เดินเล่นเสร็จก็กลับเข้ามาในห้อง พอส่งหมอกลับไปแล้ว สีหน้าชางหลิงก็เย็นชาทันทีและกระตุกยิ้มมุมปาก
จี้เหยากวงท้อง!
เธอรู้เรื่องนี้คนสุดท้าย
“เธออย่ากังวลนะ เดี๋ยวฉันไปตรวจสอบตอนนี้เลย”
เห็นสีหน้าชางหลิงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ป๋ายจื๋อรีบเดินไปหน้าคอมพิวเตอร์ สองมือเคาะแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว ไม่กี่นาทีผ่านไปแล้ว เขาก็พูดขึ้นอย่างรู้สึกเสียดาย “ฉันตรวจหาข้อมูลบันทึกเวชระเบียนเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของจี้เหยากวงไม่เจอ”
“น่าจะอยู่ในโรงพยาบาลเอกชนที่ไหนสักแห่งของตระกูลโหมว ในเว็บก็ไม่มีบันทึกเลย”
โหมวยู่รู้ว่าตอนนี้ข้างตัวเธอมีนักแฮ็กเกอร์ป๋ายจื๋ออยู่ นี่กำลังระแวงเธออยู่งั้นเหรอ?
ป๋ายจื๋อหันไปเคาะแป้นพิมพ์ต่อ ชางหลิงก็โทรศัพท์หาซูเสี่ยวเฉิง
“เสี่ยวเฉิงจื่อ เธอทำอะไรอยู่? หลายวันแล้วก็ยังไม่มาหาฉัน เธอเห็นผู้ชายดีกว่าเพื่อนแบบนี้มันดีเหรอ?”
“เสี่ยวหลิงหลิง ฉัน……ช่วงนี้ที่บริษัทยุ่งๆน่ะ ฉันทำโอทีตลอดเลย”
“อย่าเอาเรื่องทำงานมาหลอกฉันนะ วันนี้เลิกงานแล้วรีบมาเลย”
“ฉัน……วันนี้ฉันมีธุระน่ะ”
ซูเสี่ยวเฉิงถูกชางหลิงบีบคั้นจนปวดหัว เธอเก็บความลับต่อหน้าชางหลิงไว้ไม่ได้ แต่ตอนนี้สุขภาพชางหลิงแย่มาก เธอจะบอกเรื่องที่ว่าจี้เหยากวงท้องกับชางหลิงไม่ได้เด็ดขาด ดังนั้น ตอนนี้เธอทำได้แค่หลบหน้าชางหลิงต่อไป
“ถ้าเธอไม่มา พวกเราก็ขาดกัน”
ชางหลิงข่มขู่อย่างเปิดเผย ซูเสี่ยวเฉิงมองดูบนจอโทรศัพท์ที่ถูกตัดสายไปอย่างน้อยใจ เธอรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวัง
……
“เสี่ยวหลิงหลิง ตอนนี้เธอเป็นยังไงบ้าง เด็กน้อยซนไหม”
ซูเสี่ยวเฉิงสองมือถือถุงช็อปปิ้งไว้ และเดินเข้าประตูไปด้วยรอยยิ้ม
เธอซื้ออาหารเสริมและขนมมาให้ชางหลิง เพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นฝ่ายถูกกระทำไม่ได้ เธอเข้าไปก็เริ่มเปิดประเด็นขึ้นมาก่อนเลย
“ฉันลงมาเดินได้แล้ว เธอนี่ไม่มีน้ำใจเลย ตั้งหลายวันก็ไม่ส่งข้อความอะไรมาเลย หรือตอนนี้ฉันไม่เหมาะสมกับการเป็นเพื่อนของเธอแล้วหรือไงกัน?”
เพื่อที่จะให้ซูเสี่ยวเฉิงยอมร่วมมือกันดีๆ ชางหลิงตัดสินใจกระตุ้นหล่อนก่อน
“เสี่ยวหลิงหลิง เธออย่าคิดมากสิ! มิตรภาพยี่สิบกว่าปีของพวกเราจะถูกเรื่องไร้สาระพวกนี้มากระทบได้ยังไง ไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง พวกเราก็จะเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดไป”
ซูเสี่ยวเฉิงตกใจจนดวงตาแดงก่ำ รีบกอดแขนชางหลิงไว้และพูดสัญญา
“เสี่ยวเฉิงจื่อ ทำไมรู้สึกว่าช่วงหลายวันมานี้เธอตั้งใจหลบหน้าฉันล่ะ พูดมาตรงๆเลยนะ เธอทำเรื่องไม่ดีลับหลังฉันหรือเปล่า”
“ไม่มีๆ ไม่มีแน่นอน!”
ซูเสี่ยวเฉิงส่ายหน้าจนเหมือนกับของเล่นป๋องแป๋ง เธอบริสุทธิ์ใจจริงๆ เธอไม่มีทางทำเรื่องไม่ดีต่อชางหลิงแน่นอน เพื่อที่จะได้ไม่หลอกชางหลิง เธอตั้งใจหลบหน้าชางหลิงไปหลายวัน
“งั้นเธอบอกมา เรื่องที่จี้เหยากวงท้องหมายความว่ายังไง?”
ทันใดนั้นซูเสี่ยวเฉิงเหมือนเป็นใบ้ เธอหันหน้าไปทางอื่น หยิบแอปเปิลบนโต๊ะมามั่วๆและเริ่มกัดกิน
เธอถูกชางหลิงจ้องจนแผ่นหลังเย็นเฉียบ จนต้องหัวเราะแห้งๆพูดว่า “ฮ่าๆ หิวจังเลย เมื่อไหร่จะได้กินข้าวนะ?”
“ซูเสี่ยวเฉิง!”
ชางหลิงเรียกชื่อเต็มเธอด้วยน้ำเสียงที่เข้มงวดและจริงจัง ซูเสี่ยวเฉิงวางแอปเปิลในมือลง หันหน้าไปมองชางหลิง เห็นว่าสีหน้าชางหลิงไม่มีอารมณ์ใดๆ ซูเสี่ยวเฉิงก็รู้เลยว่าครั้งนี้ชางหลิงเอาจริง ไม่สามารถหลอกได้อีกแล้ว
“เธออย่าเพิ่งตื่นเต้นสิ มีอะไรก็ค่อยๆพูดค่อยๆจา”
ซเสี่ยวเฉิงจับนิ้วมือชางหลิงอย่างระมัดระวัง น้ำเสียงเบาหวิว สายตาเต็มไปด้วยการเอาใจ
“ตอนนี้ฉันใจเย็นมาก ทางวิลล่าหนานวานเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
“จี้เหยากวงท้องน่ะ!”
ได้ยินซูเสี่ยวเฉิงพูดเรื่องนี้เองกับปาก ชางหลิงในตอนแรกที่คิดว่าตัวเองเตรียมใจไว้แล้วก็อดไม่ได้ตกตะลึง สามารถมองเห็นดวงตาที่อึ้งตกใจได้อย่างชัดเจน
หลังจากตรุษจีนจี้เหยากวงก็อยู่วิลล่าหนานวานตลอด อยู่กับหล่อนบ่อยที่สุดก็มีแต่โหมวยู่ ตอนนี้หล่อนท้องกะทันหันแบบนี้ ชางหลิงก็ไม่คิดไม่ได้แล้ว
“พวกเธอรู้ไหมว่าหล่อนท้องกี่เดือนแล้ว เป็นของใคร?”
ซูเสี่ยวเฉิงรีบส่ายหน้าอย่างงงงวย
หลังจากข่าวที่จี้เหยากวงท้องแพร่ออกมาแล้ว โหมวยู่ก็ปิดล็อกวิลล่าหนานวานทันที นอกจากเขาแล้วไม่มีใครสามารถเข้าไปได้ และไม่มีใครรู้ว่าด้านในเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
ชางหลิงหัวใจเต้นรัวและแรงขึ้น ขนาดหลีซินยังไม่รู้รายละเอียดสถานการณ์ในนั้นเลย ดูแล้วโหมวยู่อยากจัดการแบบเงียบๆสินะ
นึกถึงตอนนั้นที่อยู่โรงพยาบาล น้ำเสียงเฉียบขาดและเย็นชาของโหมวยู่ ในตอนที่บอกให้เธอเอาเด็กออก สีหน้าชางหลิงแย่ลงเรื่อยๆ “เสี่ยวเฉิง เธอว่าเด็กนั่นเป็นของโหมวยู่หรือเปล่า”
“เสี่ยวหลิงหลิง เธออย่าคิดมากเลยนะ หลีซินบอกว่าเด็กไม่มีทางเป็นของโหมวยู่แน่นอน”
“อืม? เขาพูดอะไรกับเธอบ้าง?”
“หลีซินบอกว่าโหมวยู่ไม่มีทางทรยศเธอแน่ เขาจะซื่อสัตย์กับเธอตลอดไป”
ซูเสี่ยวเฉิงมองชางหลิงอย่างจริงจัง ทุกคำพูดล้วนแล้วแต่มาจากก้นบึ้งจิตใจทั้งสิ้น นี่เป็นเรื่องที่หลีซินบอกกับเธอ เธอไม่มีข้อแม้เลย
ชางหลิงถอนหายใจออกมายาวๆ รู้สึกเหนื่อยใจอย่างมาก
ข้างโหมวยู่มักจะมีผู้หญิงมากหน้าหลายตามากมาย ไม่ว่าจะเข้ามาวุ่นวายยังไง ความรักของพวกเขาก็ยังอยู่ยงคงกระพันจนถึงทุกวันนี้
พอถามสิ่งที่อยากถามแล้ว ชางหลิงก็จับมือซูเสี่ยวเฉิงและขอโทษอย่างจริงใจ “เสี่ยวเฉิงจื่อ ขอโทษด้วยนะ ที่ทำให้เธอต้องลำบากใจ”
ซูเสี่ยวเฉิงรู้สึกผิดจนแทบจะร้องไห้ออกมา เรื่องใหญ่ขนาดนี้เธอจะช่วยคนอื่นปกปิดชางหลิงได้ยังไงกัน “เสี่ยวหลิงหลิง เธออย่าพูดแบบนี้เลย ที่จริงฉันน่าจะบอกเรื่องนี้กับเธอนานแล้ว ฉันแค่กลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อร่างกายเธอน่ะ”
“ฉันกับลูกในท้องไม่ได้อ่อนแอเหมือนที่เธอคิดหรอกนะ ต่อไปมีเรื่องอะไรไม่ต้องปิดบังฉันหรอก ดูสิขอบตาดำเป็นหมีแพนด้าหมดแล้ว กลับไปนอนพักผ่อนเถอะ ไม่เป็นไรนะ”
พอส่งซูสี่ยวเฉิงกลับไปแล้ว ชางหลิงก็มองดูท้องฟ้าที่เริ่มมืดลง รวบรวมความกล้ากดโทรออกไป
“มีเรื่องอะไร?”
ปลายสายมีเสียงเย็นชาดังขึ้นมา ชางหลิงรู้สึกจุกหัวใจ “สะดวกมาเจอกันหน่อยไหม?”
โหมวยู่มองดูเอกสารกองใหญ่ตรงหน้าตัวเอง หลับตาลงอย่างเหนื่อยล้า ลูบสันจมูกและพูดว่า “ไม่มีเวลา”
ชางหลิงไม่อยากเสียเวลากับเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว วันนี้เธอตั้งใจจะทำให้เรื่องทุกอย่างมันชัดเจน เธอจึงถามด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวว่า “นายอยู่ไหน? ฉันจะไปหานาย รบกวนนายแค่สิบนาทีเท่านั้น”
“อยู่เซิ่งซื่อ ให้ป๋ายจื๋อส่งเธอมา”
ตอนนี้ฉู่ฉือกับหลีซินไม่อยู่ในบริษัท คนที่เขาไว้ใจได้ก็มีแต่ป๋ายจื๋อ
“ได้!”
ชางหลิงพูดจบ โหมวยู่ก็รีบวางสายทันที ขนาดคำพูดเดินทางปลอดภัยแบบพอเป็นพิธีก็ยังไม่มีเลย
“ป๋ายจื๋อ พวกเราไปเซิ่งซื่อกัน”
“เธอจะไปหาเขาเหรอ?”
น้ำเสียงที่ป๋ายจื๋อพูดยังคงไร้อารมณ์เหมือนเดิม แต่ชางหลิงฟังแล้วกลับรู้สึกผิด เธอหลบสายตาของเขาและพยักหน้าตอบ
“ตอนนี้ร่างกายเธออ่อนแอมาก ฉันเรียกหมอไปด้วยนะ”
“ไม่ต้อง……” วุ่นวายขนาดนั้นหรอก!
ชางหลิงยังพูดไม่ทันจบ ป๋ายจื๋อก็รีบเดินไปที่ห้องรับแขก
หมอที่นั่งอยู่เบาะหลังทำท่าเหมือนศัตรูทำเอาชางหลิงเหงื่อแตก พวกเขาตรวจสอบเธอผิดหรือเปล่า?
เธอรักในชีวิต ยิ่งรักเด็กในท้องตัวเอง ไม่ได้จะไปรนหาที่ตายจริงๆ
รถของพวกเขาขับมาจอดที่โรงจอดรถบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ป จากนั้นก็เดินลงมา หมอที่มีความกดดันสูงก็อดไม่ได้บ่นอีกครั้งว่า “คุณชาง ตอนนี้ร่างกายคุณยังไม่แน่นอน เดี๋ยวจะตื่นเต้นเกินไปไม่ได้ ยิ่งล้มไม่ได้ด้วยนะครับ”
“รู้แล้วน่า วางใจได้ ฉันจะปกป้องตัวเองให้ดี ขึ้นไปกันเถอะ!”