คำว่าได้ใหม่ลืมเก่าทำร้ายจิตใจของชางหลิงโดยสมบูรณ์ เธอชะงักไปครู่หนึ่ง น้ำตาที่กลั้นไว้พรั่งพรูอีกครั้ง
จริงสิ เธอลืมไปได้ยังไง ที่บ้านโหมวยู่ยังมีจี้เหยากวงที่ทรงเสน่ห์เย้ายวนอยู่อีกคน
เหตุผลที่เขาโหดร้ายกับเธอ เป็นเพราะหล่อนสินะ
“เฮ้คุณอย่าร้องไห้ๆ!” ถงเอินเห็นเธอเป็นแบบนี้จึงลนไปหมด “ฉันก็แค่พูดไปเรื่อยเปื่อย”
“ปากฉันมันไม่อยู่สุข” ถงเอินเอามือตบปากตัวเองเบาๆ ครู่หนึ่ง “มันไม่เกี่ยวหรอก จริงๆ นะ ฉันรู้จักโหมวยู่ดี เขาไม่สามารถแม้แต่จะแตะต้องผู้หญิง ต้องไม่ใช่คนสองจิตสองใจแน่นอน”
ไม่สามารถแม้แต่จะแตะต้องผู้หญิงงั้นเหรอ
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าจี้เหยากวง ดูเหมือนเขาจะไม่เคยมีปัญหาแบบนั้นมาก่อนเลย
“ถงเอิน” ดวงตาของชางหลิงมีแววหวาดกลัว เธอวางชามลง แล้วดึงแขนของถงเอิน “คุณว่าโหมวยู่จะไม่ต้องการฉันแล้วจริงหรือเปล่า”
“ไม่อย่างนั้น ทำไมเขาไม่ต้องการแม้แต่ลูกของเราล่ะ”
“ยัยโง่ คุณอย่าคิดมาก…” ถงเอินปลอบใจเธอ
“ฉันไม่มีอะไรเหลือแล้ว” ชางหลิงไม่ได้ฟังคำพูดของถงเอิน ยังคงพูดกับตัวเอง “ฉันมีแค่เขา…”
“ฉันรักเขามากจริงๆ รักมากรักมากๆ…รักถึงขนาดที่ว่าถ้าเขาคิดจะทิ้งฉันไป ฉันรู้สึกได้ว่าตัวเองจะต้องเจ็บปวดทรมานใจจนตายแน่ๆ”
“ตอนที่อยู่มิลาน เขาขอฉันแต่งงาน เขาพาฉันไปที่โบสถ์ เราสาบานต่อหน้าบาทหลวง ไม่ว่าจะยามแก่เฒ่าเจ็บป่วยหรือตายจากเราจะอยู่ด้วยกัน ตอนที่เขาบอกว่า‘ผมเต็มใจ’ ฉันก็ตัดสินใจแน่นอนแล้วว่าจะอยู่กับเขาไปชั่วชีวิต”
ชางหลิงคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างพวกเขา ค่อนข้างรู้สึกว่าความวาบหวานก่อนหน้านี้มันไม่ค่อยเป็นความจริง
“ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา ฉันก็ไม่เคยคิดจะแยกจากเขา…แต่ ทั้งทั้งที่เราตกลงกันไว้อย่างดีแล้ว ทำไมถึงเปลี่ยนไปล่ะ”
ถงเอินกุมมือชางหลิง เห็นเธอเจ็บปวดมาก แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลย
ความรู้สึกเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่มีใครสามารถบอกได้ ผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยร่าเริงและมีชีวิตชีวา กระทั่งตอนนี้มากลายเป็นแบบนี้ ใครเห็นก็เป็นอันต้องเจ็บปวดทั้งนั้น
“ชางหลิง คุณอย่ามองโลกในแง่ร้าย มีคู่ไหนบ้างที่ไม่ทะเลาะกัน ดูอย่างเจ้าท่อนไม้ฉู่ฉือนั่นสิ บางครั้งฉันยังโกรธเขาแทบตาย คนแบบโหมวยู่น่ะ ใครก็เดาไม่ได้หรอกว่าเขาคิดอะไรอยู่ แต่เขาไม่ใช่คนเลว ที่คุณต้องทำตอนนี้ คือการดูแลสุขภาพให้ดี ลืมแล้วเหรอ ว่าในท้องของคุณยังมีทารกอยู่นะ”
ชางหลิงก้มหน้าเงียบ
นั่นสิ เธอยังมีลูกอยู่นะ
พ่อของเขาไม่ชอบเขาและไม่ต้องการเขา เธอที่เป็นแม่ ต้องทำเพื่อเขาให้ดีที่สุด
“ออกมา! คนแซ่ชางอยู่ที่นี่ใช่ไหม! รีบออกมาเดี๋ยวนี้!”
จู่ๆ ก็มีเสียงเอะอะดังมาจากข้างนอก
ถงอึนลุกขึ้นยืน ยังเดินไม่ทันถึงประตู ประตูห้องพักผู้ป่วยก็ถูกคนถีบให้เปิดออก
หลิวเย่นฟางเท้าเอวยืนอยู่หน้าประตู เมื่อเห็นชางหลิง ก็เริ่มต้นอ้าปากด่าทันที “เหอะ นังสารเลว ฉันหาคุณเจอแล้ว”
“พวกคุณชนคนแล้ว คิดว่าจะลอยนวลปัดความรับผิดชอบได้เหรอ โยนเรื่องเก่าทิ้งแล้วตัวเองก็ไปเชิดหน้าทำตัวหรูหราไฮโซ แถมยังให้ไอ้ทนายบัดซบนั่นฟ้องฉันงั้นเหรอ ฉันขอบอกคุณเลยนะ ว่าไม่มีทาง!”
เฮ้! นี่มันห้องพักผู้ป่วยนะ คุณมาเอะอะอะไร ถงเอินไม่ได้หวาดกลัวท่าทางของเธอ
หลิวเย่นฟางเดินผ่านถงเอิน ตรงเข้าไปที่เตียงผู้ป่วยของชางหลิง ต้องการเอาเธอออกจากเตียงผู้ป่วย
“นังสารเลว อธิบายฉันมาเดี๋ยวนี้!” หลิวเย่นฟางตะโกนลั่น
ถงเอินตกใจมาก กำลังจะไปดึงหลิวเย่นฟาง แต่มีร่างหนึ่งพุ่งเข้ามาเสียก่อน จัดการเตะใส่โดยแทบจะไม่ลังเล เตะเข้าที่ข้อพับเข่าของหลิวเย่นฟางโดยตรง หลิวเย่นฟางไม่ทันตั้งตัว คุกเข่ากระแทกพื้นอย่างแรง
“อ๊ากก!” หลิวเย่นฟางส่งเสียงกรีดร้อง
ป๋ายจื๋อสีหน้าดุดัน ไออันตรายแผ่ออกมาจากตัวเขา
“ทุกคนมาดูนี่! มันฆ่าคน! พวกฆาตกรฆ่าคน ฆ่าแม่ฉันยังไม่พอ ยังมาทำร้ายฉันด้วย!” หลิวเย่นฟางเห็นสถานการณ์ไม่สู้ดี จึงนั่งลงกับพื้นและไวยวายกล่าวหาทันที
“นี่มันเรื่องอะไร” ถงเอินไม่เข้าใจสถานการณ์ เธอมองไปยังหลิวเย่นฟางที่อยู่บนพื้น แล้วถามชางหลิง “คุณเป็นศัตรูฆ่าแม่ของเธอเหรอ”
“คนที่มาขวางหน้าให้ชนน่ะ” ชางหลิงถอนหายใจ
เธอเอนหลังพิงหัวเตียง พ่นลมหายใจยาวเหยียด
“พี่สาวหลิว คุณบอกปาวๆ ว่าเราชนแม่คุณ อันที่จริงเรายังไม่สามารถหาหลักฐานมาชี้แจงได้ในเวลานี้ แต่ถึงอย่างนั้น ฉันยังให้ป๋ายจื๋อไปอยู่ในโรงพยาบาลเป็นเพื่อน ก็เพื่อแสดงความจริงใจ ว่าเราจะไม่นิ่งเฉยกับเรื่องนี้”
“แต่คุณ รู้ว่าฉันอยู่ที่ห้องพักผู้ป่วยแห่งนี้จากที่ไหน และเพราะอะไรฉันต้องอธิบายให้คุณฟังด้วยไหม” ชางหลิงยิ้มเยาะ “ต่อให้จะสืบหาความรับผิดชอบ ตอนนั้นฉันนั่งข้างคนขับ คุณจะมาหาฉันเพื่ออะไร”
หลิวเย่นฟางอึ้งพูดไม่ออกตอบไม่ได้
“คุณหยุดพูดไร้สาระนะ! ถ้าคุณไม่อยากเข้าไปนั่งในคุก ก็จ่ายเงินมาเลย” หลิวเย่นฟางลุกขึ้นจากพื้น
ชางหลิงเลิกคิ้ว
“จ่ายเงินงั้นเหรอ คุณต้องการเท่าไร”
“แปดสิบล้าน!”
“อะไรนะ” ถงเอินเริ่มโมโหแล้ว
“แปดสิบล้าน? ทำไม แม่ของคุณเคลือบทองหรือไง”
ชางหลิงก็รู้สึกว่ามันน่าขำ “แปดสิบล้าน…พี่สาว เงินนี่ ต่อให้ฉันกล้าให้ คุณกล้ารับเหรอ”
“ฉันมีอะไรไม่กล้า” หลิวเย่นฟางทำหน้าตาเลวทรามทันที
“คุณรู้ไหมว่าข้อหาฉ้อโกงเงินแปดสิบล้านติดคุกกี่ปี” ชางหลิงถามเธอ “ฉันแค่รอให้คุณพูดว่าคุณต้องการเงินจากฉัน รอวันที่ฉันเจอหลักฐาน คุกของคุณ ก็เข้าไปนั่งได้เลย!”
คำพูดนี้ ทำให้หลิวเย่นฟางสีหน้าเปลี่ยนทันที
เธอมีสีหน้าหวาดหวั่นครู่หนึ่ง และพลันก้าวถอยหลัง “ฉันไม่ได้พูด!”
“เมื่อครู่ฉันแค่ขู่คุณ อย่าว่าแต่แปดสิบล้านเลย คุณให้แปดพันล้านฉันก็จะไม่เอา ชีวิตของแม่ฉันมีค่ามากกว่านั้น!” หลิวเย่นฟางชี้ใส่ชางหลิง “ฉันต้องส่งคุณเข้าคุกแน่ ต้องส่งผู้หญิงเลวอย่างคุณไปหมอบในนั้นให้ได้”
“คุณไปซะ” สายตาชางหลิงเย็นชาเล็กน้อย “คุณควรทำสำเร็จในจังหวะเดียว ไม่อย่างนั้น ถ้าคุณไม่ฟ้องฉัน ฉันจะแสดงให้คุณเห็นว่าความชั่วร้ายที่แท้จริงคืออะไร”
หลิวเย่นฟางเริ่มลังเล และตอนนี้ ประตูห้องพักผู้ป่วยถูกเปิดอีกครั้ง
“เอะอะอะไรกัน” โหมวฉี่หยุดอยู่หน้าประตู ในมือของเซียวฉู่ยังมีอาหารและอาหารเสริมด้วย
หลิวเย่นฟางหุบปากทันที โหมวฉี่เงยหน้าขึ้นมองหลิวเย่นฟาง ก่อนจะยิ้มออกมา “พี่สาวคนนี้ คงเป็นสะใภ้ตระกูลเฉียนใช่ไหม”
หลิวเย่นฟางก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว มองโหมวยู่หัวจดเท้า แล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “คุณเป็นใครอีกล่ะ”
“คุณไม่จำเป็นต้องรู้ว่าผมเป็นใคร แต่ผมขอเตือนคุณ ถ้าคุณกล้ามารบกวนเธออีก คนต่อไปที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ผมเกรงว่ามันจะเป็นคุณ”
นัยน์ตาคู่นั้น เปลี่ยนลักษณะไปทันใด
หลิวเย่นฟางมองเข้าไปในดวงตาคู่นั้น แล้วก็พลันชะงักไปครู่หนึ่ง
“คุณ พวกคุณรอเลย!” เธอชี้ใส่คนในห้อง พูดอย่างโกรธเคือง ก่อนจะก้าวหุนหันออกจากห้องพักผู้ป่วยไป
ชางหลิงเลิกคิ้ว
สมแล้วที่เป็นโหมวฉี่ พูดแค่ไม่กี่คำเธอก็ล่าถอยแล้ว