โหมวยู่ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้กลับมาอยู่ข้างกายเธอ ชางหลิงไม่อยากทำให้ทั้งสองคนไม่มีความสุขกันเพราะเรื่องเล็กๆนี้
แต่ในใจของเธอก็ยังรู้สึกน้อยใจอยู่ เมื่อก่อนหน้านี้เขาทำเรื่องเลวทรามมาตั้งมากมายขนาดนั้น แต่ไม่คิดที่จะอธิบายออกมาเลยสักคำเดียวเลยเหรอ?
ชางหลิงยังคงไม่ขยับตะเกียบ แต่ได้อธิบายออกไปน้ำเสียงที่นุ่มนวล เจือความน้อยใจอยู่บ้าง
“ตอนนี้ฉันกินอาหารที่จืดชืดอย่างนี้ไม่ลง”
เกินคาด โหมวยู่ไม่ได้โกรธออกมา แต่ได้มองอาหารหลายจานที่ตัวเองเพิ่งทำเมื่อสักครู่ไปอย่างจริงจัง จริงๆแล้วมันก็เป็นรสชาติที่จืดมากทั้งนั้นเลย
“คุณอยากกินอะไร ผมจะไปทำ”
พูดจบโหมวยู่ก็ได้ยืนขึ้นมาอีกครั้ง ทำอาหารตามรสชาติที่ชางหลิงบอกมาช่วยทำให้เธอใหม่อีกครั้งมาสองอย่าง เห็นโหมวยู่ที่โต๊ะคิ้วขมวดออกมาเล็กน้อย ยัดข้าวใส่ไปในปากอย่างต่อเนื่อง จู่ๆชางหลิงก็คิดว่าความรู้สึกน้อยใจพวกนั้นตอนเมื่อก่อนหน้านี้มันคุ้มค่าแล้ว
โหมวยู่วางแผนเซอร์ไพรซ์เธอเอาไว้มากมายไม่ใช่แค่ของพวกนี้ หลังจากจบมื้อเย็น โหมวยู่ประคองชางหลิงลงไปเดินเลยในสวนชั้นล่างอย่างระมัดระวัง ทั้งสองคนพูดคุยกันตามใจชอบโดยที่ไม่ได้ใส่ใจอะไร ไม่ได้ต่างไปจากสามีภรรยาคู่อื่นๆเลย
ตอนกลางคืน โหมวยู่คำนวณเวลาที่ถูกต้องช่วยชางหลิงเตรียมน้ำสำหรับอาบเอาไว้เรียบร้อย ถึงขนาดที่แม้แต่ชุดนอนคืนนี้ก็ยังช่วยเธอเตรียมเอาไว้ให้ ชางหลิงเขินอายจนหน้าแดงก่ำออกมา จากนั้นก็หนีเตลิดไป
หลังจากที่ไฟในห้องนอนปิดลงแล้ว ชางหลิงนอนอยู่ในอ้อมแขนที่อบอุ่นและทรงพลังของเขา ดอมดมกลิ่นที่คุ้นเคยจากบนร่างของเขา รู้สึกว่าทั้งร่างได้ถูกห่อหุ้มไปด้วยความสุข
และในขณะเดียวกันนั้นเอง เธอก็รู้สึกว่าความงดงามในวันนี้ล้วนแล้วจะดูลวงตาทั้งนั้นเลยเช่นกัน ราวกับว่าฟองสบู่ที่งดงามที่อยู่ภายใต้พระอาทิตย์ เพียงชั่วพริบตาเดียวมันก็จะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
“โหมวยู่” ชางหลิงเรียกชื่อเขาออกไปเบาๆ
“ผมอยู่นี่”
มือของโหมวยู่ที่กำลังโอบอยู่บนเอวเธอโอบแน่นขึ้นมาเล็กน้อย จูบลงไปบนหน้าผาก ใบหน้า แก้ม ติ่งหู ต้นคอของเธอถี่ๆด้วยความรู้สึกที่ร้อนแรง
ลมหายใจที่อุ่นร้อนตีลงมาบนใบหน้าของเธอ ค่อยๆถูกห่อหุ้มไปด้วยกลิ่นอายที่คุ้นเคยบนร่างของเขาไปอย่างช้าๆ ชางหลิงถึงได้รู้สึกได้ถึงความรู้สึกที่ได้ครอบครองเขาอย่างแท้จริง เขากลับมาแล้วจริงๆ
ชางหลิงตอบสนองกลับไปอย่างทนรอไม่ไหว ด้วยการกอดเขาแน่นแล้วจมเข้าไปในสถานการณ์ที่เลวร้ายด้วยกัน
พอตื่นขึ้นมา ชางหลิงลุกพรวดขึ้นมานั่งทันที
เหมือนอย่างที่เธอคิด ทั่วทั้งห้องมันว่างเปล่า ทั้งหมดได้จัดเอาไว้อย่างเป็นระเบียบเหมือนกับเมื่อก่อนหน้านี้ ราวกับทั้งหมดที่เกิดขึ้นเมื่อวานล้วนเป็นสิ่งที่เธอหลอนไปเองทั้งนั้น
น้ำตาหยดนึงไหลลงมาเงียบๆ ชางหลิงนึกเสียใจภายหลังสุดๆ ทำไมเธอถึงนอนหลับลึกขนาดนั้น ทำไมในฝันไม่ได้จับมือเขาเอาไว้แน่นๆกันนะ
เธอเลิกผ้าห่มออกไปอย่างอารมณ์เสีย มองเห็นชุดนอนที่เปลี่ยนใหม่บนร่างก็รู้สึกเศร้าขึ้นมาอีกสักพักนึง
ใช้โอกาสนั้นจับผมที่พันยุ่งกันเป็นก้อนไปด้วย ชางหลิงสวมรองเท้าแตะอย่างไม่ใส่ใจเดินไปยังห้องรับแขก
ทันทีที่เธอเดินมาถึงห้องรับแขก ก็เห็นโหมวยู่ที่คาดผ้ากันเปื้อนยกอาหารเช้าเดินออกมาจากครัว ตื่นตกใจจนไม่รู้ว่าจะพูดอะไรไปสักพักนึง ยืนเหม่ออยู่กับที่
โหมวยู่เห็นสภาพของชางหลิงก็มองเหม่อไปด้วยเหมือนกันสักพักนึง นี่ มันดูไม่มีระเบียบเกินไปมั้ย!
อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน เขาไม่รู้มาก่อนเลยว่าเธอยังสามารถทำให้ตัวเองดูไม่เป็นระเบียบขนาดนี้ได้
“กินข้าวกันได้แล้ว”
เขารู้ว่าชางหลิงรักหน้าตาตัวเองมาก จึงได้เคลื่อนสายตาออกไปอย่างรวดเร็ว แสร้งทำเป็นไม่เห็นหน้าตาที่น่าอนาถเกินที่จะทนดูได้นี้ของเธอ
ชางหลิงอับอายจนอยากหาหลุมมุดเข้าไป หลังจากที่ได้สติกลับมาก็รีบพันร่างวิ่งกลับห้องไปทันที ปิดประตูเสียงดัง “ปัง!” ใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดในการหวีผมล้างหน้า เปลี่ยนเสื้อผ้า และก็แต่งหน้า
ชางหลิงเดินออกไปด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง แสร้งทำเป็นว่าเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทักทายโหมวยู่ไปอย่างเป็นธรรมชาติมาก “อรุณสวัสดิ์”
โหมวยู่ที่กำลังกลั้นขำอยู่ ก็ให้ความร่วมมือเธอเป็นอย่างดี “อรุณสวัสดิ์”
กินข้าวเช้าไปอย่างลวกๆ ชางหลิงอยากจะปกปิดความน่าอับอายก่อนหน้านี้ไปโดยด่วน รีบคิดหาวิธีที่จะสามารถเบี่ยงเบนความสนใจของโหมวยู่ไปได้ดีและรวดเร็วที่สุด
“พวกเราออกไปเดินซื้อของกันเถอะ ฉันได้ยินมาว่าผลไม้กับผักต้องซื้อแบบสดใหม่ทุกวัน”
เมื่อก่อนป๋ายจื๋อออกไปซื้อส่วนประกอบอาหารอยู่ตลอดทุกวัน การพูดไปอย่างนี้มันคงไม่มีช่องโหว่อะไรหรอกมั้ง หลังจากที่พูดคำนี้ออกไปโดยไม่ต้องคิดแล้ว ชางหลิงก็ร้อนตัวขึ้นมาอีกเล็กน้อย ยังดีที่โหมวยู่เก็บชามตะเกียบเรียบร้อยแล้วก็ได้ออกไปเป็นเพื่อนเธอ
หลังจากที่ออกมาจากคอนโดแล้ว ความน่าอับอายเมื่อก่อนหน้านี้ของชางหลิงอย่างที่คิดมันได้หายไปไม่น้อยเลยทีเดียว เพียงไม่นานทั้งสองคนก็เจอประเด็นการสนทนาใหม่
ภายในซูเปอร์มาร์เก็ต โหมวยู่เลือกผลไม้และส่วนประกอบในการทำอาหารตามความชอบของชางหลิงที่สดใหม่ทีละอันๆอย่างใจเย็น ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแสงหรือเปล่า ชางหลิงจึงรู้สึกขึ้นมาว่าแสงสว่างที่เจิดจ้าจากบนร่างของโหมวยู่อ่อนลงเยอะเลย ถึงขนาดที่ยังคิดเลยว่ากำลังที่ซุกซ่อนอยู่บนร่างของเขามีความรู้สึกเป็นผู้ชายอบอุ่นที่คอยอยู่ติดบ้านเป็นอย่างมาก
“ยิ้มอะไร?” โหมวยู่หยิบโยเกิร์ตที่ชางหลิงชอบดื่มมาแล้ว พอเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นเธอยิ้มตาหยีออกมา ในดวงตาเต็มไปด้วยแสงประกายระยิบระยับ
ชางหลิงคล้องแขนของเขา แนบอิงเข้ากับข้างๆลำตัวของเขา เงยหน้าขึ้นไปเอ่ยออกไปด้วยรอยยิ้มที่ดูโง่งม “นึกไม่ถึงว่าสามีของฉันจะเชี่ยวชาญงานบ้านงานเรือนขนาดนี้ หน้าตาก็ดีทำอาหารก็เก่ง ฉันได้กำไรมาก้อนโตเลยจริงๆ”
โหมวยู่ลูบผมยาวของเธอไปด้วยความรักใคร่ เอ่ยถามเสียงเบาออกไปว่า “ยังอยากกินอะไรอีก ผมจะซื้อให้คุณ”
“ไปเอาซี่โครงมาอีกสองชิ้น”
หายากที่โหมวยู่ไม่ได้บ่นให้เธอเอาผักให้มากๆกินเนื้อให้น้อยลง ทั้งสองคนยังได้ปรึกษากันอยู่หลายคำว่าจะใช้อะไรไปกินคู่กับซี่โครงหมูตุ๋นด้วยความสนใจกันเป็นอย่างมาก
เห็นโหมวยู่หิ้วถุงสินค้าใบใหญ่ๆสามถุงคนเดียว ทันใดนั้นเองชางหลิงก็รู้สึกขึ้นมาว่าตัวเองทำเกินไปหน่อยหรือเปล่า รังแกเขาขนาดนี้ ผู้ชายคนนี้คงจะไม่เก็บความแค้นอยู่ในใจหรอกมั้ง!
โหมวยู่ที่ถูกเอาเปรียบเหมือนกับไม่ได้มีความรู้สึกที่ถูกรังแกเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่ซื้อของเสร็จแล้วก็พาชางหลิงไปเช็กอินที่ร้านอาหารคู่รักชื่อดังในโซเชียลที่ดังมากในช่วงนี้ แล้วยังพาชางหลิงไปดูหนังอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน สุดท้ายทั้งสองคนก็ได้ไปเดินเล่นกันที่ร้านของใช้สำหรับทารกอีกด้วย จนกระทั่งชางหลิงรู้สึกเหนื่อยขึ้นมา ทั้งสองคนจึงได้กลับบ้านกันไป
หลังจากที่เข้าบ้านมา โหมวยู่ก็เอาถุงหลายถุงที่อยู่ในมือวางลงไปบนพื้น แล้วก็เริ่มทำการช่วยชางหลิงถอดเสื้อคลุมตัวนอกออก เปลี่ยนรองเท้า “อยากจะไปนอนสักพักหรือเปล่า”
“ไม่อยากนอน”
ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยมากและก็ง่วงมาก แต่เธอมีลางสังหรณ์จำพวกที่ว่าถ้าตัวเธอนอนหลับไปโหมวยู่ก็จะหายไปอยู่ตลอด จึงยืนกรานที่จะไม่ไปห้องนอน
โหมวยู่ทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่เพียงโอบชางหลิงแสดงความหวานอยู่บนโซฟา
โหมวยู่จงใจพูดด้วยเสียงที่ทั้งเบาและช้ามากออกไป เพียงไม่นานชางหลิงก็ถูกเสียงพูดที่เหมือนกับเพลงกล่อมเด็กนี้ของเขาพาเข้าไปสู่ความฝัน
ชางหลิงถูกกลิ่นหอมของซุปซี่โครงหมูที่เข้มข้นชวนให้อยากกินปลุกให้ตื่นขึ้นมา กลัวว่าเธอตื่นขึ้นมาแล้วไม่เห็นตนจะตื่นตระหนกและกลัวขึ้นมา หลังจากที่โหมวยู่อุ้มชางหลิงไปยังบนเตียงจึงไม่ได้ปิดประตู เพื่อให้หลังจากที่เธอตื่นขึ้นมาแล้วจะสามารถได้ยินการเคลื่อนไหวจากข้างนอกได้อย่างสะดวก
ได้ยินเสียงจากในครัว ได้กลิ่นหอมของอาหาร ชางหลิงก็น้ำตาไหลออกมาอย่างมีความสุข
ซุกตัวอยู่ในผ้าห่มอุ่นๆ ชางหลิงไม่อยากขยับ เธอเพียงแค่อยากให้เวลาหยุดอยู่ในช่วงเวลานี้
“เจ้าแมวน้อยจอมขี้เกียจ ตื่นแล้ว ลุกขึ้นมากินข้าว”
ชางหลิงยื่นมือออกไป ส่งสัญญาณให้โหมวยู่อุ้มเธอออกไป
แปลกมาก ช่วงสองวันนี้โหมวยู่ยอมตามใจเธอเป็นพิเศษ นึกไม่ถึงว่าหลังจากที่ตบหน้าผากเธอมาแล้วจะอุ้มเธอไปยังโต๊ะกินข้าวจริงๆ
กินอิ่มดื่มอิ่มแล้ว ชางหลิงพิงเข้ากับบนโซฟาไปอย่างสบายๆดูทีวีไปพลางจับตาดูโหมวยู่ที่กำลังเก็บอุปกรณ์รับประทานอาหารไปพลาง ผู้ชายคนนี้แต่ไหนแต่ไรมาก็มักจะให้ความรู้สึกเหมือนกับเจ้าพ่อใหญ่ในด้านการค้าที่สามารถฆ่าคนได้โดยไม่ลังเล โหมวยู่ในโหมดพ่อบ้านเธอเองก็เพิ่งจะเห็นเป็นครั้งแรก
การเปลี่ยนแปลงของโหมวยู่มาโดยไม่ทันได้ตั้งตัว มันกะทันหันเสียจนทำให้เธอกลัว คิดอยู่เสมอว่าเบื้องหลังของความสุขและความหวานนี้มันจะซุกซ่อนสัตว์ร้ายที่มีหน้าตาดุร้ายน่ากลัวเอาไว้ และคงจะเข้ามาทำลายความงดงามทั้งหมดที่อยู่เบื้องหน้าของเธอในตอนนี้ไปจนหมดได้ตลอดเวลา
ไม่ว่าเขาจะทำอย่างนี้ไปเพื่ออะไร ชางหลิงก็คิดว่าแผนของตนเมื่อก่อนหน้านี้มันจะต้องสำเร็จลงโดยเร็วที่สุด ในคืนนี้เธอไม่อยากให้มันเกิดเรื่องที่ไม่คาดฝันอะไรขึ้นมาอีก