โหมวยู่มองผู้ช่วยที่อยู่ที่นั่งคนขับด้วยสายตาเย็นชา “กลับเซิ่งซื่อ ระวังปากตัวเองให้ดี”
ผู้ช่วยตกใจจนเหงื่อแตกท่วมตัว แล้วจำใจต้องเงียบปาก เหยียบคันเร่งจนมิด พยายามควบคุมไม่ให้ตัวเองมองกระจกมองหลังที่มีใบหน้าอันดุร้ายของโหมวยู่ที่นั่งอยู่เบาะหลัง
ภายในอะพาร์ตเมนต์ ชางหลิงนั่งอยู่ตรงระเบียงในห้องนอน มองดูสวนดอกไม้ด้านล่างอย่างเบื่อหน่าย
โหมวยู่จะมาอีกเมื่อไหร่นะ?
จะเอาเลือกเขามาได้ยังไง หรือว่าไปตามหมอมาแล้วตรวจสอบร่างกายเขาซะเลย?
ครุ่นคิดอยู่นั้น ทันใดนั้นชางหลิงก็เห็นรถโรลส์-รอยซ์คันที่คุ้นเคยมาจอดอยู่ข้างทางด้านล่างตึก
นั่นเป็นรถของโหมวยู่ เมื่อกี้พวกเขาก็คุยกันอยู่ตรงนี้?
ชางหลิงมองดูรถโหมวยู่ขับเคลื่อนออกไป เดาสถานที่ที่พวกเขาไปกันเมื่อกี้ บาร์หรือร้านกาแฟด้านล่างตึกนะ?
ในอะพาร์ตเมนต์นี้มีสถานบันเทิงอยู่สามชั้น จะไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดทุกร้านเลย ก็ดูเหมือนจะเสียเวลามากเกินไป
เดินมาถึงห้องนอน ชางหลิงก็เลยถามตรงๆไปว่า “ป๋ายจื๋อ เมื่อกี้นายกับโหมวยู่ไปไหนมา?”
ป๋ายจื๋อกำลังจะพูด เธอก็พูดเสริมไปอีกคำว่า “เมื่อกี้ฉันเห็นรถของเขา”
“ดาดฟ้า” ป๋ายจื๋อเงียบสักพัก แล้วตอบไปตามตรง
ชางหลิงพยักหน้า เหมือนแค่ถามไปงั้นๆ จากนั้นก็บอกของที่อยากกินไป ให้ป๋ายจื๋อตอนออกไปซื้อกลับเข้ามาด้วย
หลังจากเห็นชางหลิงเดินกลับเข้าห้องไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ป๋ายจื๋อก็โล่งอด ของกินที่เธอพูดมาเมื่อกี้ต้องไปหลายที่มากถึงจะซื้อกลับมาได้ ไม่นานป๋ายจื๋อก็ออกไป
ชางหลิงนั่งอยู่ที่ริมหน้าต่างมองดูรถของป๋ายจื๋อขับออกจากพื้นที่นี้ ก็ถึงได้รีบวิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้า ตรวจสอบตรงนั้นอย่างละเอียดถี่ถ้วน จนกระทั่งตรวจสอบครั้งที่สามถึงเห็นยาเม็ดสีขาวด้านหลังกระถางดอกไม้เก่าๆ
เมื่อวานฝนตกหนัก ยาเม็ดนี้กลับยังสะอาดอยู่ รอบด้านก็สะอาดมาก น่าจะถูกคนตั้งใจทำความสะอาดมาแล้ว
เพื่อความปลอดภัย ชางหลิงยังตั้งใจไปหาผู้ดูแลเพื่อตรวจดูกล้องวงจรปิด เพื่อให้แน่ใจว่าวันนี้มีแค่ป๋ายจื๋อกับโหมวยู่ที่ขึ้นไป
ชางหลิงเอาเม็ดยาไว้ในกล่องเครื่องประดับที่มีความประณีต แล้วยัดเข้าไปในกระเป๋าที่ใช้บ่อย
ผ่านไปสักพัก ชางหลิงก็รอจนรู้สึกง่วง ป๋ายจื๋อถึงถือถุงอาหารเข้ามา
ชางหลิงรีบเทน้ำให้เขา และพูดอย่างรู้สึกผิดว่า “รบกวนนายด้วยนะ ซื้อของเยอะขนาดนี้คงเหนื่อยแย่ ต่อไปฉันพูดแค่ของที่อยากกินสองอย่างดีไหม”
“ฉันไม่เหนื่อยหรอก” ป๋ายจื๋อดื่มน้ำแก้วนั้นจนหมด มองดูท่าทีที่รู้สึกผิดของชางหลิง ความสงสัยในใจก็ลดลงไปมาก
เขาไว้ใจการจัดการของโหมวยู่ ข้างๆยังมีเขาคอยจับตามอง ถึงแม้ชางหลิงอยากจะตรวจสอบ ก็คงทำได้ยาก
อาหารเย็นเพิ่งวางบนโต๊ะได้ไม่นาน ชางหลิงเพิ่งหยิบตะเกียบขึ้นมาได้ไม่นานก็ได้ยินเสียงเคาะประตูอย่างรีบร้อน
พอเธอเห็นใบหน้าที่โมโหจัดของถงเอิน ก็มองป๋ายจื๋อด้วยความสงสัย ใครมันกล้ากวนโมโหถงเอินนะ?
“อาหารเต็มโต๊ะเลยนะ ไม่ถือสานะถ้าฉันจะร่วมโต๊ะด้วย!”
มองดูอาหารอร่อยมากมายบนโต๊ะ ความโกรธของถงเอินก็สลายหายไปเล็กน้อย
“เป็นอาหารที่ป๋ายจื๋อซื้อมาตอนบ่ายทั้งหมดเลย ยังสดใหม่อยู่เลย กินเยอะๆเลยนะ”
ถงเอินนั่งลงแล้วกินอย่างรวดเร็ว พออารมณ์มั่นคงแล้วก็พูดว่า “วันนี้คุณชายรองมาถูกเธอรังแกที่นี่ใช่ไหม แผนกผู้ช่วยทั้งเซิ่งซื่อซวยกันหมดเลย ตอนนี้ฉู่ฉือยังโดนด่าที่บริษัทอีก อาหารค่ำใต้แสงเทียนที่นัดกันก็อดไปเลย ยังมีพ่อหนุ่มที่เข้ามาทำงานในแผนกผู้ช่วยได้สามเดือน ก็ต้องถูกขับไล่ไปประจำตำแหน่งที่บริษัทย่อยที่แสนจะห่างไกลอย่างน่าเศร้า”
หลังจากที่บ่นไปสักพักแล้ว ถงเอินก็ยังไม่ลืมตักเตือนเธอด้วยน้ำเสียงที่โมโหว่า “ต่อไปดูแลคุณชายรองของเธอให้ดี เขาทำตัวแย่ต่อพนักงานมากเกินไปแล้ว เป็นนายทุนที่ชั่วร้ายเสียจริง ถ้าเขาเป็นแบบนี้อีก คนในเซิ่งซื่อได้หายไปหมดแน่”
“กินเยอะหน่อย”
ชางหลิงทำได้แค่ยิ้มแห้ง และคีบอาหารไปที่ถ้วยของถงเอินเรื่อยๆไม่หยุด
“เธอไม่พูดหมายความว่ายังไงกัน เสียแรงที่เมื่อก่อนยังคอยช่วยเธอสุดแรง” ถงเอินทำท่าโกรธและผิดหวังอย่างมาก เพื่อแย่งเวลาส่วนตัวของฉู่ฉือออกมาให้ได้ เธอทุ่มสุดตัวไปเลย
“สิ่งที่เธอทำให้ฉัน ฉันจะจำไว้ในใจเสมอ ไม่มีทางลืมแน่นอน แต่อีกหน่อยฉันกับโหมวยู่ก็ไม่เกี่ยวข้องกันอีกแล้ว เธอก็เตรียมตัวละกัน ไปประจบเจ้านายคนต่อไป”
“เรื่องอะไรกัน พวกเธอเลิกกันแล้วเหรอ? ฉันไม่เชื่อ คุณชายรองรักเธอมากขนาดนั้น จะยอมปล่อยมือไปได้ยังไง”
หลังจากที่ได้อยู่กับฉู่ฉือ ถงเอินก็ได้รู้เรื่องราวของชางหลิงกับโหมวยู่มากมาย
“เมื่อวานเขามาหาฉันเพื่อเซ็นหนังสือสัญญาหย่า”
ถงเอินมองตาโต ดวงตาเต็มไปด้วยประกายแวววาว “พวกเธอเอาจริงเหรอ จดทะเบียนกันแล้วเหรอ?”
“เขาอย่าได้คิดเลย สัญญาการหย่าฉันเผ่าไปแล้วล่ะ”
“ทำได้ดี จะปล่อยเขาไปง่ายๆไม่ได้ ถ้าต้องการให้ฉันช่วยเหลือก็มาหาได้ตลอด ฉันกลับไปจะคิดหาวิธีช่วยฉู่ฉือให้ได้”
“ขอบใจมากนะ ฉันอยากรู้ว่าโหมวยู่เป็นอะไร ถ้ารู้เหตุผลแล้วฉันจะได้ทำตัวถูก ฉันไม่อยากให้ลูกของฉันเกิดออกมาแล้วก็ไม่มีพ่อ”
ชางหลิงพูดถึงประโยคสุดท้ายก็รู้สึกเศร้าใจ เธอลูบท้องน้อยที่ยังคงแบนราบ อดรู้สึกผิดกับเด็กในท้องไม่ได้
“เธอก็รอไปก่อนเถอะ พวกเรามีกำลังคนเยอะขนาดนี้จะสืบเรื่องคุณชายรองคนเดียวไม่ได้หรือไง”
แววตาถงเอินดื้อรั้นมาก ถ้าไม่รู้เรื่องของคุณชายรองกับชางหลิง ฉู่ฉือของเธอก็จะไม่มีชีวิตที่สงบสุขแน่
……
สองวันหลัง ก็ถึงวันตรวจครรภ์อีกแล้ว พอได้รับรายงานการตรวจครรภ์แล้ว ชางหลิงก็แอบยื่นยาที่เก็บจากชั้นบนดาดฟ้าให้หมอตรงหน้าที่ถือว่าคุ้นเคยกันเล็กน้อย
“รบกวนคุณช่วยฉันตรวจดูยาเม็ดนี้ทีได้ไหมคะ?”
หมอไม่ได้รับเม็ดยาที่เธอดันมา “คุณชาง นี่มัน……” ผิดกฎโรงพยาบาลนะครับ
ชางหลิงรีบอธิบายอย่างเร็ว “เพื่อนของฉันช่วงนี้อาการแย่มาก รบกวนคุณหมอช่วยฉันตรวจหน่อยได้ไหมคะ ถ้าเขาป่วยจริง พวกเราจะได้โน้มน้าวเขามารักษาตัวโดยเร็ว”
“งั้นผมจะลองดู”
ด้วยความเป็นห่วงคนไข้ท่านนั้น สุดท้ายหมอก็ยอมทำตามที่ขอ
“ขอบคุณมากเลยนะคะ ตรวจสรรพคุณของยาเม็ดนี้ได้แล้ว รีบบอกฉันโดยเร็วเลยนะคะ”
หมอพยักหน้า เอากล่องที่เธอใส่ยาเม็ดนั้นใส่เข้าไปในลิ้นชัก ชางหลิงขอบคุณอยู่นานแล้วค่อยออกไป
“เป็นยังไงบ้าง?” ชางหลิงออกมา ป๋ายจื๋อก็รีบเข้าไปถามด้วยความเป็นห่วงทันที
ชางหลิงมองเขาแล้วยิ้ม ช่วงนี้ป๋ายจื๋อเป็นห่วงเป็นมากขึ้นเรื่อยๆ ใครที่ไม่รู้อาจจะคิดว่าเขาเป็นของเด็กไปแล้ว
ชางหลิงลูบท้องน้อยที่ยังคงแบนราบเหมือนเดิม แล้วกระตุกยิ้มพูดว่า “เด็กเติบโตได้ดีและแข็งแรงมากด้วย”
การตรวจครรภ์สองครั้งนี้ราบรื่นมาก หมอบอกว่าเธอกับลูกร่างกายแข็งแรงปกติดีทุกอย่าง แต่เธอจับท้องน้อยที่ยังคงแบนราบเหมือนเดิม อดไม่ได้สงสัยว่า เด็กสามเดือนทำไมถึงจับแล้วไม่รู้สึกอะไรเลยล่ะ? ไปโตตรงส่วนไหนกันนะ?
ชางหลิงนึกคิดจนเพลิน ทั้งสองเดินมาถึงข้างบันไดโดยไม่รู้ตัว เธอเดินไปด้านหน้าอย่างเคยชิน
ทันใดนั้นก็เหยียบหลุมอากาศ ตัวของชางหลิงขาดการทรงตำ และโซเซล้มไปด้านข้าง