“คุณทำให้บริษัทออกแบบทั่วทั้งเมืองหนานปฏิเสธไม่รับฉัน ตัดที่ไปของฉัน!” หลิวจื่อเวยตะโกน
ชางหลิงถอนหายใจ
เธอมีเรื่องมากมาย ตั้งแต่กลับมาจากมิลานไม่เคยหยุดหย่อน ไหนเลยเธอจะไปทำเรื่องน่าเบื่อหน่ายใส่หล่อนแบบนั้น
“ฉันไม่ได้….”
“นอกจากคุณแล้วจะเป็นใคร” หลิวจื่อเวยตีโพยตีพาย “ชางหลิง คุณอย่าคิดนะว่าคุณได้ขึ้นไปเคียงข้างคุณชายรองโหมวแล้วจะแน่ คุณคิดว่าคุณเป็นตัวอะไร ถ้าไม่ใช่เพราะอาศัยลีลาบนเตียง คุณจะไปมีค่าอะไรอีก”
เสียงเอะอะทางนี้ดึงดูดฝูงชนขนาดใหญ่ ชางหลิงส่งเสียงถอนหายใจ หมดแรงจะเถียงกับเธอ
“แล้วแต่คุณจะคิด”
“คุณรอฉันได้เลย!” ชางหลิงชี้เธอพร้อมกับกัดฟัน
“ทำอะไรน่ะ” เสียงของถงเอินดังมาตรงหน้าประตู สลายคนที่มุงดูให้กระเจิดกระเจิง
“เปิดงานมาวันแรกก็เอะอะโวยวาย ไม่อยากเปิดซองแดงใช่ไหม”
ฝูงนกฝูงสัตว์มุงกระจัดกระจาย ถงเอินเดินเข้ามา กอดอกมองไปยังหลิวจื่อเวย “เรื่องของคุณฉันเป็นคนจัดการเอง ทำไม”
หลิงจื่อเวยไม่อยากจะเชื่อ “ผอ.ถง ฉันกับคุณไม่มีความแค้นต่อกัน ทำไมคุณต้องทำกับฉันแบบนี้”
“ไม่มีความแค้นต่อกันงั้นเหรอ” ถงเอินยิ้มเย็นชา “ทำงานเป็นดีไซเนอร์ ไม่คิดจะสร้างเกียรติยศให้บริษัท วันวันเอาแต่เป็นหมาบ้าคิดฆ่าคนอื่น ทำไม คิดว่าตัวเองเป็นสนมโบราณที่ต้องมารยาต่อสู้ดิ้นรนในวังหลังหรือไง”
“ฉันไม่ได้…” หลิวจื่อเวยยังอยากจะเถียง
“คุณทำหรือไม่ดวงตามากมายในมิลานก็เห็นได้ชัดเจน!” ถงเอินจริงจัง “ตอนที่คุณทำมันควรคิดได้ คนที่ฆ่าเพื่อนร่วมงาน จะไม่มีบริษัทไหนกล้าต้องการคุณ!”
“ชางหลิงไม่บอกว่าคุณเจตนาทำร้ายและปล่อยคุณไปแล้ว ถ้าคุณยังอยากจะสร้างเรื่อง งั้นก็อย่าคิดง่ายๆ ว่ามันจะผ่านไปได้ด้วยดี ส่งคุณเข้าคุก ทุกอย่างก็จบ”
“ผอ.ถง” ท้ายที่สุดแล้วหลิวจื่อเวยก็ยังไม่อยากหมดสิ้นหนทาง งานก็ไม่มีแล้ว หากมีคดีติดตัวอีก ชีวิตนี้เธอต้องพังแน่
เธอจ้องมองชางหลิงอย่างขุ่นเคือง พลันกระทืบเท้า และในที่สุดก็ยอมแพ้
หลิวจื่อเวยเก็บสิ่งของตัวเองลงกล่อง ท่ามกลางสายตาของทุกคน ออกจากบริษัทไปด้วยความโกรธจัด
ถงเอินมองดูเธอจากไปจนลับตา ก่อนจะค่อยๆ เดินเข้าไปหาชางหลิง เห็นเธอสีหน้าไม่ค่อยดี จึงบุ้ยปากไปทางประตู “ไปกัน ไปดื่มชายามเช้าด้วยกันนะ”
ชางหลิงไม่ได้ปฏิเสธ ถงเอินเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรงของเธอ ไหนเลยเธอจะกล้าปฏิเสธ
“พวกคุณสองคนทะเลาะกันอีกแล้วเหรอ” ทั้งสองคนนั่งอยู่ที่มุมหนึ่งของโรงอาหาร แต่ละคนสั่งมื้อเช้ากันเรียบร้อยแล้ว
“ทำไมถึงบอกว่า‘อีกแล้ว’ล่ะ” ชางหลิงพูดพลางจิบนมถั่วเหลือง “พวกเราทะเลาะกันบ่อยมากเลยเหรอ”
“อื้ม” ถงเอินตอบรับ หยิบถ้วยชาขึ้นมาที่ปากแล้วเป่ามัน “สามวันทะเลาะกันเล็กน้อยที ห้าวันทะเลาะกันใหญ่โตที”
“คุณรู้ได้ยังไง” ชางหลิงพึมพำ
“ข้ามปีมาได้ดีๆ วันหยุดยังไม่ทันหมด ฉู่ฉือก็ถูกเรียกไปใช้งานแล้ว ถ้าพวกคุณความสัมพันธ์ราบเรียบ ไหนเลยโหมวยู่จะนึกถึงเขา”
“ยังไง คราวนี้เพราะอะไรล่ะ” สีหน้าของถงเอินมีแววซุบซิบนินทา “ฉันได้ยินว่า บ้านพวกคุณมีสาวสวยคนหนึ่งเข้าไปอาศัย มันเป็นเพราะเธอเหรอ”
ชางหลิงถอนหายใจ ไม่ได้พูดอะไร
เห็นสีหน้าของเธอแล้ว ถงเอินก็ทำหน้าตาบรรลุทันที
“คุณนี่มีปัญหาถาโถมมากมายจริงๆ คนหนึ่งไปอีกคนมา ไม่จบไม่สิ้น”
“แต่ก็แปลกนะ โหมวยู่นั่นเป็นคนเข้าใจยาก ทำไมผู้หญิงถึงได้ชอบกันนัก”
ขณะที่ชางหลิงฟังคำบ่นของถงเอิน ผู้คนรอบโรงอาหารก็ล้วนแล้วแต่ชี้ๆ มาที่เธอ
แม้แต่คนที่เดินผ่านทางหน้าต่าง ก็มีสายตาแปลกๆ
โดยธรรมชาติแล้วถงเอินก็เห็นเช่นกัน เธอวางถ้วยชาลง ทานของว่างจนเสร็จ “ขอเตือนคุณประโยคหนึ่ง หลายวันนี้ ต้องระวังตัวหน่อยนะ”
“แม้โม่โม่จะตายแล้ว แต่ยังไงเธอก็อยู่เซิ่งซื่อมาห้าปี ที่นี่ยังมีลูกสมุนของตระกูลโม่อีกมากที่ไม่ได้ถูกกำจัด เป็นต้นไม้ใหญ่ที่หยั่งรากลึก ช่วงเวลานี้ เกรงว่าชีวิตคุณจะไม่ค่อยปลอดภัย”
“ฉันเหรอ” ชางหลิงไม่เข้าใจ “ฉันไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการทำร้ายพวกเขาเลยนะ”
“คุณโง่เหรอ” ถงเอินขมวดคิ้ว “ตอนนี้คุณเป็นภรรยาที่โหมวยู่ยอมรับอย่างเปิดเผย โหมวยู่ทำต่อตระกูลโม่ขนาดนั้น ถึงขั้นส่งโม่หยวนผิงเข้าคุก คุณยิ่งเลวร้ายใหญ่ ข้างนอกต่างลือกันว่าคุณแย่งผู้ชายของโม่โม่ บีบบังคับให้เธอต้องตาย”
“ปราศจากการสนับสนุนจากตระกูลโม่ เมื่อพูดถึงผลประโยชน์ขึ้นมาแล้ว เกรงว่าจะมีหลายคนเลยที่เกลียดคุณจนคันฟัน”
“ฉันต้องกลัวอะไร” ชางหลิงปล่อยไปตามยถากรรม “ปัญหาของฉันยังไม่มากพอเหรอ มีเรื่องอะไรมาก็ค่อยแก้ไขไปก็แล้วกัน”
“ที่พูดมันก็ถูก แต่อยู่ที่นี่คุณมีคนหนุนหลังที่ใหญ่โตอย่างโหมวยู่ ดังนั้นพวกคุณต้องรีบๆ คืนดีกัน ถ้าให้คนอื่นรู้ว่าพวกคุณความสัมพันธ์ไม่สู้ดี จะต้องเหยียบคุณจมดินแน่”
ชางหลิงครุ่นคิด
คำพูดของถงเอินมีเหตุผล
ต่อให้ไม่ใช่เพราะเรื่องนี้ ระหว่างเธอกับโหมวยู่ ก็ไม่ควรเย็นชาไปมากกว่านี้อีกแล้ว
ตอนแรกเธอคิดว่าโหมวยู่คิดได้แล้วจะตามหาเธอ แต่หลังจากผ่านไปสี่วัน เขาไม่ได้ทำอะไรเลยสักอย่าง
ระหว่างคนรักกัน จากที่ใกล้ชิดกันมาก กลับไม่ได้เจอกันสี่วันติดต่อกัน ไม่ได้พูดจากัน ถึงขั้นที่ว่าแม้แต่สักข้อความก็ไม่มีการส่งหา นี่เป็นสัญญาณของการเลิกรากันหรือเปล่า
กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ จากที่ไกลๆ ได้เห็นร่างที่อยู่ในหัวใจเดินผ่านโรงอาหาร โหมวยู่ใส่สูทสีดำ มองไม่ออกว่าอารมณ์เสียหรืออารมณ์ดี เดินมุ่งหน้าไปที่อาคารสํานักงาน
“บื้ออะไรอยู่” ถงเอินเตือนเธอ “คว้าโอกาสเลย เริ่มโจมตีก่อนสิ”
“แต่…” ชางหลิงยังค่อนข้างไม่สามารถเสียหน้าได้
“แต่อะไรอีก” ถงเอินกระทุ้งแขนเธอ “ผู้ชายจีบผู้หญิงให้ติดกับยากเย็นเหมือนปีนข้ามเขาสูง ผู้หญิงจีบผู้ชายให้ติดกับง่ายเหมือนเดินผ่านฉากกั้น”
“อีกอย่าง ฉันมองออกนะว่าโหมวยู่คนนั้นน่ะมอบใจทั้งดวงให้คุณแล้ว แค่เป็นคนนิสัยแย่นิดหน่อย พวกคิดว่าผู้ชายเป็นใหญ่น่ะชอบวางท่า คุณแค่ให้เขาชิมความหวานนิดๆ หน่อยๆ รับประกันเลยว่าเขาจะตั้งหน้าตั้งตาวิ่งเข้าหาแน่นอน”
จะเป็นแบบนี้จริงเหรอ ชางหลิงไม่แน่ใจ
ถ้าเป็นก่อนหน้านี้ ที่จริงไม่มีอะไรต้องกังวลเลย แต่ตอนนี้…
โหมวยู่ผิดปกติเกินไป!
แต่ว่า ยังไงก็ต้องลองดูถึงจะรู้
เธอพยักหน้า แล้วลุกขึ้นเดินออกไป
โหมวยู่เดินตรงไปที่อาคารสำนักงาน ฉู่ฉือรออยู่ที่นั่นแล้ว สองคนคนหนึ่งเดินนำคนหนึ่งเดินตามเข้าไปในลิฟต์พิเศษสำหรับประธาน ประตูกำลังปิด ทันใดนั้นมือข้างหนึ่งจู่ๆ ก็โผล่เข้ามา
“รอเดี๋ยว!” ชางหลิงส่งเสียงตะโกน