ไม่ว่าเธอจะร้องขัดขืนยังไง มือที่ถูกโหมวยู่จับไว้ก็ดึงกลับมาไม่ได้สักที
ร่างกายของเธอถูกโหมวยู่ขวางอยู่ตรงมุมกำแพง เขาคว้ามือเธอเอาไว้ ไม่สนใจเสียงกรีดร้องและการขัดขืนของเธอ และเซ็นชื่อของเธอลงบนสัญญาการหย่าทีละเส้น จากนั้นก็กดประทับรอยนิ้วมือลงไป
เห็นหนังสือสัญญาการหย่าที่ชางหลิง เซ็นเอง “กับมือ” โหมวยู่ก็ยิ้มอย่างพอใจ
พอทำใบหย่าเสร็จแล้ว ทรัพย์สินทั้งหมดของเขาก็โอนให้ชางหลิงทั้งหมด ถึงแม้ต่อไปเขาจะปกป้องเธอไม่ได้อีก ก็มีเงินพวกนั้นที่จะคอยประทังชีวิตของชางหลิงได้ต่อไป
โหมวยู่อุ้มชางหลิงที่ขดตัวอยู่มุมกำแพงมานอนที่ตำแหน่งเดิม ห่มผ้าให้เธออย่างห่วงใย น้ำเสียงอ่อนโยนกว่าก่อนหน้านี้มาก “ตอนบ่ายฉันให้ฉู่ฉือมารับเธอไปโอนย้ายทรัพย์สินนะ”
“ฉันไม่ต้องการเงินของนายหรอกนะ ฉันไม่อยากได้ทรัพย์สินอะไรของนายด้วย”
ชางหลิงพูดด้วยสีหน้าที่โมโหจัด โหมวยู่นายมันเป็นคนเลว ทำกันเกินไปแล้ว เขากล้าดึงมือเธอบังคับไปเซ็นชื่อได้ยังไงกัน
ลายเซ็นบนหนังสือสัญญาการหย่านั้นดูก็รู้ว่าเป็นของปลอม ชางหลิงรู้ว่าหมอนี่วางแผนไว้แล้ว เขารู้ว่าเธอจะไม่ยอมหย่าง่ายๆ ถึงได้คิดวิธีที่หยาบคายแบบนี้ออกมาได้
“หลิงเอ๋อ หยุดดื้อได้แล้ว เธอม่เงินก้อนนี้ ต่อไปก็สามารถใช้ชีวิตในเมืองหนานได้อย่างสบายๆ ถึงแม้ไม่มีฉันเธอก็จะมีชีวิตที่ดีได้”
โหมวยู่ยื่นมือไปลูบผมของชางหลิงเบาๆอย่างระมัดระวัง มือเขาเพิ่งสัมผัสไปที่ปลายผมของเธอ ก็ถูกชางหลิงปัดมือออกเสียก่อน
สายตาของเธอเต็มไปด้วยความรังเกียจและโมโห “อย่าแตะต้องฉัน เป้าหมายนายสำเร็จแล้ว ก่อนจะตายให้ฉันรู้ความจริงได้ไหม ว่าทำไมถึงอยากหย่า”
“อย่าพูดมั่วนะ ตายอะไรกัน เมื่อก่อนเธออยากหย่ามาตลอดไม่ใช่หรือไง? ตอนนี้เธอเป็นอิสระแล้ว ถ้าต่อไปเธออยากเลี้ยงหนุ่มๆ ให้หลีซินกับฉู่ฉือช่วยเธอหาได้ อย่าไปคลับของฉินซาง ลูกน้องของเขามีแต่คนไม่ดี”
เลี้ยงหนุ่มๆอะไรกัน?
คำพูดทะลึ่งแบบนี้โหมวยู่กลับพูดมันออกมาอย่างเรียบเฉย แล้วยังแนะนำการหาผู้ชายให้เธออย่างละเอียด นี่ถือว่าเป็นอดีตสามีที่ดีที่สุดใช่ไหม?
ชางหลิงตกตะลึงกับความผิดปกติของโหมวยู่ แต่เขาดูเหมือนจะไม่รู้สึกอะไรกับสิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกมาเลย แล้วยังพูดต่อไปอีก
“อีกอย่างนะ ป๋ายจื๋อซื่อสัตย์กับเธอมาก เป็นคนที่ไว้ใจได้ แต่ข้างกายเธอจะต้องมีแม่บ้านที่ดูแลคนเป็นด้วย ฉันให้ฉู่ฉือเตรียมไว้แล้ว พรุ่งนี้จะส่งมาให้เธอทันที”
“รู้ว่าเธอชอบออกแบบ ฉันเว้นตำแหน่งผู้อำนวยการออกแบบในเซิ่งซื่อให้เธอแล้ว หุ้นส่วนทั้งหมดในเซิ่งซื่อของฉันก็ยกให้เธอทั้งหมด ต่อไปจะไม่มีใครกล้ารังแกเธอในบริษัทแน่นอน”
โหมวยู่พูดกำชับไปด้วย และมองชางหลิงด้วยแววตาที่เศร้าโศกไปด้วย ไม่กะพริบตาเลยสักครั้ง นี่อาจจะเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเขาจะได้เจอกัน เขาไม่อยากเสียเวลาไปสักวินาทีเดียว
ชางหลิงมองเขาด้วยแววตานิ่งเฉย เขาไม่ให้โอกาสเธอได้พูดเลยด้วยซ้ำ
แต่ว่า ผู้ชายคนนี้ทำท่าเหมือนคำพูดสั่งเสียมันหมายความว่ายังไงกัน?
หรือว่าเขาป่วยเป็นโรคระยะสุดท้ายจริงๆ?
ไม่หรอกมั้ง ด้วยฐานะของโหมวยู่กับอำนาจของตระกูลโหมวในเมืองหนาน ถึงแม้เขาจะป่วยเป็นโรคระยะสุดท้ายจริงๆ ผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจและอื่นๆสำหรับโหมวยู่แล้วน่าจะไม่ยากอะไรเลยนะ!
จำเป็นต้องทำเหมือนคนจะตายไหม?
“พูดไร้สาระทำไม ฉันแค่อยากรู้ว่าทำไมนายถึงอยากหย่า?” ชางหลิงยังคงถามคำถามนี้ต่อไปไม่เลิก
สายตาของโหมวยู่เต็มไปด้วยความเอ็นดู ฝืนตัวเองไม่ให้พุ่งเข้าไปดีดหน้าผากเธอ “ไม่นานเธอจะรู้เอง พักผ่อนดีๆ ฉันกลับก่อนล่ะ”
ชางหลิงพิงอยู่บนหัวเตียง มองดูโหมวยู่เดินออกไปด้านนอกอย่างเฉยชา
ในตอนที่เปิดประตูนั้น ตัวโหมวยู่ก็แข็งทื่อไปหมอ มองดูป๋ายจื๋อที่ยืนอยู่ด้านนอกอย่างไม่อยากจะเชื่อ เขาขมวดคิ้วเป็นปม น้ำเสียงทุ้มต่ำเป็นความโกรธที่เก็บซ่อนไว้ไม่อยู่
“ป๋ายจื๋อ นายมาทำอะไร วางปืนลงเดี๋ยวนี้”
ด้านนอกประตู ป๋ายจื๋อยืนอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ ถือปืนจ่อไปที่ตรงกลางหน้าผากโหมวยู่ ขอแค่เขาเหนี่ยวไกเบาๆ ระยะนี้ถึงแม้โหมวยู่จะเก่งแค่ไหนก็ไม่รอดอยู่ดี
“นายรังแกชางหลิง ฉันจะลงโทษนาย”
น้ำเสียงอันเย็นชาของป๋ายจื๋อดังขึ้นช้าๆ น้ำเสียงเขาเฉยชามาก แต่กลับทำให้โหมวยู่ตกใจจนเหงื่อแตก
เขาไม่กลัวป๋ายจื๋อยิงเขาตายหรอก แต่ว่าถ้าวันนี้เขาตายด้วยปืนของป๋ายจื๋อจริง งั้นป๋ายจื๋อกับชางหลิงทั้งชีวิตนี้ได้จบแน่ นายท่านโหมวไม่มีทางปล่อยพวกเขาไว้แน่นอน
เขาใกล้ตายอยู่แล้ว เปลี่ยนวิธีตายก็ไม่เป็นไร แต่เขาจะตายจากความใจร้อนของป๋ายจื๋อแล้วเดือดร้อนชางหลิงด้วยไม่ได้เด็ดขาด ชางหลิงจะต้องมีชีวิตที่ดี
“นายลงโทษฉันได้ ฉันไม่ตอบโต้ แต่นายจะยิงที่นี่ไม่ได้ พวกเราเปลี่ยนที่กัน แล้วฉันจะยอมให้นายจัดการได้ตายใจชอบ”
โหมวยู่ชูมือขึ้นอย่างเต็มใจ ไม่อยากตอบโต้กลับด้วยซ้ำ เขาอดทนโน้มน้าวป๋ายจื๋อ
เห็นท่าทีของป๋ายจื๋อ ชางหลิงก็ขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิม
ผู้ชายคนนี้บ้าไปแล้วเหรอ? เขาไม่กลัวนายเลยด้วยซ้ำ
เพื่อไม่ให้โหมวยู่จับได้ ชางหลิงยังกำชับให้ป๋ายจื๋อเอากระสุนปลอมใส่ในปืน
ตอนนี้เขากำลังจะตายอยู่แล้ว ทำไมถึงใจเย็นอยู่แบบนี้อีก?
“ทำไมต้องทำให้เธอผิดหวัง?”
สายตาที่ป๋ายจื๋อมองโหมวยู่ดุร้ายขึ้นเรื่อยๆ ในตอนที่ได้ยินเสียงตะโกนร้องขอความช่วยเหลือของชางหลิงดังขึ้นจากด้านนอกประตู เขาอยากจะพุ่งเข้าไปยิงโหมวยู่ให้ตายไปเลยจริงๆ
“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา เหมือนจะไม่ต้องบอกกับนายนะ”
โหมวยู่รับรู้ได้ถึงแววตาพิฆาตของป๋ายจื๋อ แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้ เขาก็จะไม่บอกความจริงกับพวกเขาแน่นอน
ไม่พูดก็มีแค่เขาคนเดียวที่ตาย ถ้าชางหลิงรู้ความจริงแล้วก็คงจะตายตามไปด้วย
ดูยังไงเขาตายคนเดียวยังจะดีกว่า
ความแค้นภายในจิตใจของป๋ายจื๋อถูกปลุกขึ้นมา ผู้ชายคนนี้ทำไมถึงทำร้ายชางหลิงได้อย่างหน้าด้านๆกัน ดูแล้วเมื่อก่อนเขาคงมองผิดไป โหมวยู่เป็นผู้ชายเลวยันกระดูกดำ
“งั้นนายก็อยู่ที่นี่เถอะ!”
ป๋ายจื๋อมองโหมวยู่ด้วยแววตาเย็นชา นิ้วมือที่จับปืนอยู่ก็ขยับเล็กน้อย
โหมวยู่ไหวพริบเร็ว นั่นเป็นท่ายิงปืนของคนที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างหนัก “หยุด!”
“เปลี่ยนที่พูดกัน”
นี่เป็นการยอมแพ้ครั้งสุดท้ายของเขา
ป๋ายจื๋อครุ่นคิด จากนั้นก็พยักหน้า โหมวยู่ดูไม่เหมือนคนจะวิ่งหนี
ทั้งสองเป็นห่วงสุขภาพของชางหลิงทั้งนั้น จึงต้องขึ้นไปบนดาดฟ้าของอะพาร์ตเมนต์
ลมพัดทำให้ปลายเสื้อทั้งสองโบกพลิ้ว โหมวยู่มองดูตึกสูงของเซิ่งซื่ออยู่ห่างๆ ถามเสียงโทนต่ำว่า “ป๋ายจื๋อ ฉันเชื่อใจนายได้ไหม? นายสามารถปกป้องเธอไปตลอดชีวิตได้ใช่ไหม?”
“ขอแค่ฉันยังมีชีวิตอยู่ก็สามารถปกป้องเธอไปได้ตลอดชีวิต” ป๋ายจื๋อไม่ลังเล และตอบกลับไปอย่างรวดเร็วและแน่วแน่
“ได้ งั้นต่อไปก็รบกวนนายดูแลด้วยนะ ดูแลเธอไม่ใช่เรื่องที่ง่ายเลยนะ”
โหมวยู่หัวเราะอย่างปวดใจ ตอนนั้นเขาบังคับชางหลิงมาอยู่กับตัวเอง ตอนแรกเพื่อจะได้ปกป้องเธอไปตลอดชีวิต ไม่คิดว่าเขากลับต้องมาตายไปเสียก่อน
ถ้ารู้ว่าตัวเองจะตายเร็วขนาดนี้ ตอนนั้นเขาอาจจะไม่พยายามบังคับเธอมาอยู่กับตัวเองแล้ว
“บอกเหตุผลที่นายเลิกกับเธอได้ไหม? นายใกล้ตายแล้วใช่ไหม?”
โหมวยู่อึ้งกับคำถามตรงไปตรงมาของป๋ายจื๋อ หรือว่าเขารู้อยู่แล้ว?
ไม่มีทาง ป๋ายจื๋อจะรู้ได้ยังไง