ป๋ายจื๋อขมวดคิ้ว พวกเขาเพิ่งจะหาหลักฐานได้ หลี่กุ้ยเฟินก็เสียชีวิตในโรงพยาบาลทันที แสดงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังใจร้อนเกินไป
“ป๋ายจื๋อ ไปสืบให้หน่อยสิว่าหลายวันนี้จี้เหยากวงกำลังทำอะไรอยู่”
ตอนนี้หัวใจของชางหลิงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก มีคนเสียชีวิตอีกแล้ว
ในสายตาของคนพวกนี้ ชีวิตของมนุษย์ราคาถูกขนาดนั้นเลยเหรอ?
พอนึกถึงท่าทางที่ดูป่วยและน่าสงสารของจี้เหยากวงแล้ว ชางหลิงก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ได้แต่หวังว่ามันจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิดนะ
“คุณไปกินข้าวเช้าก่อนเถอะ เดี๋ยวผมจะรีบไปสืบ”
หลังจากย้ายเข้ามาอยู่ที่คฤหาสน์ป้านซาน ป๋ายจื๋อก็ระมัดระวังเรื่องอาหารการกินของชางหลิงมาก ทุกอย่างจะถูกตรวจสอบอย่างรอบคอบ ต้องให้ชางหลิงกินให้หมดต่อหน้าเขาถึงจะสบายใจ
ชางหลิงมองอาหารที่เต็มไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการตรงหน้าของตัวเอง แล้วคิ้วของเธอก็ขมวดเข้าหากัน การจะให้มนุษย์กินเนื้ออย่างเธอมากินอาหารที่มีผักเยอะแยะขนาดนี้ทุกวัน แค่อยากจะกินเนื้ออย่างมีความสุขก็ทำไม่ได้ นี่มันทรมานกันมากเกินไปแล้ว
“ไม่อยากกินข้าวอีกแล้วเหรอ”
เซียวฉู่เข็นรถเข็นโหมวฉี่เข้ามา ด้านหลังก็มีหมอที่ช่วยดูแลสุขภาพของเธอตามมาด้วย 2 คน
พอได้ยินเสียงหยอกล้อของเขา ชางหลิงก็หูแดงขึ้นมาทันที เธอรีบคีบผักเข้าปาก แล้วก็กินอย่างจริงจัง
หลังจากกินข้าวเสร็จแล้ว ก็มีการตรวจร่างกายประจำวัน
“คุณชาง ร่างกายของคนฟื้นฟูได้ดีมาก ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปอาหารของคุณสามารถปรับเปลี่ยนได้เล็กน้อยตามความชอบ แล้วก็สามารถออกไปเดินเล่นได้แล้ว”
สามารถกินเนื้อได้อย่างสบายใจแล้ว!
ไม่ต้องเอาแต่นั่งอยู่ในห้องเหมือนติดคุกแล้ว!
พอชางหลิงได้ยินข้อมูลนี้ก็ดวงตาเป็นประกายขึ้นมาทันที หลายวันนี้ร่างกายของเธอปรับตัวได้ดีขึ้นมาก สมแล้วที่เป็นหมอที่ตระกูลโหมวเชิญตัวมา แค่ไม่กี่วันผิวของเธอก็อมชมพูขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“ขอบคุณมากค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”
“คุณชางไม่ต้องเกรงใจครับ เป็นเรื่องที่สมควรทำอยู่แล้ว” คุณหมอเก็บข้าวของอย่างรวดเร็ว แล้วก็เดินออกไปด้วยความเคารพ
“ยินดีด้วยนะ ในที่สุดลูกในท้องของคุณก็แข็งแรงแล้ว จะให้บอกข่าวนี้กลับโหมวยู่ด้วยไหม” ใบหน้าของโหมวฉี่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน น้ำเสียงของเขาก็ยังคงอ่อนโยนเหมือนเคย แต่ว่ามือที่ซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อก็กำหมัดเล็กน้อย
“ไม่ต้องหรอก! สำหรับเขาแล้วมันอาจจะไม่ใช่ข่าวดีก็ได้”
ตามสัญชาตญาณแล้ว ชางหลิงไม่คิดว่า โหมวฉี่จะคิดว่าความสัมพันธ์ของเธอกลับโหมวยู่จะดีอะไรหรอก
ต่อให้บอกเรื่องลูกกลับโหมวยู่ ก็มีแต่เธอเท่านั้นที่จะบอกเขาได้
“คุณไม่ต้องเสียใจไปหรอกนะ โหมวยู่ก็แค่ดื้อดึงไปช่วงหนึ่ง ต้องมีสักวันหนึ่งที่เขาคิดได้”
ชางหลิงยิ้มอย่างขมขื่น หวังว่าอย่างนั้นเหมือนกัน!
เธอรู้ว่าโหมวยู่มีความกลัวและต่อต้านเกี่ยวกับเรื่องที่ผู้หญิงตั้งท้องหรือแม้แต่การมีลูก เธอยอมที่จะรอให้เขาค่อยๆ รับเรื่องนี้ได้ แล้วก็ยอมที่จะข้ามอุปสรรคหนีไปได้กับเขา
เห็นว่าอารมณ์ของชางหลิงไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก โหมวฉี่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากมาย ให้เซียวฉู่เข็นรถออกไปอย่างรวดเร็ว
เขาไม่รีบร้อน อนาคตยังอีกยาวไกล
ขอแค่ชางหลิงยังอยู่ที่คฤหาสน์ป้านซาน เขาก็จะมีโอกาสได้เข้าใกล้เธอ ปกป้องเธอ
มองดูแผ่นหลังของทั้งสองคนที่จากไป ทันใดนั้นป๋ายจื๋อก็เอ่ยปากขึ้นมา น้ำเสียงดูเย็นชาและไม่ชอบเล็กน้อย “เขาเป็นห่วงเธอมากเลยนะ”
โหมวฉี่จะมาหาเธอพร้อมกับหมอทุกวัน ชางหลิงเอ็งก็ยังรู้สึกว่าเขาเป็นห่วงเธอมากเกินไป แต่ว่าเพื่อลูกแล้ว เธอต้องอยู่ที่คฤหาสน์ป้านซานชั่วคราว “เขาคงอยากจะดูแลหลานของเขาละมั้ง!”
“เหอะ!”
ป๋ายจื๋อหัวเราะอย่างเย็นชา พ่อแท้ๆ ของเด็กยังไม่สนใจ แล้วคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลุงจะดีได้ขนาดไหนกัน
ความรู้สึกไม่พอใจโหมวฉี่ของเขามากขึ้นมากขึ้นเรื่อยๆ ทุกครั้งที่เขาปรากฏตัวต่อหน้าชางหลิง รู้สึกเหมือนเส้นประสาทเขามันตึงเครียดไปหมด
“เป็นอะไรไป? คนของเขารังแกอะไรคุณเหรอ? ” ยากที่จะเห็นป๋ายจื๋อรู้สึกต่อต้านใครสักคนหนึ่ง จู่ๆ ชางหลิงก็รู้สึกสนใจขึ้นมา
“เปล่า” เขาก็แค่ไม่ชอบโหมวฉี่เฉยๆ
ป๋ายจื๋อเม้มปาก ไม่อยากจะคุยเรื่องนี้ต่อ “ไปรับแดดกัน”
ชางหลิงมองออกไปที่นอกหน้าต่าง ฟ้าใส แดดก็แรง อากาศช่างดียังหาได้ยากจริงๆ เธอเอาแต่มุดอยู่ในห้องมาหลายวันแล้ว ควรจะออกไปข้างนอกบ้างจริงๆ แหละ
ในส่วนของคฤหาสน์ป้านซาน ไม่ว่าจะพูดยังไงป๋ายจื๋อก็ยังยืนยันที่จะตามชางหลิงไป ทั้งสองคนเดินบนเส้นทางที่ปูไว้ด้วยหินช้าๆ ชางหลิงมองดูส่วนที่สวยงามพร้อมกับอุทานออกมา “คุณชายฉี่รสนิยมดีจริงๆ เลย!”
“ก็ใช่ ถ้าเกิดรู้ตัวว่าตัวเองไม่เหมาะสมกับคุณชายฉี่ก็อยู่ให้ห่างหน่อย ผู้หญิงที่ถูกทอดทิ้งและต้องออกจากบ้าน ยังกล้าที่จะออกมาข้างนอกกลางวันแสกๆ ให้อับอายขายขี้หน้า ถ้าเกิดว่าเป็นฉัน ฉันคงหาที่ที่ไม่มีคนแล้วก็ฆ่าตัวตายไปแล้ว”
ชางหลิงมองดูโจวหลินที่อยู่ๆ ก็เดินออกมาจากมุมแล้วตรงเข้ามาหาเธอ เธอถอยหลังไปสองก้าวทันทีเพื่อรักษาระยะห่างระหว่างสองคน ป๋ายจื๋อก็รีบเข้ามาคั่นกลางระหว่างสองคนในทันที
“ฉันบอกคุณตั้งแต่แรกแล้ว วัดฉันไม่ได้สนใจอะไรในตัวคุณชายฉี่ ถ้าเกิดว่าคุณมีความสามารถก็ไปจับเขาให้ได้สิ ถ้าไม่มีความสามารถก็ไม่ต้องมาคอยนั่งกัดคนอื่นอยู่ที่นี่”
ถึงแม้ว่าตอนนี้เธอจะระมัดระวังตัว แต่ก็ไม่ใช่คนที่จะถูกรังแกได้ง่ายๆ ในเมื่อโจวหลินเป็นคนหาเรื่องก่อน เธอก็ไม่ได้จำเป็นต้องเงียบ
“หึ!ทุกคนก็รู้ว่าคุณชายรองไม่เอาแกแล้ว ใครจะไปรู้ว่าแกอาจจะหันกลับมาปีนคุณชายฉี่ก็ได้” สายตาของโจวหลินเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยและดูถูก “ได้ยินมาว่าเพื่อเด็กติดยาคนหนึ่งแล้ว คุณชายรองก็ไม่เอาแม้แต่ลูกของตัวเอง แต่ไม่คิดเลยว่าแกจะถูกทิ้งเร็วขนาดนี้ ไร้ประโยชน์จริง ฮ่าๆๆๆ ”
โจวหลินหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง สีหน้าของชางหลิงมืดมนลงทันที แล้วก็ด่ากลับไปอย่างเย็นชา “แต่ว่าคนบางคนก็อยากตั้งท้องลูกของตระกูลโหมว แต่น่าเสียดายที่คุณชายฉี่ไม่เอา”
“แก······” โจวหลินหน้าแดงไปหมดเพราะคำพูดของชางหลิง แต่ว่าก็สามารถปรับอารมณ์ของตัวเองได้อย่างรวดเร็ว พร้อมกับถลึงตาใส่เธออย่างโหดร้าย และพูดจาดูถูก “ฉันจะดูว่าแกจะยังลำพองใจไปได้อีกนานแค่ไหนกัน ขยะไร้ประโยชน์”
พอโจวหลินพูดจบก็เดินออกไปด้วยความโมโห ป๋ายจื๋อพูดด้วยสีหน้าที่หมองหม่น “ผมจะไปสั่งสอนเธอให้เอง”
“ช่างมันเถอะ ตอนนี้พวกเราต้องอยู่เงียบๆ ก่อน ต่อไปถ้ามีโอกาสค่อยจัดการเธอก็ได้”
อยู่ในอาณาเขตของคนอื่น แถมยังอยากจะจัดการคนที่อยู่ภายใต้ของเขาอีก มันดูไม่ค่อยมีมารยาทเท่าไหร่นะ
โหมวฉี่นั้นมีจิตใจลึกซึ้งมาก เธอไม่เข้าใจเขา และก็ไม่มีความจำเป็นที่ต้องแตกคอกับเขาในตอนนี้
แต่ว่าการที่ถูกพวกเธอตักเตือนซ้ำแล้วซ้ำเล่า ชางหลิงก็รู้สึกว่าปัญหาของเธอกลับโหมวยู่มันจะยื้อไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว
ถึงแม้ว่าเธอจะโกรธจนหนีออกจากบ้าน แต่ว่ามันเป็นแค่เรื่องเล็กน้อยของอารมณ์ระหว่างสามีภรรยา แต่ว่าถ้ามันเกิดสร้างที่ว่างให้ผู้หญิงคนอื่นนั้น ถ้าอย่างนั้นสำหรับเธอมันคงเป็นการสูญเสียที่น่าสังเวชน่าดู
มีข้ออ้างที่โหมวยู่ใช้เธอตามหาหลักฐาน เธอกลับไปเองก็คงไม่ถือว่าน่าอายเท่าไหร่หรอกมั้ง!
“ป๋ายจื๋อ ฉันอยากจะกลับคฤหาสน์หนานวานสักหน่อยน่ะ”
ป๋ายจื๋อพยักหน้า แล้วรถของทั้งสองคนก็ขับออกจากคฤหาสน์ป้านซานอย่างรวดเร็ว
ในคฤหาสน์หนานวาน เสียงเครื่องเคลือบแตกดัง “เพล้ง!”ดังออกมาจากห้องนอน
โหมวยู่เอามือกุมหัวของตัวเองและนั่งลงที่พื้น มือที่สั่นเทาของเขาหยิบขวดยาออกมาจากกระเป๋า แล้วกลืนยาที่เหลืออยู่เพียง 2 เม็ดลงไป
ความถี่ของอาการปวดหัวของเขามันเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และอาการตามหลังก็รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ยาที่โหมวยู่กินเข้าไปนั้นสามารถลดอาการปวดได้เล็กน้อย เขาเดินโซซัดโซเซไปที่เตียง ทันใดนั้นมีอาการวิงเวียนศีรษะ ตามืดลง และเขาล้มลงบนเตียงอย่างแรงและหมดสติไป
จี้เหยากวงที่เฝ้าอยู่หน้าประตูด้วยความกังวลลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ตัดสินใจเข้าไปโดยที่ไม่สนใจอะไร
จี้เหยากวงเห็นโหมวยู่ที่นอนไม่ขยับอยู่บนเตียง มีแสงแปลกๆ แวบเข้ามาในดวงตาของเธอ เธอเดินเข้าไปลองผลักผู้ชายที่นอนอยู่บนเตียง เขาหมดสติไปแล้ว
ในตอนนี้เอง โทรศัพท์ของจี้เหยากวงก็มีข้อความส่งเข้ามา “คุณชางกลับมาแล้ว”