โหมวยู่เปิดโทรศัพท์ ตอนที่เขาเห็นหน้าจอสีเทาโดยเฉพาะอันนั้น ทั้งร่างถูกความรู้สึกเศร้าห่อหุ้มเอาไว้ เอ่ยออกมาอย่างเหนื่อยล้า “ฉันไม่มีทางลืม ขึ้นรถ”
จี้เหยากวงรีบเดินไปยังที่นั่งข้างคนขับ ดึงประตูรถ แต่มันกลับเปิดไม่ออก
สายตาของโหมวยู่เหลือบไป ส่งสัญญาณให้เธอขึ้นไปนั่งด้านหลัง
เธอโกรธจนกระทืบเท้าออกมา โหมวยู่ที่หน่ายใจก็ไม่ได้สนใจเธออีก จี้เหยากวงทำได้แค่เพียงขึ้นไปนั่งเบาะหลังไปอย่างจำยอม
หลังจากที่ขึ้นรถไปแล้ว จี้เหยากวงยังคงไม่ยอมแพ้ ยังคิดจะพยายามออกมาอีกครั้ง “พี่ยู่ ฉันเมารถ อยากนั่งข้างหน้า”
โหมวยู่พูด เหยียบคันเร่งไปเงียบๆ ขับรถมุ่งออกไปยังชานเมือง
จี้เหยากวงไม่ได้เจอโหมวยู่มานานมากแล้ว ตั้งแต่หลังจากที่เธอไปที่ออฟฟิศที่เซิ่งซื่อโดยไม่ได้รับอนุญาตครั้งนั้น โหมวยู่ก็ทิ้งเธอกลับวิลล่าหนานวานไป แล้วยังให้คนอื่นมองเธอ อิสระที่แม้แต่จะออกจากประตูไปก็ไม่มีเลย
โหมวยู่ไม่ได้กลับไปเลย ท่าทีของคนใช้ที่วิลล่าที่ปฏิบัติต่อเธอแบบขอไปทีขึ้นมาเรื่อยๆ นับวันเธอก็จะยิ่งลนลานขึ้นเรื่อยๆ อยู่ที่วิลล่าอย่างนี้ วันที่ไม่ต้องกังวลเรื่องการกินและเสื้อผ้าที่ใส่มันช่างมีความสุขจริงๆ เธอไม่อยากเสียมันไปเร็วอย่างนั้น
จี้เหยากวงพิงเข้ากับพนักเก้าอี้ พยายามคุยกับโหมวยู่อยู่ตลอด แต่ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร โหมวยู่ก็ปฏิเสธที่จะตอบกลับมาเสียทุกครั้ง เย็นชาเสียจนน่ากลัว
เดิมทีเธอนึกว่าโหมวยู่จะปฏิบัติต่อเธอไม่เหมือนกับคนอื่น เห็นแก่หน้าพี่ชายแล้วจะยังไงเขาก็ไม่อาจจะปฏิบัติต่อเธอแย่เกินไปนักหรอก แต่เธอนึกไม่ถึงว่าโหมวยู่จะพูดจริงทำจริง นอกจากสิ่งของที่เป็นรูปธรรมแล้ว อีกส่วนนึงที่เขาเหลืออยู่เองก็ตระหนี่ที่จะทำทานให้เธอ ความอ่อนโยนและความรักของเขามอบให้แค่เพียงชางหลิงแค่คนเดียว
นึกถึงภาพที่ชางหลิงกับโหมวยู่เดินซื้อของด้วยกันที่ซูเปอร์มาร์เก็ตอย่างมีความสุขที่เธอได้รับมาเมื่อหลายวันก่อน จี้เหยากวงที่อิจฉาไม่ยอมแอบหยิบโทรศัพท์ของตัวเองออกมา ถ่ายใบหน้าด้านข้างของโหมวยู่ที่กำลังขับรถอยู่ไปหลายภาพ
ตอนที่ส่งภาพพวกนี้ไปให้ชางหลิง ถึงได้พบว่าทุกช่องทางการติดต่อของเธอล้วนถูกชางหลิงบล๊อคไปแล้ว ทำไปซ้ำๆอยู่นานแต่ก็ไม่อาจส่งออกไปได้เลยสักข้อความ เกือบจะโมโหจะเป็นจะตายไปเลย
จี้เหยากวงไม่ยอมแพ้ ยิ่งชางหลิงเป็นแบบนี้แล้วเธอก็ยิ่งไม่อยากเห็นชางหลิงมีชีวิตที่ดี
เธอหาอยู่ในรายชื่อเพื่อนอยู่นาน สุดท้ายส่งภาพที่คลุมเครือภาพนี้ไปให้หลีซิน
“พี่หลีซิน พี่ยู่พาฉันไปหาพี่แล้ว พี่ว่างมาหรือเปล่า?”
หลีซินกำลังล้างผลไม้อยู่ที่ในครัวพอดี ซูเสี่ยวเฉิงพอเห็นว่าข้อความนี้เด้งขึ้นมาบนโทรศัพท์ของเขา เดิมทีข้อความนี้มันก็ไม่ได้อะไรอยู่หรอก พี่ชายของจี้เหยากวงกับหลีซินพวกเขาสองสามคนมีความสัมพันธ์พิเศษกันเธอเองก็รู้อยู่ แต่ตอนที่ซูเสี่ยวเฉิงเห็นภาพด้านข้างของโหมวยู่ที่กำลังขับรถอยู่หลายภาพที่จี้เหยากวงส่งเข้ามาตอนหลัง ตัวเธอก็มีจิตใจที่ไม่สงบขึ้นมา
แอบด่าออกมาว่ายัยผู้หญิงตอแหล เพียงไม่นานก็ส่งรูปพวกนี้ไปยังโทรศัพท์ของเธอ จากนั้นก็ต่อสายไปหาชางหลิงทันที
เธอไม่สามารถมองดูผู้ชายของเพื่อนสนิทถูกผู้หญิงคนอื่นมาคิดอะไรเกินเลยอยู่เฉยๆได้หรอก รู้อยู่ก่อนแล้วว่าจี้เหยากวงคนนี้ไม่ใช่คนดีอะไรนัก ตอนนี้ในที่สุดก็จับพิรุจของเธอได้
“ซูเสี่ยวเฉิง คิดถึงฉันแล้วใช่มั้ย ออกไปเดินเล่นซื้อของกันมั้ย?”
“หลิงหลิง เธอยังมีกะจิตกะใจไปเดินช็อปปิ้ง เธอรู้หรือเปล่าว่าผู้ชายบ้านเธอถูกปีศาจข้างนอกคิดเกินเลยเข้าเสียแล้ว”
หลีซินเพิ่งจะออกมาจากห้องครัวได้ยินซูเสี่ยวเฉิงพูดคำพูดไร้สาระอย่างนี้ออกมา เขาไม่รู้ว่าตัวเองควรจะต้องแสดงปฏิกิริยาออกไปยังไงไปชั่วขณะ
“เธอพูดอะไร? เธอเห็นโหมวยู่”
ไม่ใช่ว่าเขาออกไปทำงานต่างประเทศอยู่หรอกเหรอ?
“เฮอะ ฉันไม่ได้เจอคุณชายรองโหมวหรอก คาดว่าก็คงเป็นเพราะว่าปีศาจข้างนอกทนรอไม่ไหวอยากจะเลื่อนตำแหน่งเป็นตัวจริงเร็วๆ เมื่อกี้ฉันเห็นรูปที่จี้เหยากวงส่งมาให้หลีซิน ฉันจะแชร์ไปให้เธอเดี๋ยวนี้เลย”
ซูเสี่ยวเฉิงแชร์รูปไปให้ชางหลิงไปพลางพูดวิพากษ์วิจารณ์ออกมาพลาง “เด็กผู้หญิงคนนี้ระดับมันยังด้อยไปหน่อย รีบร้อนเกินไปแล้ว”
“ขอบคุณมาก อันนี้พวกเขาไปไหนกันเหรอ?”
“ก็คงจะไปไหว้หลุมศพพี่ชายของจี้เหยากวง วันนี้เป็นวันครบรอบวันตายของเขา”
ก่อนหน้านี้หลีซินบอกว่าจะพาเธอไปด้วยกัน เมื่อหลายวันก่อนพวกเขาได้เตรียมของไหว้เอาไว้เรียบร้อยแล้ว
“อ้อ อย่างนี้สินะ งั้นฉันไปด้วยกันกับพวกเธอแล้วกัน! ฉันอยากจะไปขอบคุณเขาด้วยตัวเอง” ขอบคุณที่เขาได้ช่วยชีวิตโหมวยู่เอาไว้ นั่นเป็นคนที่ควรค่าให้คนอื่นเคารพเลยคนนึง
“ได้ งั้นอีกเดี๋ยวนึงฉันกับหลีซินจะไปรับเธอ”
หลังจากที่แต่งงานไปได้ช่วงนึงแล้ว ซูเสี่ยวเฉิงค่อยๆรู้ชัดถึงความรู้สึกที่หลีซินมีต่อเธอ ช่องว่างความห่างเหินระหว่างกันที่ข่มกลั้นเอาไว้ในใจเมื่อก่อนหน้านี้มันก็ค่อยๆจางหายไป อยู่ร่วมกันสามคนขึ้นมาแล้วมันก็ไม่ได้แปลกอะไร
“ได้”
หลังจากที่วางสายจากซูเสี่ยวเฉิงไป ชางหลิงเห็นที่นั่งข้างคนขับที่อยู่ในรูปมันว่างเปล่าก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย
เมื่อหลายวันก่อนตอนที่แสดงความหวานอยู่กับโหมวยู่เธอเคยบอกไปว่าที่นั่งข้างคนขับของเขาต่อจากนี้ไปมันจะเป็นที่นั่งพิเศษสำหรับเธอโดยเฉพาะเท่านั้น ผู้ชายคนนี้ฟังเข้าหูไปแล้วใช่มั้ย?
ที่ชานเมือง ชางหลิงเห็นป้ายหลุมศพแผ่นใหญ่ตรงหน้า ในใจมันรู้สึกหนักอึ้งอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
การเกิดแก่เจ็บตายตามหลักธรรมชาติของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ไร้หนทางที่จะหนีไปจากวัฏจักรของชะตากรรมนี้ไปได้ เธอหวังแค่เพียงว่าพระเจ้าจะคุ้มครอง สามารถทำให้เธอกับโหมวยู่จะได้อยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่า อยู่ครองคู่ไปอย่างยาวนานได้
ตอนที่โหมวยู่หันหน้าไปเห็นชางหลิงกับหลีซินพวกเขามาด้วยกัน เกิดความประหลาดใจแวบผ่านเข้ามาในดวงตา ในใจว้าวุ่นใจอยู่บ้าง เขากลัวว่าชางหลิงจะโกรธ และก็กลัวว่าเธอจะมองทะลุออกถึงคำโกหกในช่วงสองวันนี้ของเขา
จี้เหยากวงเองก็นึกไม่ถึงเหมือนกันว่าชางหลิงจะตามมาที่นี่ได้ ไฟโกรธได้ทะลักออกมาอยู่ภายในใจ นี่เป็นโอกาสที่เธอจะสามารถใกล้ชิดกับโหมวยู่ได้โดยที่แลกมากับการที่ต้องเสียพี่ชายไป ทำไมชางหลิงนั้นแม้แต่ช่วงเวลาที่น่าสงสารเพียงนิดหน่อยนี้ก็ยังไม่เหลือไว้ให้เธอเลย ชางหลิงมีสิทธิ์อะไรมาเอาแต่ใจอย่างนี้ เธอจะต้องยึดครองโหมวยู่ตลอดเวลาถึงจะมีความสุขขึ้นมาได้ใช่มั้ย?
เล็บมือยาวๆจิกไปจนฝ่ามือเริ่มเจ็บขึ้นมา จี้เหยากวงพยายามอย่างสุดกำลังกว่าจะควบคุมความคิดชั่ววูบที่จะพุ่งเข้าไปสู้กับชางหลิงอย่างสุดชีวิต ทำได้เพียงแค่คุกเข่าร้องห่มร้องไห้เสียใจอยู่ต่อหน้าพี่ชาย
จี้เหยากวงแทบจะร้องไห้สลบอยู่ตรงหน้าหลุมศพของพี่ชาย หลีซินกับโหมวยู่ต่างก็ไม่ค่อยสะดวกใจที่จะเข้าไปช่วยพยุงเธอ ชางหลิงเองก็ไม่อยากแตะต้องเธอนัก ยังดีที่ซูเสี่ยวเฉิงหัวไว เดินเข้าไปปลอบเธออย่างใจเย็น นานสักพักนึงกว่าอารมณ์ของจี้เหยากวงจะสงบลง
ชางหลิงเดินเข้าไปตรงหน้าหลุมศพของพี่ชายจี้เหยากวง โค้งคำนับไปด้วยความเคารพด้วยใจจริง ขอบคุณอยู่เงียบๆในใจ
ชายที่อยู่ในรูปดูแข็งแกร่งและเด็ดเดี่ยว ดูมั่นคงชอบธรรม มิน่าโหมวยู่ถึงได้รับจี้เหยากวงมาอยู่ใกล้ตัวอย่างแน่วแน่อย่างนั้นเพื่อเขาได้ เพื่อนที่นอนหลับตลอดกาลอยู่ใต้พื้นดินคนนี้ควรค่าให้โหมวยู่ดูแลญาติเพียงหนึ่งเดียวที่มีอยู่ให้เขาได้
โหมวยู่เดินไปยังข้างๆชางหลิง จับมือของเธอพลางถามออกไปเสียงเบา “คุณมาได้ยังไง”
ชางหลิงหันหน้ามา ในดวงตาประดับไปด้วยแสงสว่างที่อบอุ่นออกมา “ฉันอยากจะมาขอบคุณเขาด้วยตัวเอง ต่อจากนี้ไปฉันจะมาด้วยกันกับคุณ”
“ได้”
แรงที่มือของโหมวยู่แน่นขึ้นเล็กน้อย ตอนนี้เป็นตอนที่เขาเศร้าเสียใจที่สุด เขาต้องการความรักและความอบอุ่นจากร่างของชางหลิงโดยด่วน
ทั้งสองคนยืนเคียงอยู่ด้วยกัน ในดวงตาและภายในใจต่างก็มีเพียงแค่กันและกัน ไม่ได้สังเกตเห็นจี้เหยากวงที่อยู่ข้างๆใกล้จะกัดริมฝีปากของตัวเองจนเลือดไหลออกมาเลยสักนิดเดียว
“พี่ยู่ พี่ไปส่งฉันกลับบ้านดูหน่อยได้มั้ย? ฉันอยากช่วยพี่ชายเก็บกวาดห้องสักหน่อย”
จี้เหยากวงทนดูต่อไปไม่ไหวแล้วจริงๆ จู่ๆก็ลุกพรวดขึ้นมาพูด
โหมวยู่มองชางหลิงที่อยู่ข้างๆ หลังจากที่ได้รับคำอนุญาตจากเธอแล้วจึงได้พยักหน้าตอบตกลงออกไป
“ฉันเองก็อยากเข้าไปดูหน่อยเหมือนกัน เหยากวง เธออยากจะนั่งรถพวกเราหรือเปล่า”
ภายใต้การส่งสัญญาณบอกใบ้ของซูเสี่ยวเฉิง หลีซินก็ได้เอ่ยถามไปตามที่เธอบอกไปทันที
“ไม่ต้องหรอกค่ะ กระเป๋าของฉันยังอยู่บนรถของพี่ยู่อยู่เลย”
จี้เหยากวงเพื่อที่จะให้ชางหลิงรู้สึกทนไม่ได้ ก็ได้เผยไต๋ออกไปโดยสมบูรณ์ ในตอนที่สามารถติดต่ออยู่กับโหมวยู่ได้ ไม่ว่าจะยังไงเธอก็จะต้องตามติดไปอยู่ข้างๆโหมวยู่ไปติดๆ