ชางหลิงหันกลับไปมองประตูที่เลอะเทอะ แล้วก็ถอนหายใจออกมา สุดท้ายเธอก็ไม่ได้ปฏิเสธ
รถทั้ง 2 คันค่อยๆ ออกไป เพราะพวกเขาทั้งสองคนหายไปจากสายตาแล้ว ตรงหัวมุมก็มีรถจิ๊ปสีดำจอดอยู่เงียบๆ
โหมวยู่นั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับ จับพวงมาลัยด้วยมือทั้งสองข้าง ความโศกเศร้าในดวงตานั้นไม่อาจซ่อนได้
ผ่านไปครู่หนึ่ง เขาก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วก็กดโทรออก
“พวกเขาจะไม่มาแล้ว”
คอนโดที่ป๋ายจื๋อหามานั้น คือคอนโดของโหมวยู่ เขารู้ว่าชางหลิงจะต้องย้ายออกจากที่นี่อย่างแน่นอน ดังนั้น เขาก็เลยเตรียมความพร้อมไว้อย่างมาก เขาไม่สะดวกที่จะออกหน้า แต่ก็อยากจะรับรองความปลอดภัยของเธอ
แต่ว่ามาดูตอนนี้แล้ว มีคนเป็นห่วงภรรยาเขามากกว่าเขาเองอีก
โหมวยู่ตัดสาย แล้วก็ถอนหายใจยาว
มองดูทิศทางที่พวกเขาจะไป ก็รู้สึกว่ามันน่าขำดี ถ้าเกิดว่าไม่มีเรื่องที่ไม่คาดคิดแบบนี้ขึ้น คนที่จะอยู่กับชางหลิงในตอนนี้ ก็ควรจะเป็นเขา นั่นคือภรรยาและลูกของเขา แต่ว่า เขากลับไม่มีคุณสมบัติที่จะเข้าใกล้
โหมวยู่หันหน้ากลับมา เราก็มองไปที่ประตูใหญ่ที่น่าสยดสยอง พร้อมกับกำหมัดแน่น
——
โหมวฉี่พาชางหลิงมาที่คฤหาสน์ของเขา หาบ้านหลังที่เงียบสงบแล้วให้เธออยู่ที่นั่น
“คุณอยู่ที่นี่ได้อย่างสบายใจเลยนะ” โหมวฉี่ยิ้ม “ไม่ต้องเป็นห่วง ผมไม่มีวันปล่อยให้ใครมาทำร้ายคุณเด็ดขาด”
“ขอบคุณนะ” คำขอบคุณของชางหลิงช่างอ่อนแรง ตอนนี้คนที่เธอเป็นห่วงก็คือโหมวยู่
เขามีอคติกับโหมวฉี่มาโดยตลอด ถ้าเกิด เขารู้ว่าตอนนี้เธออยู่ที่บ้านของโหมวฉี่ เขาจะยิ่งโกรธมากกว่าเดิมไหม?
เหมือนกับว่าโหมวฉี่เดาความคิดในใจของเธอออก เขาเข็นเก้าอี้เข้ามาใกล้เธอ “ไม่ต้องกลัวหรอก ฉันจะอธิบายให้อะยู่ฟังเอง”
“แล้วอีกอย่าง ผมก็คือลุงของลูกในท้องของคุณ เขาคือทายาทของตระกูลโหมว ไม่ว่าจะยืนอยู่ตำแหน่งไหน การที่ผมช่วยคุณก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สมควรทำ”
ชางหลิงใจลอย เธอยังรู้สึกปวดกระดูกก้นกบจากการที่ล้มลง เธอนั่งลงอย่างระมัดระวัง แล้วก็มองไปรอบๆวิวภายในบ้าน
ในบ้านหลังนี้ คล้ายกลับบ้านที่เธอเคยไปเมื่อครั้งก่อน มีสไตล์แบบโบราณ ที่นี่ถือว่าเป็นสถานที่ดีที่หาได้ยากสำหรับการพักฟื้น
โหมวฉี่เห็นว่าเธออารมณ์ไม่ดี ก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย เขาเข็นรถไปทางหน้าประตู ก่อนที่จะออกไปนั้น ก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้แล้วก็หันหน้ากลับมา
“ใช่สิ” เขายิ้ม “คือว่ามู่ซานคนนั้น คุณตัดสินใจจะจัดการยังไงล่ะ?”
พอพูดถึงมู่ซานขึ้นมา ชางหลิงถึงได้นึกได้ ถ้าเกิดไม่ใช่เพราะว่าหล่อน เธอก็ไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล แล้วก็คงไม่ต้องมาจบลงที่นี่
“ฉันคิดว่า เธอค่อนข้างที่จะภักดีต่อโม่โม่เลยนะ” ชางหลิงหัวเราะเยาะ “ในเมื่อเธอภักดีกับตระกูลโม่ขนาดนั้น ถ้าอย่างนั้นก็ให้เธอออกจากเซิ่งซื่อไปพร้อมกับตระกูลโม่เลยแล้วกัน”
ชางหลิงไม่มีอารมณ์จะไปไล่ตามให้มู่ซานมารับผิดชอบอะไรขนาดนั้นหรอก ในตอนนี้ สำหรับเธอแล้วเรื่องที่สำคัญที่สุด ก็คือผ่านช่วงเวลานี้ไปให้ได้อย่างปลอดภัย แล้วก็คลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย
“ในเมื่อต้องการแบบนั้น เรื่องนี้ให้ผมจัดการแทนคุณแล้วกัน” โหมวฉี่ก็ไม่ได้พูดอะไรต่อมากมาย
เสียงล้อกลิ้งตามพื้นค่อยๆ ไกลออกไปเรื่อยๆ โหมวฉี่ออกมาจากบ้าน เซียวฉู่เห็นเขาอยู่ไกลๆ แล้วก็รีบเดินเข้าไป
“คุณชายฉี่ พาเธอมาแล้วครับ”
โหมวฉี่พยักหน้าช้าๆ เซียวฉู่เข็นรถให้เขาไปยังทิศทางหนึ่ง
คฤหาสน์ขนาดใหญ่ เต็มไปด้วยบ้านหลากหลายประเภท ด้านในมีอุปกรณ์เพื่อความบันเทิงอย่างครบครัน และตรงทิศตะวันตกนั้น ก็มีโกดังเก็บสินค้าแห่งหนึ่ง
เซียวฉู่เข็นรถโหมวฉี่ไปยังทิศทางของโกดัง พอเห็นร่างของพวกเขาใกล้เข้ามา บอดี้การ์ดก็เปิดประตูโกดัง
ด้านในนั้นเดิมทีใช้เป็นที่เก็บสินค้า แต่ตอนนี้โล่งมาก และที่ในสุดของโกดัง มีผู้หญิงคนหนึ่งที่ถูกมัดไว้กับเก้าอี้ที่ดูสะดุดตาเป็นพิเศษ
มู่ซานยังคงหมดสติ ชุดทำงานที่เธอสวมใส่อยู่นั้นดูยุ่งเหยิง ดูท่าทางเหมือนกับว่าเธอถูก “เชิญ”ให้มาที่นี่หลังเลิกงาน
“ปลุกเธอ” โหมวฉี่พูดอย่างนิ่งเฉย
บอดี้การ์ดได้รับคำสั่งก็รีบเดินเข้าไป ถือถังน้ำขึ้นมาแล้วก็สาดไปที่มู่ซานโดยตรง
สัมผัสที่เย็นเฉียบทำให้มู่ซานตื่นขึ้นมาจากความฝันในทันที หลังจากนั้น เพราะเธอได้เห็นสถานการณ์ของตัวเองในตอนนี้ ก็กรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
โหมวฉี่มองดูปฏิกิริยาของเธออย่างเย็นชา หลังจากที่เธอล้มเหลวในการพยายามแกะเชือกออก โหมวฉี่ก็กระแอมเบาๆ 1 ครั้ง
“ คุณชายฉี่?”มู่ซานมองเขา ใบหน้าเต็มไปด้วยคำถาม “คุณมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันคะ? คุณมาช่วยฉันใช่ไหม? ”
เธอรู้ว่าตัวเองต้องถูกลักพาตัวมาแน่ๆ หรือว่าโหมวฉี่ก็ถูกลักพาตัวมาเหมือนกัน? แต่ว่า ดูท่าทางของเขา น่าจะกำลังมาช่วยเหลือเธอนะ
“คุณคิดว่าพวกเราเหมือนกำลังมาช่วยคุณอยู่เหรอ? ”เซียวฉู่สูดหายใจแรงๆ
เดิมทีตอนที่อยู่ที่เซิ่งซื่อ เพราะว่ามีโม่โม่เป็นพรรคพวก มู่ซานก็จะทำตัวกร่าง เซียวฉู่ไม่ชอบเธอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
“พวกคุณ……”หัวของมู่ซานแล่นอย่างรวดเร็ว ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้ว
“คุณชายฉี่ นี่คุณ……”มู่ซานถลึงตา “คุณลักพาตัวฉันมาเหรอคะ?”
คุณชายฉี่คลี่ยิ้ม กุมมือ แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
“เพราะอะไรกัน? ” มู่ซานไม่เข้าใจเป็นอย่างมาก “คุณชายฉี่ ฉันไม่ได้ทำเรื่องอะไรที่ทำร้ายคุณเลยนะ ตอนอยู่ในบริษัท ฉันก็ทำงานอย่างระมัดระวังและมีความรับผิดชอบ ต่อให้ฉันทำอะไรผิดไป คุณสั่งสอนฉัน ฉันก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ฟัง แล้วทำไมคุณถึงต้องใช้วิธีนี้……”
“ผู้อำนวยการมู่” โหมวฉี่ตัดบทเธอ
“คุณเป็นคนฉลาด ทำไมผมถึงจับคุณมาที่นี่ คุณไม่รู้จริงๆ เหรอ?”
มู่ซานอึ้งไป เธอพยายามคิดย้อนกลับไป เรื่องที่เธอได้ทำลงไปและกวนใจเธอมากที่สุด……
ชางหลิง!
โหมวฉี่ ทำเพื่อชางหลิงอย่างนั้นเหรอ?
“คุณชายฉี่ นี่คุณ ทำเพื่อชางหลิงอย่างนั้นเหรอ? ” มู่ซานเข้าใจแล้ว
เพียงแค่เธอไม่เข้าใจ ชางหลิงเป็นผู้หญิงของโหมวยู่ แล้วอีกอย่างช่วงนี้เธอก็ไปถามมาแล้ว พวกเขาสองคนกำลังทะเลาะกันอยู่ เพราะฉะนั้นเธอถึงได้กล้าลงมือกับชางหลิงอย่างกําเริบเสิบสานแบบนี้ ไม่คิดเลยว่า โหมวยู่จะไม่ได้ทำอะไรเธอ แต่กลับเป็นโหมวฉี่แทน……
“ดีไซเนอร์ชาง คือคนที่ยอดเยี่ยมแห่งเซิ่งซื่อ ครั้งนี้ที่เธอไปมิลาน สร้างชื่อเสียงให้บริษัทได้ตั้งมากมาย แล้วยิ่งไปกว่านั้น เธอคือเพื่อนของผม ดังนั้น เธอได้เจอกับเหตุการณ์ที่ไม่เป็นธรรม ผมก็ต้องเรียกร้องความเป็นธรรมให้เธออยู่แล้ว”
โหมวฉี่ยิ้ม แต่ว่าดวงตาที่อ่อนโยนของเขา กลับกลายเป็นมืดมนขึ้นมา
“คุณจะทำอะไร?”มู่ซานตื่นตระหนก
โหมวฉี่ส่งสายตาให้กับบอดี้การ์ดด้านข้าง แล้วบอดี้การ์ดทั้งสองคนก็พุ่งเข้าไปหามู่ซานในทันที
“ผมเห็นคลิปในกล้องวงจรปิดแล้ว” โหมวฉี่ดูผ่อนคลาย ไม่ได้สนใจฟังเสียงกรีดร้องของมู่ซานเลย “ถ้าคุณไม่ปัดชามเต้าฮวย ชางหลิงก็ไม่ล้มหรอก”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ มือไหนที่เป็นต้นเหตุ ก็ตัดมือนั้นทิ้งซะ แล้วเรื่องนี้ก็ถือว่าเคลียร์”
“ไม่! ไม่นะ!” มู่ซานตื่นตกใจ แต่ว่า ต่อให้เธอจะพยายามต่อสู้ ก็ไม่สามารถต้านทานบอดี้การ์ดร่างสูงใหญ่ทั้งสองคนนั้นได้เลย
เสียงกระดูกหักดัง“กึก”ทันใดนั้น ทั้งโกดังก็เต็มไปด้วยเสียงกรีดร้องของมู่ซาน