“ระวัง มองทาง”
ยังดีที่ป๋ายจื๋อที่อยู่ข้างๆมือไวตาไว มือข้างนึงประคองเธอเอาไว้ ในน้ำเสียงที่สงบมั่นคงมาโดยตลอดของป๋ายจื๋อได้ประดับไปด้วยความโกรธเกรี้ยวและความวิตกกังวลอยู่หลายส่วน
ชางหลิงมองขั้นบันไดสิบกว่าขั้นข้างล่าง อดนึกกลัวขึ้นมาเสียไม่ได้ เมื่อกี้ประมาทเกินไปแล้วจริงๆ ถ้าตกลงไปจากตรงนี้ ผลที่จะตามมาเธอไม่กล้าแม้แต่จะคิดเลย
เธอตบหน้าอกไปอย่างนึกกลัวขึ้นมา กุมราวบันไดที่อยู่ข้างๆไปสองนาที หัวใจกลับมาเต้นแบบปกติแล้วก็ได้เดินลงไปข้างล่าง
ป๋ายจื๋อไม่วางใจ ยืนกรานที่จะประคองเธอเสียให้ได้
เดินเสร็จถึงบันไดขั้นสุดท้าย ชางหลิงเงยหน้าขึ้นมาผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก มองเห็นเงาร่างเบื้องหลังร่างหนึ่งที่ทั้งเสื้อผ้าและทรงผมต่างก็ดูคุ้นเคยมากทั้งนั้นแวบผ่านอยู่ตรงหัวโค้งตรงชั้นบนไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
ปฏิกิริยาแรกของชางหลิงคือคนใกล้ตัวโหมวยู่ ผู้ชายคนนั้นก็คงจะสำนึกรู้จักจะมาเป็นห่วงลูกขึ้นมา แต่เธอก็ได้ตรวจตราหาคนใกล้ตัวโหมวยู่ไปทีละคนไปรอบนึงแล้วแต่ก็ไม่เข้าข่ายเลย
สุดท้าย เธอก็คิดไปถึงคนที่เคยติดต่อกันอยู่รอบนึง กว่าจะค้นพบขึ้นมาได้อีกทีในภายหลังว่าเงาร่างเบื้องหลังนั้นเหมือนกับเซียวฉู่คนใกล้ตัวของคุณชายฉี่มากเลย
ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเมื่อกี้นี้ตอนที่เธอลงบันไดถูกทำให้ตกใจกลัวขึ้นมา เธอก็เกือบจะไม่สับสนแล้วแน่ใจมากว่าเงาร่างเบื้องหลังนั้นก็คือเซียวฉู่ แต่ตอนนี้เธอก็ยังไม่ได้แน่ใจขนาดนั้น
นั่งลงบนที่นั่งข้างคนขับ หลังจากที่คาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อยแล้ว ชางหลิงก็ส่งสัญญาณบอกป๋ายจื๋อว่าอย่าขับรถออกไปก่อน
“เมื่อกี้ตอนที่ออกมา ฉันเหมือนว่าจะเห็นเซียวฉู่คนใกล้ตัวคุณชายฉี่เลย”
“เขาจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
ภายในใจของป๋ายจื๋อเกิดความสงสัยแวบผ่านออกมา ต่อจากนั้นก็เป็นการตั้งการ์ดพร้อมรับมือและความเย็นชาตามมาติดๆ “คุณอยู่รอในรถ ผมจะกลับไปลองหาดู”
เขาพูดจบก็ลงจากรถไปทันที ไม่ให้โอกาสชางหลิงโต้แย้งออกมาเลย
หลังจากที่ผ่านไปครึ่งชั่วโมง ป๋ายจื๋อก็กลับรถมาด้วยใบหน้าที่ดูไม่สบอารมณ์นัก
ลมหายใจของเขาถี่เล็กน้อย ลำคออาบไปด้วยเหงื่อ ชางหลิงยื่นกระดาษทิชชูให้ไป “ไม่เจอใช่มั้ย?”
ป๋ายจื๋อส่งเสียง “อืม” ออกมาด้วยความหดหู่ใจ มือทั้งสองข้างจับพวงมาลัยรถแน่น คิดอยู่ว่าตรงส่วนไหนมันมีปัญหาอยู่ แต่ไม่ว่าจะยังไงเขาก็หาช่องโหว่ของอีกฝ่ายไม่เจอเลย ความรู้สึกที่ถูกคนอื่นเข้ามาเล่นสนุกอย่างนี้มันทำให้เขารู้สึกไม่ดีเลย
“นายไม่เป็นอะไรมั้ย ผ่อนคลายสักหน่อย ไม่ร้ายแรงอะไรฉันจะเปลี่ยนโรงพยาบาลตรวจ หลบพวกเขาไปสักหน่อยก็จบแล้ว”
บุญคุณและความแค้นหลายสิบปีนั้นของตระกูลโหมวเธอไม่สนใจจะเข้าร่วมด้วย เธอในตอนนี้สูญเสียโหมวยู่และเสียการคุ้มครองปกป้องไปด้วย และยังไม่มีความสามารถที่จะไปต่อสู้เพื่อเอาชนะกับโหมวฉี่อีกด้วย ทำได้เพียงหลบเลี่ยงคมหอกจากการโจมตีของพวกเขาเท่าที่จะเป็นไปได้ แล้วคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัยมันถึงจะเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
ตัวเธอเมื่อก่อนนั้นจะทำอะไรไม่มีความกังวลอะไรเลย แต่ไหนแต่ไรมาก็มีนิสัยที่ถ้ามีความแค้นก็จะแก้แค้นให้จบในวันนั้นเลย ถ้ามีเหล้าก็จะดื่มไปเลยทันที
แต่ในตอนนี้ในท้องได้เพิ่มเด็กที่มีสายเลือดของเธอและโหมวยู่ทั้งสองคนอยู่คนนี้ขึ้นมาด้วยอีกคน เรื่องที่เธอจำเป็นต้องคิดคำนึงมันก็เพิ่มขึ้นมาเยอะมาก เธอไม่ได้ตัวคนเดียว ไม่ใช่สาวน้อยที่ไม่กลัวฟ้าไม่กลัวดินอีกแล้ว
เพียงไม่นานป๋ายจื๋อก็ได้สงบลง สตาร์ทรถ “กลับกันเถอะ ได้เวลาทำอาหารแล้ว”
ตั้งแต่ที่ชางหลิงตั้งท้องมา ทุกมื้อจะต้องกินตรงตามเวลา ป๋ายจื๋อการ์ดคนนี้จึงเหมาะกับตำแหน่งพี่เลี้ยงไปด้วยเลย
เห็นใบหน้าด้านข้างที่เยือกเย็นและสะอาดสะอ้านของป๋ายจื๋อ จู่ๆชางหลิงก็คิดขึ้นมาได้ว่าป๋ายจื๋อทำดีกับเธอมาเสียขนาดนี้กำลังวางแผนอะไรอยู่กันแน่?
เพียงชั่ววินาทีนั้นเอง ชางหลิงก็คิดว่าป๋ายจื๋อจะต้องเป็นน้องชายที่พลัดพรากจากกันมานานหลายปีแน่ๆ มาอยู่ข้างๆเธอโดยที่ต้องทรมานลำบากในหลากหลายเรื่องก็เพื่อที่จะอยู่เป็นเพื่อนเธอในตอนที่เธอยากลำบากที่สุด
นอกจากคำอธิบายข้อนี้แล้ว เธอคิดถึงเหตุผลอื่นไม่ได้เลยจริงๆ
เช้าวันต่อมา ชางหลิงได้รับสายจากเบอร์แปลกที่โทรเข้ามาสายหนึ่ง “สวัสดีค่ะ”
“สวัสดี ใช่คุณชาง ชางหลิงหรือเปล่า?”
อีกด้านหนึ่งเป็นเสียงของชายวัยสี่สิบห้าสิบปีคนนึง เสียงของเขาอ่อนโยนและทรงพลัง ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเคยรู้จักกันมาก่อน
“คุณชาง ยาเม็ดนั้นที่เมื่อวานคุณให้มาผมได้ตรวจดูแล้ว นั่นเป็นเพียงแค่ยาที่ช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าของตรงส่วนของดวงตาธรรมดาๆเพียงเท่านั้น เพื่อนของคุณคนนั้นช่วงนี้งานค่อนข้างที่จะยุ่งเลยใช่มั้ยครับ กลุ่มคนที่ทำงานออฟฟิศที่จ้องคอมเป็นเวลานานๆมักจะพกยาจำพวกนี้กัน”
ยาบรรเทาความเหนื่อยล้าตรงส่วนตา?
เธอไม่เชื่อคำคำนี้เลย
ชางหลิงเงียบไปหลายวิ จากนั้นก็เอ่ยขอบคุณไปตามมารยาท
หลังจากที่วางสายไปแล้ว สีหน้าของชางหลิงมืดครึ้มออกมา เห็นเธอเป็นเด็กสามขวบหรือไง? หาเหตุผลมั่วๆมาสักอันแล้วจะสามารถหลอกเธอได้แล้ว
หลังจากที่อารมณ์ผันผวนขึ้นมาอย่างรุนแรงแล้วนั้น ท้องน้อยของเธอก็เจ็บขึ้นมาเล็กน้อย ชางหลิงรีบหาท่าที่สบายๆนอนหงายลงบนโซฟาทันที
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆครั้งแล้วครั้งเล่า บอกตัวเองว่าจะโกรธไม่ได้ จะรู้สึกกระทบกระเทือนจิตใจไม่ได้ออกมาไม่หยุด ตอนนี้ลูกต่างหากที่สำคัญที่สุด ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม เธอไม่อาจให้ทำร้ายไปยังลูกที่อยู่ในท้องได้
ความรู้สึกที่ทำอะไรไม่ได้จำพวกนี้มันแย่มาก จนกระทั่งป๋ายจื๋อกลับมา อารมณ์ของชางหลิงก็ยังไม่ฟื้นฟูกลับมาดี ความรู้สึกเจ็บตรงส่วนท้องก็ยังไม่ได้หายไปเช่นกัน
“เป็นอะไรไปล่ะ? ต้องการไปโรงพยาบาลหรือเปล่า”
เห็นสีหน้าของเธอไม่ค่อยจะถูกต้องนัก ป๋ายจื๋อรีบวางของในมือลง สาวเท้าก้าวใหญ่ๆเข้าไปถามด้วยความร้อนใจทันที
“ไม่เป็นไร ก็แค่รู้สึกไม่สบายนิดหน่อย ฉันพักสักแป๊บนึงก็หายแล้ว นายไปช่วยฉันสืบหาดูหน่อยว่ายาเม็ดสีขาวที่ฉันให้หมอประจำโรงพยาบาลคนที่ตรวจครรภ์ให้ฉันไปเมื่อวานว่ามันสามารถสืบดูสักหน่อยว่าตกลงแล้วมันเป็นยาอะไรกันแน่ได้หรือเปล่า”
ชางหลิงส่งสัญญาณบอกให้ป๋ายจื๋อไปสืบหามา ยืนกรานที่จะไม่ไปโรงพยาบาล
ป๋ายจื๋อทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่เพียงทำตามคำพูดของเธอแต่เพียงเท่านั้น
“ตรวจสอบชัดเจนแล้ว ยาที่หมอคนนั้นเอาไปตรวจสอบก็คือยาบรรเทาความเหนื่อยล้าบริเวณดวงตา คุณเจอมาจากบนดาดฟ้าใช่มั้ย?”
สีหน้าของป๋ายจื๋อเรียบนิ่ง มองไม่ออกถึงอารมณ์ความรู้สึกใดๆ แต่ว่าชางหลิงรู้สึกออกมาได้ว่าเขาไม่มีความสุข ปิดซ่อนเรื่องที่เก็บอยู่ในใจไม่บอกเธอ
ชางหลิงพยักหน้าออกมาเล็กน้อย ยอมรับไปว่าเธอเคยแอบขึ้นไปบนดาดฟ้า
ป๋ายจื๋อเงียบมองเธออยู่นาน ชางหลิงหลบสายตาของเขาไปอย่างร้อนตัว
ได้ยินเสียงประตูห้องปิดลง ชางหลิงมองห้องรับแขกที่ว่างเปล่า ภายในใจจึงได้รู้สึกผ่อนคลายขึ้นมาเล็กน้อย
เมื่อก่อนป๋ายจื๋อเหมือนกับว่าจะไม่เคยโกรธต่อหน้าเธอขนาดนี้มาก่อนเลย ครั้งนี้ก็คงจะถึงขีดสุดของความโกรธของเขาแล้ว ตอนเขาโกรธจะไม่พูดอะไรเลยสักคำ แต่ดวงตาใสคู่นั้นกลับมีความรู้สึกกดดันที่ทำให้คนอื่นเขาไม่อาจเก็บงำความลับเอาไว้ได้เลย จะต้องพูดออกไป ระดับความน่ากลัวของการที่ป๋ายจื๋อโกรธขึ้นมานั้นไม่แพ้โหมวยู่เลย
คนเขาก็คงจะทนการบ่นถึงขึ้นมาไม่ได้ ชางหลิงพอนึกขึ้นมาได้ว่าตอนที่ป๋ายจื๋อโกรธนั้นน่ากลัวเหมือนกับโหมวยู่เลย เพียงไม่นาน โหมวยู่ก็พาคนรูปร่างใหญ่ทรงพลังหลายคนเข้าประตูมา
“นี่คือต้องการจะทำอะไร?”
ผู้ชายในชุดสูทห้าหกคนที่ตามหลังโหมวยู่มา แต่ละคนต่างก็มีท่าทางที่สูงส่งไม่ธรรมดา เคร่งขรึมสำรวมกิริยากันทุกคนเลย ถ้าไม่ใช่ว่าที่นี่เป็นถิ่นของเธอแล้วล่ะก็ เธอคงเกือบจะถูกออร่าของคนพวกนี้ทำให้ช็อกกลัวไปแล้วก็ได้
“มาทำสิ่งที่ควรทำให้เรียบร้อย ผมไม่มีเวลาจะมาเสียเวลาอยู่กับคุณ”
ดวงตาที่ล้ำลึกของโหมวยู่มองชางหลิง แยกความยินดีกับความโกรธไม่ออกเลย แต่ฟังจากน้ำเสียงและอารมณ์ของคำพูดที่พูดออกมาแล้วนั้น อารมณ์ของเขาในตอนนี้คงจะไม่ดีมากเลย เซนส์บอกกับเธอว่าตอนนี้เธอควรจะออกห่างจากผู้ชายคนนี้ไปให้ไกลๆสักหน่อย
สายตาของโหมวยู่มองเข้าไป หลายคนที่อยู่ข้างหลังเขาก็เริ่มหยิบโน๊ตบุ๊ควางไปบนโต๊ะน้ำชาในห้องรับแขกที่บ้านของชางหลิงแล้วเริ่มทำงานกันราวกับว่าเธอไม่ได้อยู่ที่ตรงนี้เลย
ชางหลิงเหลือบมองไปเผินๆ เหมือนกับว่าจะเป็นทีมทนายที่จะทำการถ่ายโอนทรัพย์สินกันเลย
“โหมวยู่ คุณทำอะไร ที่นี่เป็นบ้านของฉัน เชิญพวกคุณช่วยออกไปด้วย”
โหมวยู่นั่งบนโซฟาไปอย่างสบายๆ มองประเมินบ้านตรงหน้าไปด้วยความพอใจ ไม่ได้สนใจเธอเลยสักนิด
ชางหลิงเดือดขึ้นมา เดินไปยังข้างๆเขาแล้วผลักเขาไปทีนึง