วยก็ก้มหน้าลง และเดินออกไป
โหมวยู่นั่งลงบนโซฟาอีกครั้งซึ่งในบ้านนั้นเงียบเหงาอย่างมากและมันก็ไม่มีเงาร่างที่คอยก่อกวนของชางหลิงแล้ว จึงทำให้เงียบสงัดขนาดนี้
เมื่อประตูใหญ่ปิดลงจี้เหยากวงก็ลงมาจากชั้นบน และยืนอยู่ตรงหน้าโหมวยู่
“พี่ยู่คะ” จี้เหยากวงทำหน้ารู้สึกผิด“ฉันขอโทษนะคะ”
“พี่ชางหลิง เพิ่งจากไปเพราะฉัน”
“หรือว่า ฉันควรย้ายออกไปดีไหมคะ แล้วพี่ก็ไปรับพี่ชางหลิงกลับมา” จี้เหยากวงพยายามทำให้ตัวเองดูมีเหตุผลขึ้นมาหน่อย “ฉันชินกับการระเหเร่ร่อนอยู่ข้างนอกแล้วค่ะ ไม่ว่าจะเป็นชีวิตแบบไหนฉันก็สามารถปรับตัวได้หมดเลยค่ะ”
“แต่พี่ชางหลิงเติบโตมาอย่างสุขสบายคงทนรับกับความลำบากเหล่านั้นไม่ไหว…”
“ได้สิ” โหมวยู่ตอบรับโดยไม่คิดอะไรเลย “ผมจะให้คนมาช่วยเก็บของให้คุณแล้วไปตอนนี้เลย”
“เอ๊ะ?” จี้เหยากวงตะลึงเธอเพียงแค่พูดไปงั้นๆ นะแต่โหมวยู่กลับตอบตกลงสะงั้น?
“พี่ยู่คะ พี่จะไล่ฉันออกไปจริงๆ เหรอ?”
“คุณเป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอ?” โหมวยู่มองอย่างเย็นชา “ในเมื่อคุณก็ช่วยคิดแทนพวกเราแบบนี้แล้ว ผมก็จะรับความหวังดีของคุณเอาไว้แล้วกัน”
“ฉัน……” จี้เหยากวง ถูกบีบให้ยอมรับความพ่ายแพ้
ทำไมถึงไม่เล่นไปตามกลอุบายแล้วล่ะ? โหมวยู่ไล่ชางหลิงออกไปเพื่อเธอ แล้วทำไมยังทำท่าทีแบบนี้ต่อตัวเธอล่ะ
ยิ่งไปกว่านั้น ดูเหมือนว่าทุกครั้งที่ชางหลิงอยู่ด้วยเขาถึงจะทำท่าทีที่ดีต่อเธอ แต่ทันทีที่เธอจากไป… เขาก็ทำท่าทีเฉยชาเหมือนเดิม
“ถ้าไม่อยากออกไปก็อยู่ที่นี่สะ” โหมวยู่ลุกขึ้นพร้อมกับเดินขึ้นไปยังชั้นบน “แต่ถ้าคุณต้องการจะไปจริงๆ เพื่อความรับผิดชอบต่อคุณ ผมจะส่งคุณไปที่ศูนย์บำบัดยาเสพติด”
จี้เหยากวงบีบกำหมัดแน่นแล้วมองไปยังภาพด้านหลังของโหมวยู่ จากนั้นเสียง “ปัง” ก็ดังขึ้น เขาปิดประตูห้องนอนไว้
เธอนั่งลงบนโซฟาด้วยความโกรธ หลังจากที่ครุ่นคิดอยู่นานแต่ก็ยังหาทางออกไม่ได้ก่อนหน้านี้ ผู้ชายพวกนี้มักจะหลงกลนี้ของเธอ แล้วทำไมพอกับโหมวยู่มันกลับใช้ไม่ได้ล่ะ?
ขณะที่ จี้เหยากวงกำลังคิดอยู่นั้นอยู่ๆ ก็เหลือบไปเห็นลิ้นชักโต๊ะกาแฟที่ปิดไว้ไม่สนิท
เธอขยับตัวออกไป แล้วเปิดลิ้นชักออกและหยิบขวดยาขนาดเล็กนั้นออกมาจากข้างใน
เธอเหลือบดูชื่อยาที่ติดอยู่ในนั้น พร้อมกับหยิบมือถือออกมา แล้วค้นหา
ยาทรามาดอลเป็นยาแก้ปวดที่มีประสิทธิภาพสำหรับผู้ป่วยโรคมะเร็ง……
จี้เหยากวงเบิกตากว้างขึ้นมาทันทีเธอจ้องไปที่แก้วน้ำบนโต๊ะที่ถูกโหมวยู่ใช้แล้วนั้น ก็ประหลาดใจจนพูดไม่ออก
มะเร็ง……โหมวยู่เขา……เป็นโรคร้ายแรงถึงขนาดนี้เลยเหรอ?
มิน่าล่ะที่เขาผลักชางหลิงออกไปอย่างนั้นเป็นเพราะเขาว่าป่วยหนักดังนั้นเขาจึงไม่อยากเป็นภาระให้เธองั้นเหรอ?
จี้เหยากวงถือขวดยาขนาดเล็กนั้นไว้แล้วครุ่นคิดอยู่นานจากนั้นก็ค่อยๆ วางมันกลับเข้าที่เดิมและยังคงไว้ตรงรัศมีเดิมของมัน ราวกับว่ามันไม่เคยถูกค้นมาก่อน
……
เสียงลากกระเป๋าเดินทางดังเอี๊ยดบนพื้นป๋ายจื๋อกดกริ่งประตูเมื่อชางหลิงที่กำลังดูทีวีได้ยินเสียง เธอก็ตาเป็นประกาย และเร่งรีบไปเปิดประตูทันที
เมื่อเปิดประตู คนที่ยืนอยู่ที่ประตูกลับไม่ใช่คนที่เธอคิดเอาไว้ ดวงตาของชางหลิงก็ดูหงอยเหงาไปในทันที
“คุณดูผิดหวังมากเลยนะ” ป๋ายจื๋อพูดสรุปออกมา
“ถึงที่สุดก็ยังสามารถโอบกอดความเพ้อฝันได้อยู่บ้าง” ชางหลิงถอนหายใจ และทรุดตัวลงบนโซฟาอย่างไร้เรี่ยวแรง
ป๋ายจื๋อเหลือบมองไปรอบๆ บ้านหลังนี้ ซึ่งเป็นการตกแต่งสไตล์นอร์ดิกแบบเรียบง่าย และมันก็ไม่ได้แตกต่างอะไรกับของวิลล่าหนานวานสักเท่าไหร่ ดูแล้วก็อบอุ่นดี
เขาเดินไปที่ห้องรับแขกห้องหนึ่งของชั้นหนึ่ง แล้วผลักประตูเข้าไป
“บนชั้นสองได้เตรียมห้องนอนใหญ่ไว้ให้เธอแล้ว” ชางหลิงนั่งลง “บ้านหลังนี้ฉันเป็นคนออกแบบเองเลยนะ และแต่ละห้องบนชั้นสองก็จะมีการตกแต่งเฉพาะตัว”
“ไม่ต้องหรอกครับ” ป๋ายจื๋อปฏิเสธความหวังดีของเธอ
ทำไมล่ะ? ชางหลิงไม่เข้าใจ
“ผมขี้เกียจขึ้นบันได” ป๋ายจื๋อเปิดประตู และเอากระเป๋าเดินทางเข้าไปเก็บ
ที่จริงแล้วสิ่งที่สำคัญที่สุด ก็คือเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกสงสัย
เพราะการที่ชายโสดกับหญิงหม้ายอยู่ในบ้านหลังเดียวกันถ้าถูกแพร่ออกไปนั้นมันจะไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงของชางหลิง และถ้ายังต้องพักอยู่บนชั้นเดียวกันอีก มันจะยิ่งคลุมเครือมากขึ้นไปอีก
เขาดูออกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างชางหลิงกับโหมวยู่นั้นค่อนข้างลึกซึ้ง และป๋ายจื๋อก็ไม่อยากให้พวกเขามีปัญหาใหม่แทรกเข้ามาอีก
ชางหลิงเบะปาก เมื่อเขาก็ไม่ยอมขึ้นไป เธอก็ไม่ได้พูดอะไรอีก
“ครอบครัวนั้นจะต้องรังแกเธอที่โรงพยาบาลแน่เลย” ป๋ายจื๋อจัดเตียงให้ตัวเองอย่างจริงจัง ชางหลิงพิงอยู่ที่ประตูและถามเขา
“พวกเขารังแกผมไม่ได้หรอก”
ตลอดทั้งวัน หลิวเย่นฟางและครอบครัวของเธอก็เอาแต่มาพูดฉอดๆ สาปแช่ง และสบประมาทอยู่ข้างหูเขา แต่เขาก็ทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่ว่าพวกเขาคิดจะใช้วิธีอะไรมายั่วให้เขาโกรธก็ตาม ซึ่งเขาก็ทำเป็นยืนนิ่งอยู่ที่ประตูเหมือนตอไม้
“อย่างไรก็ตาม ผมก็ได้รู้บางเรื่องมา” ป๋ายจื๋อดันแว่นตาของเขา
“อะไรล่ะ?” ชางหลิงสงสัย
“หลี่กุ้ยเฟินอาศัยอยู่กับลูกสาวของตัวเอง แต่ว่า ตั้งแต่ที่เกิดเรื่องมาจนถึงตอนนี้ ลูกเขยของเธอ ก็ไม่เคยมาปรากฏตัวที่นั่นเลย”
“และญาติพวกนั้น ก็ไม่ใช่ญาติสนิทของตระกูลเฉียนด้วย”
ชางหลิงครุ่นคิด
“ใช่สิ” เธอลูบคางตัวเอง “แม่ยายประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ตัวเองไม่ยอมมาเยี่ยม แต่กลับส่งหมู่ญาติมาเฝ้าที่นี่แทน มันดูไม่สมเหตุสมผลเอาสะเลย”
“พรุ่งนี้ผมจะตรวจสอบความสัมพันธ์ทางสังคมของตระกูลเฉียน สักหน่อย” ป๋ายจื๋อสุขุมสงบนิ่ง
“เธอไม่กลัวเหรอ?” เมื่อชางหลิงเห็นหน้าตาของเขา ก็สงสัยเล็กน้อย “ถ้าไม่มีหลักฐานที่จะไปชำระล้างกับความผิดที่ถูกใส่ร้ายกลั่นแกล้งอย่างไม่เป็นธรรมจริงๆแล้วถ้าพวกเขาไปขึ้นศาลจริงๆ ล่ะ……”
ป๋ายจื๋อหยุดการเคลื่อนไหวในมือ เขาหันกลับมาแล้วมองชางหลิงอย่างกับมองคนโง่อย่างไงอย่างงั้น
“ขอเพียงแค่ผมไม่ต้องการ ก็จะไม่มีใครกักขังผมได้หรอก”
“เธอจะแหกคุกเหรอ!” ชางหลิงอ้าปากกว้าง
เขายังมีความสามารถนี้ด้วยเหรอ?
ป๋ายจื๋อถอนหายใจ และมุมปากกระตุกเล็กน้อย “ผมจะไม่ปล่อยให้พวกเขามีโอกาสส่งผมเข้าไปในคุกหรอก”
ยิ่งไปกว่านั้น ถ้าเขาถูกขังขึ้นมาจริงๆ คงจำเป็นต้องทำให้คนที่อยู่เบื้องหลังเขาแตกตื่น และคนผู้นั้นก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทำให้เขาต้องเจอกับหายนะในคุกหรอก
“อ๋อ” ชางหลิงดูเหมือนจะเข้าใจ
“แต่วางใจได้เลยนะ ฉันจะไม่ให้เธอต้องมีเรื่องหรอก” เธอเขย่ามือถือในมือ
“ฉันนัดกับโหมวฉี่ไว้แล้ว โดยจ้างให้เซียวฉู่เป็นทนายความให้”