“ชางหลิง คุณโอเคไหม” โหมวฉี่เข้าไปใกล้เธอ
“คุณชายฉี่ คุณกลับไปแล้วไม่ใช่เหรอ” ถงเอินรับของที่อยู่ในมือเซียวฉู่มา
“อืม” เขาตอบกลับเธอ “แต่ คิดว่าตอนนี้ควรเป็นเวลาที่ชางหลิงต้องซ่อมแซมร่างกาย พอดีว่าผมมีพวกอาหารเสริมอยู่เยอะมาก ก็เลยประจวบเหมาะได้เอามาให้เธอ”
ถงเอินวางของลง มองดูเหล่าของขวัญราคาแพงและดูดีมากตรงหน้าก็ต้องถอนหายใจ
“ถ้าโหมวยู่มีใจได้สักครึ่งหนึ่งของคุณก็ดีสิ…”
สายตาของโหมวฉี่เหลือบมองใบหน้าของชางหลิง “อะยู่ เขากลับไปแล้วเหรอ”
“จะยังไม่กลับที่ไหนล่ะ” ถงเอินกลอกตาโมโห “ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่”
ชางหลิงก้มหน้าไปสักพักหนึ่ง ก่อนจะยิ้มออกมา “ฉันไม่เป็นไร”
“นิสัยของเขา เราทุกคนต่างรู้ดี” ชางหลิงพูดแทนเขา “ฉันผิดเอง ฉันไม่ควร…”
“ไม่ควรท้องลูกของเขาน่ะเหรอ” โหมวฉี่ถามเธอ
“คุณเป็นภรรยาของเขา การตั้งครรภ์คลอดบุตร เป็นเรื่องปกติระหว่างสามีและภรรยาอยู่แล้ว ถ้าเขาไม่อยากมีลูก ทำไมเขาต้องทำให้คุณท้อง ทำไมเขาต้องแต่งงานกับคุณ”
“คุณชายฉี่!” เซียวฉู่เห็นว่าคำพูดของโหมวฉี่ค่อนข้างข้ามเส้น จึงรีบเตือนเขา
ถงเอินก็รู้สึกว่ามันค่อนข้างแปลก หลายปีมานี้ เธอไม่เคยเห็นโหมวฉี่ร้องขอความเป็นธรรมเพื่อใครมาก่อน
“ผมไม่สนว่าเขาทำไปเพื่ออะไร ตอนนี้เวลานี้ มีเรื่องอะไรสำคัญไปกว่าความปลอดภัยของภรรยาและลูกตัวเองอีก” โหมวฉี่สีหน้าคล้ำหมองลง
ชางหลิงหันหน้าไปมองดูท่าทีของโหมวฉี่ และเงียบไปนาน
“ช่างเถอะ เลิกพูดถึงเขาได้แล้ว” ชางหลิงยิ้มๆ “ต่อให้ไม่มีเขา หรือว่าฉันคนเดียวจะเลี้ยงดูเด็กคนหนึ่งไม่ได้ล่ะ”
เธอแสร้งทำเป็นผ่อนคลาย
นานมากที่โหมวฉี่ไม่มีการตอบกลับ
“คุณอยู่ในโรงพยาบาลต่อไปคงไม่ดี” น้ำเสียงของโหมวฉี่บางเบา “ผู้หญิงคนนั้นมาก่อกวนได้ครั้งหนึ่ง โดยธรรมชาติแล้วก็ต้องมาได้อีกเป็นครั้งที่สอง”
“มันเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในการดูแลรักษาร่างกาย เธอทำแบบนี้ มันไม่ดีสำหรับคุณที่จะได้พักผ่อน”
“ไม่เป็นไร” ชางหลิงตอบเขา “รอผ่านพ้นช่วงอันตรายไปแล้ว ฉันก็จะ…”
“ผมจะจัดหมอให้คุณ” โหมวยู่มีท่าทีแข็งขึ้น “ถ้าคุณไม่รังเกียจ สามารถไปอยู่ที่ของผมได้ ถ้าคุณรังเกียจ ผมจะให้หมอไปอยู่ใกล้ๆ บ้านคุณ เรียกหาเมื่อใดก็ได้ที่ต้องการ จนกว่าคดีนี้จะจบ จนกว่าร่างกายคุณจะดีขึ้น”
“เอ่อ…” ชางหลิงค่อนข้างลังเล
โดยธรรมชาติแล้วเป็นไปไม่ได้ที่เธอจะไปอยู่ในที่ของโหมวฉี่ ถ้าไป ก็กลัวว่าความเข้าใจผิดระหว่างเธอกับโหมวฉี่จะยิ่งลึกขึ้นกว่าที่เป็นอยู่
“งั้นก็ลำบากคุณชายฉี่แล้ว เงินค่าหมอ ฉันจะคืนให้คุณ ฉันไม่คุ้นเคยกับการใช้ชีวิตข้างนอก อีกอย่าง ยังมีป๋ายจื๋อคอยดูแลฉัน ฉันกลับไปที่ของตัวเองก็ได้ค่ะ”
โหมวฉี่ไม่ได้บังคับ แค่พยักหน้า
——
วิลล่าหนานวาน
หมอโทรบอกโหมวยู่ว่าจี้เหยากวงป่วยอีกแล้ว
อาการครั้งนี้หนักยิ่งกว่าเก่า เพียงแต่ช้าไปก้าวหนึ่ง เธอมีการทำร้ายตัวเองไปแล้ว
มันไม่ง่ายที่จะควบคุมเธอ จึงมีการให้ยาระงับประสาทไป ตอนนี้เวลานี้ หลังจากแน่ใจว่าเธอปลอดภัยดี พวกหมอจึงออกไป
โหมวยู่เดินไปที่ประตูห้องของจี้เหยากวง เธอนอนอยู่บนเตียง ยาเพิ่งออกฤทธิ์ ร่างกายยังคงอ่อนแอ
“พี่ชายยู่ คุณกลับมาแล้ว…” สีหน้าของจี้เหยากวงซีดเซียว ทำให้คนที่ได้เห็น รู้สึกปวดใจเป็นอย่างยิ่ง
“อืม” โหมวยู่เดินเข้าไปนั่งลงบนเก้าอี้ที่ปลายเตียง
เขาจ้องไปทางจี้เหยากวง อยากเห็นอะไรบางอย่างให้แน่ชัด แต่ทว่า มันยากที่จะค้นหา
“หมอบอกว่า ตราบใดที่คุณผ่านมันไปได้สามเดือน หลังจากนั้น อาการจะไม่กำเริบอีก การเสพติดนี้ ก็ถือว่าจบลง”
จี้เหยากวงลุกขึ้นนั่งบนเตียง และมองไปทางโหมวยู่
“งั้น…ถ้าฉันหายดีแล้ว ต่อไป…ก็จะอยู่ที่นี่ไม่ได้อีกใช่ไหม”
โหมวยู่เลื่อนสายตาขึ้น เขากวาดมองบ้านหลังนี้ ดูเหมือนเป็นการตัดสินใจอะไรบางอย่าง
“ถ้าคุณชอบบ้านหลังนี้ ก็จะให้คุณอยู่ หลังจากนี้ คุณอยากอยู่นานเท่าไรก็ได้ตามต้องการ”
ดวงตาของจี้เหยากวงเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย พี่ชายยู่…
“ถ้าไม่ใช่เพราะพี่ชายของคุณ บางทีผมอาจจะไม่มีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้” โหมวยู่ยิ้มขมขื่นชั่วขณะหนึ่ง “เขาเสียชีวิตเพื่อช่วยผม ผมรู้สึกผิดต่อเขา ผ่านไปสี่ปี…”
เขาหยิบไฟแช็คออกมาจากกระเป๋า ลูบมันในมืออย่างระมัดระวัง
“ผมเป็นหนี้เขา เขาไม่อยู่แล้ว ผมไม่สามารถชดเชยให้เขาได้ ดังนั้น สิ่งเดียวที่ทำได้ คือชดเชยให้กับคุณ”
โหมวยู่ถอนหายใจ ลุกขึ้น เดินเนิบช้าเข้าไปหาจี้เหยากวง
“คุณวางใจ ต่อไป บ้านหลังนี้จะเป็นของคุณ ผมจะทิ้งเงินไว้ให้คุณด้วย เพื่อเป็นการประกันว่าชีวิตที่เหลือของคุณจะอยู่ได้อย่างไม่ลำบาก” พูดอย่างนั้นแล้วโหมวยู่ก็วางไฟแช็คไว้บนตู้ข้างเตียงของจี้เหยากวง
“นี่เป็นสิ่งสุดท้ายที่พี่ชายคุณทิ้งไว้ให้ผม ผมรู้ว่าเงินไม่สามารถซื้อชีวิตคน แต่เรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว นอกจากเงิน ผมก็ไม่มีอะไรที่สามารถให้ได้”
เขาเหลือบมองไฟแช็คด้วยความระลึกถึง ก่อนจะหันตัวเดินไปที่ประตู
ก่อนแต่งงานกับชางหลิง เขาได้ทำพินัยกรรมเอาไว้แล้ว หลังจากที่เขาตาย มรดกทั้งหมดจะเป็นของชางหลิง มีเพียงบ้านหลังนี้ หลังจากทำพินัยกรรมเสร็จ มันยังไม่ถูกรวมเข้าไปในการวางแผนทรัพย์สิน และบรรดาสิ่งที่เขาเอากลับคืนมาจากตระกูลโม่ ได้เอาออกมาบางส่วน ซึ่งมันเพียงพอจะรับประกันได้ว่าจี้เหยากวงจะมีหลักแหล่งยึดเหนี่ยวในชีวิตที่เหลืออยู่
อย่างอื่น กระทั่งเขาตายไป หลังจากที่ชางหลิงค่อยๆ ลืมเขา เขาจะให้พวกฉู่ฉือกับหลีซิน มอบให้ชางหลิงด้วยวิธีที่แตกต่างกันออกไป
เมื่อไม่สามารถอยู่เคียงข้างเธอได้ อย่างน้อย เพื่อให้เธอมีชีวิตที่ปลอดภัย หลังจากนี้ต่อไป ต้องไม่มีใครสามารถรังแกเธอได้อีก
“พี่ชายยู่” เห็นโหมวยู่จะเดินออกไปข้างนอก จี้เหยากวงจึงซวนเซตัวสั่นลงจากเตียง เรียกรั้งเขาไว้
“คุณป่วยใช่ไหม” จี้เหยากวงตะโกนใส่หลังของเขา
การก้าวเดินของโหมวยู่หยุดนิ่ง เขาหันหน้ามา สองตาเต็มไปด้วยความระแวดระวัง
“ขอโทษค่ะ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะสอดรู้สอดเห็นชีวิตของคุณ เพียงแต่ เราสองคนอยู่ด้วยกัน สภาพคุณเป็นยังไง ฉันสามารถมองเห็นมันได้”
จี้เหยากวงค่อยๆ เดินเข้าไปหาเขา “พี่ชายยู่ คุณ…คุณบอกความจริงกับฉันมา อาการป่วยของคุณ ไม่มีทางรักษาใช่ไหม”
โหมวยู่ถอนสายตากลับมา สายตาเย็นชาหนัก “มันไม่เกี่ยวกับคุณ”
“ฉันรู้ว่าสถานะที่ฉันเป็นอยู่ ไม่ว่ายังไงฉันก็ไม่คู่ควรกับคุณ” จี้เหยากวงร้อนรน “คุณมักจะพูดว่าพี่ชายของฉันเป็นผู้มีพระคุณของคุณ แต่ที่จริงแล้ว คุณก็เป็นผู้มีพระคุณของฉันเช่นกัน”
“ถ้าไม่ใช่เพราะคุณ ตอนนี้บางทีฉันอาจตายไปนานแล้ว ไม่สามารถอดทนแบกรับมันได้เลย เพราะฉะนั้น ฉันต้องตอบแทนพระคุณของคุณ งั้นฉัน ฉันก็ขอตอบแทนพระคุณได้ไหม”
โหมวยู่เงียบ
“ฉันรู้ว่าที่คุณมีท่าทีแบบนั้นต่อพี่สาวชางหลิง เพราะอยากให้เธอไปจากคุณ แบบนี้เธอก็จะได้ไม่ต้องเสียใจ ใช่ไหม”
โหมวยู่ยังคงเงียบ
“ให้ฉันช่วยคุณนะคะ” จี้เหยากวงเดินไปถึงข้างกายโหมวยู่