“ไอ้เลว ใครสนใจอยากจะกลับมากัน! ต่อให้ฉันต้องกลายเป็นขอทานข้างถนนฉันก็ไม่ต้องการให้คุณรับกลับมาหรอก”
ชางหลิงโกรธจนหันหลังเดินออกไป ผู้ชายคนนี้ช่างไร้เหตุผลจริงๆ ในเมื่อไม่สามารถสื่อสารกันได้ก็ใจเย็นก่อนดีกว่า! ถ้าโมโหจนทำร้ายลูกในท้องมันจะไม่คุ้มกัน
“หยุดอยู่ตรงนั้น ใครอนุญาตให้คุณไป!”โหมวยู่ลงจากเตียง แล้วก็จับข้อมือของชางหลิง “ไปเอาลูกออก แล้วก็ย้ายออกจากคฤหาสน์ป้านซานซะ แล้วผมจะลืมเรื่องนี้ไป”
ขอฟังน้ำเสียงที่เหมือนจะใจบุญของโหมวยู่ ชางหลิงก็แทบจะกระอักเลือดออกมา!
เธอถลึงตาใส่ดวงตาที่นิ่งสงบของโหมวยู่ ความผิดหวังมันถาโถมเข้ามาในหัวใจของเธอ แต่ว่าเสียงของเธอนั้นกลับเย็นชาและเงียบสงบผิดปกติ “เรื่องลูกฉันจะตัดสินใจเอง ปล่อยฉัน”
สายตาของชางหลิงเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ พอโหมวยู่เห็นสายตาที่เยือกเย็นราวกับห้องน้ำแข็ง สมองของเขาก็โล่งไปในทันที ร่างกายของเขาชา มือที่จับชางหลิงอยู่นั้นก็ปล่อยมืออย่างไม่สามารถควบคุมได้
ทั้งๆ ที่มันเป็นสิ่งที่เขาต้องการ แต่ทำไมมันถึงได้ปวดใจขนาดนี้ เขารู้สึกเกือบจะหายใจไม่ออกแล้ว
ตอนที่เขาตั้งสติได้นั้น ร่างกายที่คุ้นเคยก็ออกไปจากห้องนอนที่ว่างเปล่าแห่งนี้แล้ว
พอเห็นชางหลิงเดินโซเซไปตามทางเดิน ป๋ายจื๋อรีบเดินเข้าไปหาเธอ พยุงแขนของเธอแล้วก็ถามอย่างเป็นกังวล “สีหน้าเธอไม่ค่อยดีเลย”
“ไปกันเถอะ”
เสียงของชางหลิงเบามาก แต่ว่าป๋ายจื๋อก็ยังได้ยินถึงความทุกข์และความเศร้าของเธอ
ตอนที่ป๋ายจื๋อลงมาชั้นล่างนั้นก็หันไปเหลือบมองประตูห้องนอนที่เปิดอยู่ครึ่งหนึ่ง แล้วก็พยุงชางหลิงเดินออกไป
ทั้งสองคนเดินผ่านสวนนอกคฤหาสน์ จี้เหยากวงมองดูแผ่นหลังของพวกเขาที่ห่างออกไปเรื่อยๆ มุมปากก็ยกขึ้นอย่างพึงพอใจ เธอไม่เคยคิดเลยว่าแค่ทริคเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้จะทำให้ชางหลิงกับโหมวยู่เลิกกันได้อย่างสิ้นเชิง เธอแค่อยากให้ชางหลิงออกไปจากคฤหาสน์นี้เท่านั้น
ชางหลิงนั่งอยู๋บนที่นั่งข้างคนขับ เธอรู้สึกปวดที่ท้องน้อย แถมยังได้กลิ่นเลือดจางๆ
“ป๋ายจื๋อ รีบกลับ!”
ป๋ายจื๋อรีบคาดเข็มขัดให้ชางหลิงอย่างรวดเร็ว แล้วก็ขับรถกลับไปที่คฤหาสน์ป้านซาน
“ชางหลิง คุณโอเคมั้้ย? ”
ป๋ายจื๋อได้ให้หมอเตรียมตัวมาที่บ้านของชางหลิงก่อนแล้ว โหมวฉี่ก็มาถึงบ้านของเธอในทันที ตอนที่เขาเห็นชางหลิงถูกป๋ายจื๋ออุ้มเข้ามาในห้องนั้น ใบหน้าที่มืดมนของเขาอยู่แล้วก็มืดมนเข้าไปอีก
“คุณหมอ”
ป๋ายจื๋อวางชางหลิงไว้บนเตียง แล้วก็รีบถอยออกเพื่อหลีกทางไม่ให้ขวางทาง ให้หมอเข้าไปเท่านั้น
“เกิดอะไรขึ้น?”
โหมวฉี่รู้ว่าวันนี้ชางหลิงไปหาโหมวยู่ แต่ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องวุ่นวายแบบนี้ ได้กลิ่นเลือดมาจากป๋ายจื๋อ มือของโหมวฉี่ก็จับด้ามเก้าอี้แน่น
อีกฝั่งของประตู เหมือนกับว่าเขาจะได้ยินเสียงกรีดร้องที่สิ้นหวังและเจ็บปวดของผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง
ป๋ายจื๋อเม้มปากแน่น เอาแต่จ้องประตูเงียบเชียบไม่พูดอะไร
ตอนที่ชางหลิงฟื้นขึ้นมาก็วันที่สองแล้ว เห็นป๋ายจื๋อเฝ้าอยู่ข้างเตียง แล้วเธอก็พูดอย่างอ่อนแอ “ลูกยังอยู่ดีไหม? ”
ตอนที่อยู่ในรถเธอก็รู้สึกได้ว่าตัวเองเลือดไหลตลอดเวลา สิ่งเดียวที่เธอคิดก่อนที่จะหมดสติไปก็คือไม่ว่าจะทำยังไงก็ต้องรักษาลูกไว้
“เด็กยังอยู่ ต้องนอนพักครึ่งเดือน”
“ครึ่งเดือน”
หลังจากเรื่องความสุขที่ยิ่งใหญ่ คือความสิ้นหวังต่อช่วงเวลาอีกครึ่งเดือนนี้
แต่ว่าความจริงนั้นมันโหดร้ายกว่าที่เธอคิดไว้มาก วันที่สองของการนอนอยู่บนเตียงชางหลิงรู้สึกว่าปวดกระดูกไปหมด วันที่สามชางหลิงเริ่มสงสัยเกี่ยวกับชีวิตของตัวเอง วันที่สี่ วันที่ห้า······ ในที่สุดเธอเข้าใจคำว่าหนึ่งวันนานนับปีหมายความว่ายังไง
ในช่วงเวลาที่ชางหลิงต้องนอนพักผ่อนอยู่บนเตียง ซูเสี่ยวเฉิงมาหาเธอแทบทุกวัน ถงเอินเองก็เคยมาสองครั้ง ส่วนคนที่มีความอดทนมากที่สุดก็คือโหมวฉี่ เขามาที่นี่ทุกวัน มีเวลาก็นั่งอยู่ด้วยจนเกือบจะครึ่งวัน
เวลาค่อยๆ ผ่านไป ชางหลิงก็เริ่มคุ้นชินกับการที่มีคนที่อบอุ่นอย่างโหมวฉี่มาอยู่เป็นเพื่อน ไม่ว่าจะเป็นพูดคุยตอนกินข้าวหรือว่านินทาชาวบ้าน ไม่ว่าชางหลิงจะพูดอะไร โหมวฉี่ก็ไม่เคยไม่พอใจเลย ทุกครั้งเขาจะยิ้มและฟังเธอพูด หรืออาจจะออกความเห็นบ้างในบางครั้ง
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าพอรู้อยู่แล้วว่าโหมวฉี่ไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนที่เห็น ชางหลิงก็เกือบจะเห็นเขาเป็นคนสนิทแล้ว
หลังจากอดทนทรมานมาครึ่งเดือน วินาทีที่เท้าของชางหลิงได้สัมผัสพื้นนั้น ความรู้สึกอิสระนี้ทำให้เธอร้องไห้ การที่ได้เดินบนพื้นมันช่างมีความสุขจริงๆ
“คุณชาง ตอนนี้ร่างกายของคุณไม่จำเป็นต้องนอนพักฟื้นบนเตียงอย่างเดียวแล้ว แต่ว่าก็ยังคงอ่อนแออยู่ ต่อไปผมจะมาพาคุณออกไปเดินเล่นทุกวัน คุณอยากออกไปเมื่อไหร่ก็บอกผมล่วงหน้าได้เลยนะครับ”
หมอที่ดูแลชางหลิงนันตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อที่จะดูแลให้ชางหลิงปลอดภัยและแข็งแรง เขาตัดสินใจที่จะติดตามเธออย่างใกล้ชิด
“ต้องรบกวนคุณแล้วนะคะ ถ้าอย่างนั้นทุกวันหลังตรวจร่างกายเสร็จก็ออกไปเดินเล่นกันสักหน่อยเถอะค่ะ!”
“ได้ครับ”
ตอนที่เดินเล่นอยู่ในส่วนของคฤหาสน์ป้านซาน ชางหลิงก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจให้กับเวลาที่ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ดอกไม้ที่เธอเห็นอยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อนเลย สิ่งเดียวที่เหมือนกันก็คือพวกมันดูมีชีวิตชีวา ดอกไม้ที่เหี่ยวแห้งก็จะหล่นกระจัดกระจายอยู่บนพื้นเงียบๆ เช้าวันรุ่งขึ้นก็จะมีคนรับใช้ที่ขยันขันแข็งมาทำความสะอาด
“ในที่สุดก็ได้ลงจากเตียงแล้ว แล้วคุณชางวางแผนจะไปเมื่อไหร่คะ!”
พอได้ยินน้ำเสียงที่ดูถูกและคำพูดที่หยาบคาย ชางหลิงแทบไม่ต้องมองก็รู้ว่าคือโจวหลิน ยังไงที่นี่ก็คืออาณาเขตของเธอ คนบางคนก็ต้องเห็นทุกย่างก้าวของเธออย่างชัดเจนอยู่แล้ว
“ที่คฤหาสน์ป้านซานมีนายหญิงตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมฉันถึงไม่รู้ ป๋ายจื๋อคุณล่ะรู้ไหม?”
“ไม่รู้”
“เดี๋ยวพอโหมวฉี่มาก็ถามเขาหน่อยแล้วกัน เรื่องน่ายินดีเรื่องใหญ่ขนาดนี้ก็ควรจะเชิญพวกเราไปฉลองด้วยสิถึงจะถูก”
“ได้เลย”
พอได้ยินชางหลิงกลับป๋ายจื๋อพูดจาตามใจตัวเอง ก็เหมือนกับว่ามีมีดที่แหลมคมจำนวนนับไม่ถ้วนแทงเข้าไปในหัวใจของโจวหลิน
มันน่าบาดใจเหลือเกิน!
ทั้งๆ ที่รู้ว่าเธอแคร์เรื่องอะไรมากที่สุดอยู่แล้ว ชางหลิงต้องจงใจอย่างแน่นอน
โจวหลินที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟเพราะชางหลิงนั้นก็ตอบกลับอย่างดุเดือด “แกอย่ามาปากดีตรงนี้หน่อยเลย ถ้ามีความสามารถก็กลับไปดูแลผู้ชายของตัวเองให้ดีเถอะ!ได้ยินมาว่าผู้หญิงคนนั้นที่คฤหาสน์หนานวานท้องแล้วนี่ ที่ชื่อจี้เหยากวงอะไรนั่น”
“จี้เหยากวงท้อง เป็นไปไม่ได้!”
หลังจากที่อยู่ด้วยกันมานาน แล้วก็ผ่านเรื่องราวด้วยกันมามากมาย ชางหลิงยังคงเชื่อใจโหมวยู่!
ไม่ว่าเขาจะโกรธเธอมากแค่ไหน โหมวยู่ก็ไม่มีทางแตะต้องจี้เหยากวงจริงๆ หรอก และยิ่งไม่มีทางปล่อยให้เธอท้องอย่างแน่นอน
“เหอะ! ที่แท้แกก็ยังไม่รู้นี่เอง ไม่เชื่อก็ไปถามเพื่อนรักแกซูเสี่ยวเฉิง ไปถามถงเอินสิ ทุกคนก็รู้หมดนั่นแหละ มีแต่คนโง่อย่างแกเท่านั้นแหละที่บอกว่ามันไม่มีทางเป็นไปได้”
พอเห็นท่าทางประหลาดใจของชางหลิง ความไม่พอใจในใจของโจวหลินก็ถือว่าหายไปครึ่งนึงแล้ว
“ป๋ายจื๋อ ได้รู้เรื่องนี้ไหม?”
ชางหลิงหันหน้าไปมองป๋ายจื๋อ พยายามที่จะมองหาอะไรบางอย่างบนใบหน้าที่เหมือนจะเป็นอัมพาตของเขา
“ไม่รู้”
เสียงของป๋ายจื๋อมันสงบนิ่งมาก ใบหน้าของเขาไม่มีสีใดๆ ไม่ว่าชางหลิงจะมองยังไงก็มองไม่เห็นความผิดปกติ
“ยังมีธุระอะไรอีกไหม?”
โจวหลินเอาแต่ขวางหน้าเธอไว้ ชางหลิงขมวดคิ้ว ยังจะไม่ให้คนไปเดินเล่นอีกเหรอ!
“แกไม่ไปหาโหมวยู่เหรอ?”
เมื่อเห็นใบหน้าที่ไร้อารมณ์ของเธอ โจวหลินก็ตะลึงไป
ทำไมชางหลิงถึงได้สงบลงได้เร็วขนาดนี้ สามีของตัวเองทำให้ผู้หญิงคนอื่นท้อง ในฐานะที่เธอเป็นเมียพอได้ยินข่าวแบบนี้ควรจะของขึ้น แล้วก็พุ่งไปจัดการพวกเขาแบบคาหนังคาเขาไม่ใช่เหรอ?
“ไม่มีอะไรแล้วก็ถอยไป ขวางทางเดินฉัน”
พอถูกป๋ายจื๋อมองด้วยแววตาที่เย็นชา โจวหลินก็รีบออกไปด้านข้างทันที สายตามองดูชางหลิงเดินผ่านหน้าตัวเองไป ท่าทางที่ดูสงบและผ่อนคลาย ดูเหมือนว่าเธอกำลังเดินเล่นอยู่เท่านั้นจริงๆ