เห็นลายเซ็นที่เซ็นอย่างรวดเร็วบนหนังสือสัญญาการหย่าของโหมวยู่กับตราประทับสีแดงนั้น ในที่สุดชางหลิงก็ไม่สามารถนิ่งเฉยได้อีก
“ฉู่ฉือ โหมวยู่อยากทำอะไรกันแน่?”
ชางหลิงพยายามควบคุมอารมณ์ให้ถึงที่สุด อาจจะใส่อารมณ์กับฉู่ฉือที่มาดำเนินเรื่องแทนโหมวยู่ได้
“คุณชาง ผมแค่ทำตามที่คุณชายรองสั่งมา ส่วนรายละเอียดไม่ใช่เรื่องที่ผมควรถามครับ”
ฉู่ฉือก้มหน้าไม่กล้าสบตาชางหลิง เขาไม่รู้ว่าควรจะรับหน้ากับคำถามของชางหลิงยังไง ยิ่งทนกับสายตาที่เจ็บปวดของชางหลิงไม่ได้
ที่สำคัญก็คือ ขนาดเขายังไม่รู้เลยว่าคุณชายรองทำแบบนี้ทำไม
“ให้โหมวยู่มาบอกกับฉันเอง! เชิญนายกลับไป”
ฉู่ฉือก็เหมือนไม่รู้เหตุผลที่เขาอยากหย่า โหมวยู่คิดจะทำอะไร กับฉู่ฉือเขาก็ต้องปิดบังด้วย?
ชางหลิงโมโหจัด เกือบจะเสียมารยาทต่อหน้าฉู่ฉือ
“คุณชาง คุณชายรองบอกว่า ถ้าคุณไม่เซ็นผมก็ไม่ต้องกลับไปอีกเลย”
การเป็นผู้ช่วยคุณชายรองนั้นยากขึ้นเรื่อยๆ ฉู่ฉือรู้สึกว่าตัวเองจะต้องตกระกำลำบากถึงขั้นเกาะถงเอินกินแน่
“ป๋ายจื๋อ ส่งแขก!”
ชางหลิงโกรธจนควันแทบออกหู โหมวยู่ยังคงไร้สาระ ไม่มีเหตุผลอยู่เหมือนเดิม ถ้ากล้าจริงก็มาเองสิ จะไปลำบากฉู่ฉือที่เป็นผู้ช่วยทำไมกัน
ฉู่ฉือที่ถูกไล่ออกไปยืนมองประตูที่ถูกปิดแน่นภายใต้แสงแดดอบอุ่น แล้วกดโทรศัพท์หาถงเอินเงียบๆ
ตั้งแต่นั้นมา ฉู่ฉือก็จะมาหาชางหลิงเก้าโมงตรงทุกวัน พอพูดถึงเรื่องเซ็นเอกสารสัญญาการหย่าก็ถูกป๋ายจื๋อไล่ออกมาทันที
จนถึงการประชุมผู้บริหารระดับสูงในเซิ่งซื่อประจำสัปดาห์ โหมวยู่ยังไม่เห็นฉู่ฉือส่งเอกสารมา ถามแล้วถึงรู้ว่าผู้ช่วยคนสำคัญนี้ไม่มาบริษัทสามสี่วันแล้ว ขนาดเขาเองก็ยังไม่รู้เรื่องนี้เลย
“ฉู่ฉือ ช่วงนี้นายไปไหน?”
สายของโหมวยู่มาช้ากว่าที่ฉู่ฉือคิดไว้สองวัน ดูแล้วทางด้านคุณชายรองต้องมีปัญหาอะไรแน่ เขาพูดคำที่คิดไว้นานแล้วออกไป “คุณชายรอง คุณชางไม่ยอมเซ็นหนังสือสัญญาการหย่าสักที ผมกำลังคิดหาทางให้เธอเซ็นอยู่ครับ”
“ทำยังไงคุณชางถึงจะยอมเซ็นครับ?”
ครั้งก่อนตอนที่ชางหลิงมาเหมือนจะเคยบอกว่าตกลงเงื่อนไขสองข้อของเธอแล้วจะยอมหย่า แต่ตอนนั้นเขาปวดหัวมาก จำเงื่อนไขสองข้อนั้นไม่ได้
“คุณชางบอกให้คุณไปเจรจาเอง ไม่งั้นจะไม่ยอมเซ็นไปตลอดชีวิต”
“รู้แล้ว”
โหมวยู่นั่งพิงอยู่บนโซฟา น้ำเสียงมีความเหนื่อยใจมาก
ทุกครั้งที่เจอเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเธอ ก็จะมีความรู้สึกควบคุมไม่ได้ที่คุ้นเคย ไม่ว่าเขาจะวางแผนรอบคอบแค่ไหน เธอก็จะทำลายแผนเขาทั้งหมดได้อย่างคาดไม่ถึง
โหมวยู่หยิบยาขวดเล็กในกระเป๋าออกมาดู ยาแก้ปวดเหลือแค่สองเม็ดแล้ว พรุ่งนี้ไปหาหลินจื้อเอายาและค่อยไปเจอเธอแล้วกัน
ต่างกับห้องทำงานประธานของโหมวยู่ที่เงียบเหงา อะพาร์ตเมนต์ในตอนนี้ของชางหลิงมีเพื่อนๆนั่งอยู่เต็มไปหมด
เพื่อนๆของโหมวยู่ ฉู่ฉือ ถงเอินกับซูเสี่ยวเฉิงถูกเชิญมาทั้งหมด
“หลีซิน ช่วงนี้เห็นความผิดปกติของโหมวยู่หรือเปล่า?”
“ผมไม่เจอพี่ใหญ่มาสิบวันแล้ว”
สีหน้าของหลีซินดูแย่มาก เหมือนกับทุกๆคน เขาก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติของโหมวยู่ แต่ช่วงนี้พี่ใหญ่มีปัญหาอะไรกันแน่ เขาครุ่นคิดอยู่นานก็ยังคิดไม่ออก
“ผมไม่ได้ไปทำงานเซิ่งซื่อสี่วันแล้ว วันนี้คุณชายรองเพิ่งจะรู้”
ฉู่ฉือสีหน้ามืดมน และพูดอย่างเหนื่อยใจ
ฉินซางนานๆทีจะจริงจังสักครั้ง “พี่ใหญ่ช่วงนี้ก็ไม่ได้ติดต่อฉันเหมือนกัน”
“ไม่ได้ติดต่อพวกเราเหมือนกัน” ต้วนเหิงขมวดคิ้ว
ทุกคนต่างก็คิดเหมือนกัน มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่
“ฉันรับรองได้ว่าเซิ่งซื่อไม่มีปัญหาอะไร ช่วงนี้นายท่านโหมวก็ไม่ได้ไปหาเรื่องคุณชายรอง ทางด้านคุณชายฉี่ก็เงียบกริบ”
ทุกอย่างเหมือนสงบมาก กระแสน้ำและคลื่นที่ซัดเข้ามาภายใต้ความสงบนี้ยิ่งยากที่จะป้องกัน
“ผู้หญิงคนนั้นในคฤหาสน์หนานวาน……”
ถงเอินรู้สึกพวกเธออาจจะคิดมากไปก็ได้ หรือคุณชายรองอาจจะแค่ถูกผู้หญิงคนนั้นข่มขู่
“จี้เหยากวง? อยากทำอะไรกันแน่?”
ซูเสี่ยวเฉิงนิ่งเฉยต่อไปอีกไม่ได้ เธอถามด้วยแววตาดุดัน ทำท่าเหมือนจะพุ่งเข้าไปประชันกับจี้เหยากวงตอนนี้เลย
“ไม่ใช่ปัญหาของจี้เหยากวง ทางด้านจี้เหยากวงคุณชายรองจัดการเรียบร้อยแล้ว” ฉู่ฉือพูดอย่างเด็ดเดี่ยว
วันก่อนที่จัดการทรัพย์สินส่วนตัวของคุณชายรอง คุณชายให้เงินที่เพียงพอต่อชีวิตหลังจากนี้ของหล่อนแล้ว
จากที่เขารู้มา ครั้งก่อนหลังจากที่จี้เหยากวงไปเซิ่งซื่อคุณชายรองก็ไม่เคยไปอีกเลย เด็กในท้องของหล่อนถูกจัดการโดยหมอประจำตระกูลโหมวแล้ว
ซูเสี่ยวเฉิงบ่นออกไปอย่างโมโห “เหอะ ตามที่พวกนายพูดมาแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เป็นไปได้อย่างเดียวเลยคือ คุณชายรองป่วยเป็นโรคระยะสุดท้าย เพื่อแน่ใจว่าเสี่ยวหลิงหลิงได้สืบทอดทรัพย์สินของเขาทั้งหมด ถึงได้ขอหย่าก่อนและโอนย้ายทรัพย์สินทั้งหมดให้เธอเสี่ยวหลิงหลิง”
ตั้งแต่ชางหลิงย้ายออกจากคฤหาสน์หนานวาน ภาพลักษณ์โหมวยู่ที่อยู่ในใจซูเสี่ยวเฉิงก็พังทลายไปบ้างแล้ว
ตอนนี้ในใจของซูเสี่ยวเฉิง โหมวยู่กลายเป็นผู้ชายเลวอย่างสมบูรณ์แบบ ผู้ชายชั่ว บังคับหย่ากับภรรยาที่กำลังท้องกำลังไส้ ดูแลผู้หญิงอื่นในคฤหาสน์แทน นิยายของเธอยังไม่กล้าเขียนแบบนี้เลย
“เสี่ยวเฉิง อย่าว่าพี่ใหญ่แบบนี้”
น้ำเสียงของหลีซินเข้มงวดมาก ตอนนี้สิ่งที่โหมวยู่แม้จะดูทำกันเกินไป แต่โหมวยู่สำหรับเขาแล้วเป็นพี่ใหญ่ที่พึ่งพาได้ เขาไม่อนุญาตให้ซูเสี่ยวเฉิงพูดถึงโหมวยู่แบบนี้
“ฉันพูดผิดตรงไหน? เขามันผู้ชายเลว ทิ้งลูกทิ้งเมีย น่ารังเกียจจริงๆ” ซูเสี่ยวเฉิงโกรธจนดวงตาแดงก่ำ น้ำตารื้นขึ้นมาเต็มขอบตาแทบจะล่วงลงมาอยู่แล้ว
เธอน้อยใจแทนชางหลิง เมื่อก่อนชางหลิงก็ถูกคนอื่นรังแกมากสารพัด กว่าจะเจอกับคนที่ใช้ได้อย่างคุณชายรองโหมวไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ไม่คิดว่าเขามันเลวกว่าคนอื่นๆเสียอีก ทำร้ายชางหลิงในตอนที่ชางหลิงบอบบางที่สุด
“เสี่ยวเฉิงจื่อ ใจเย็นหน่อยสิ โหมวยู่ไม่ได้แย่เหมือนที่เธอคิดหรอกนะ เขาอาจจะกำลังเจอปัญหาอะไรอยู่ก็ได้” ชางหลิงจับมือซูเสี่ยวเฉิงไว้แล้วปลอบใจ จากนั้นก็ยิ้มอย่างเหนื่อยใจและพูดว่า “เขาไม่บอกฉันสักทีว่าเจอปัญหาอะไรกันแน่ ฉันเชิญพวกเธอมาเพื่อที่จะได้ช่วยฉันคิด โหมวยู่เจอปัญหาอะไรกันแน่ ฉันไม่อยากให้เขาเผชิญกับความมืดมนในชีวิตลำพังคนเดียว”
แม้ซูเสี่ยวเฉิงจะพูดจาไม่น่ารัก แต่หลีซินก็พูดความคิดตัวเองออกมา “ตอนนี้ทางเดียวที่เป็นไปได้คือพี่ใหญ่อาจจะป่วยอยู่”
ต้วนเหิงพยักหน้าพูด “หรือว่าอาการกำเริบจากการบาดเจ็บครั้งก่อน?”
ฉินซางพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “อาจจะเป็นไปได้ พวกเราหาวิธีขโมยเลือดของพี่ใหญ่ไปตรวจกัน”
ต้วนเหิงมองขวางเขา “นายจะไปขโมยเหรอ?”
ฉินซางรีบบ่ายเบี่ยง “หลีซิน นายกับพี่ใหญ่สนิทกันมากที่สุด นายไปจะเหมาะสมกว่า”
ดูท่าทางขี้ขลาดของพวกเขาที่โยนกันไปโยนกันมา ชางหลิงก็พูดไม่ออก “เขาน่าจะมาหาฉันนะ ฉันลองคิดวิธีดู”
“นอกจากสุขภาพของเขาแล้ว ยังมีอะไรที่เป็นไปได้อีก?”
“ศัตรูเมื่อก่อนมาหาถึงที่เหรอ?”
พอฉินซางพูดออกไป ก็เจอสายตาตักเตือนจากสองคนทันที
ความน่าจะเป็นไปได้ของเหตุการณ์นี้มีน้อยมาก แต่ก็ไม่สามารถตัดความเป็นไปได้นี้ออกไปได้
ถ้าเป็นแบบนั้นจริง โหมวยู่แบกรับไว้คนเดียวแล้วไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับพวกพี่น้องเลยก็เกินไปแล้วนะ
ภายใต้การกดดันจากสายตาของเพื่อนอีกสองคน ฉินซางพูดการคาดเดาของตัวเองออกมาอย่างแน่วแน่ “ฉันว่าอาจจะเป็นไปได้นะ พี่ใหญ่อาจจะอยากจัดการปัญหานี้ตามลำพัง เพื่อความปลอดภัย ถึงคิดที่จะป้องกันเสี่ยวหลิงหลิงเอาไว้ก่อน”