ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – บทที่ 309 ระยะสุดท้าย

บทที่ 309 ระยะสุดท้าย

โหมวยู่หยิบบุหรี่ออกมาหนึ่งมวล แล้วเคาะบนไฟแช็ก “เจอเรื่องวุ่นวายน่ะ”

“เรื่องอะไร ฉันช่วยได้”

ป๋ายจื๋อมองโหมวยู่ด้วยแววตาคาดคั้น เขารู้ว่าโหมวยู่โกหก แต่ถ้าเขาเจอเรื่องลำบากจริงๆ เขาจะช่วยเพราะเห็นแก่ชางหลิง

โหมวยู่หัวเราะเสียงเบา เลิกคิ้วขึ้น “นายน่ะเหรอ……”

ป๋ายจื๋อหยิบปืนในกระเป๋าออกมา แล้วคล้องไว้ที่นิ้วมือเล่นโดยอย่างใจเย็น แววตาที่เขามองโหมวยู่เย็นชาขึ้นเรื่อยๆ ความเงียบกะทันหันทำให้บรรยากาศดูน่าอึดอัด ทั้งสองเหมือนจะไม่มีใครยอมใคร

ในที่สุดโหมวยู่ก็ยอมแพ้ก่อน อาการป่วยของเขาอาจจะกำเริบได้ทุกเมื่อ จะชักช้าอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้ว “ป๋ายจื๋อ อย่าเอาของอันตรายวางไว้ใกล้ตัวเธอ นายทำแบบนี้ไม่ช้าไม่นานจะนำภัยมาให้เธอได้”

ป๋ายจื๋อสีหน้าเย็นชา เหมือนไม่ได้ยินคำพูดของโหมวยู่ “ทำไมถึงหย่า?”

“นี่เป็นเรื่องของฉันกับเธอ นายไม่ต้องเข้ามายุ่ง”

โหมวยู่จุดไฟแช็กอย่างโมโห จุดบุหรี่มวลนั้นที่เตรียมออกมานานแล้ว

“เธอเสียใจมาก”

ป๋ายจื๋อหันหน้าไปทาอื่น เหมือนกำลังพูดพึมพำเอง

คำพูดนี้เหมือนสายฟ้าผ่าเปรี้ยงระเบิดในหูโหมวยู่ ระเบิดจนตัวเขาสั่นเทาไปหมด สี่คำนี้เหมือนค้อนหนักหลายพันปอนด์ทุบไปที่หน้าอกเขา เจ็บจนหายใจไม่ออก ร่างกายสั่นไปหมด

“ต่อไปจะดีขึ้นเอง เธอยังจะเจอคนที่รักเธอมากๆอีกคนหนึ่ง จากนั้นก็ใช้ชีวิตและแก่เฒ่าไปด้วยกันกับผู้ชายคนนั้นอย่างมีความสุข”

เสียงของโหมวยู่อ่อนโยนมาก แววตาของเขาเต็มไปด้วยความรักและความเสียดาย พูดถึงประโยคสุดท้ายเขาก็หัวเราะ

ป๋ายจื๋อแน่ใจแล้วว่าโหมวยู่อาจจะมีชีวิตอีกไม่นาน ไม่งั้นก็คงไม่รีบร้อนพูดสั่งเสียและจัดการทรัพย์สินแบบนี้หรอก เขาพูดลองใจ

“ถ้าไม่เจอล่ะ?”

โหมวยู่ตะลึง เขามองป๋ายจื๋อด้วยแววตาเฉียบคม ไม่ชอบการสมมุติของเขาเลยสักนิด “ไม่หรอก เธอดีขนาดนั้น จะต้องเจอคนที่ดีแน่ และใช้ชีวิตอย่างมีความสุขด้วยกันตลอดไป”

หญิงสาวที่เขารักมากที่สุด จะต้องได้รับสิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุด

“เธอรู้ว่านายอาจจะป่วยเป็นโรคระยะสุดท้าย บอกว่าอยากจะตายไปพร้อมนาย”

“นายปกป้องเธอให้ดี ฉันจัดการใบหย่าเสร็จแล้วจะหายตัวไปทันที ไม่ให้เธอรู้ข่าวคราวของฉัน”

หลังจากที่เขาไปแล้ว ข้างกายชางหลิงมีผู้พิทักษ์ที่ดีที่สุดก็คือป๋ายจื๋อ

ในช่วงเวลาสุดท้ายนี้ โหมวยู่ก็ไม่ถือสาที่จะบอกข้อมูลกับป๋ายจื๋อเล็กน้อย ด้วยเป้าหมายที่เหมือนกันของพวกเขา พวกเขาต่างก็หวังอยากให้ชางหลิงมีความสุขและใช้ชีวิตต่อไปได้ดี

ป๋ายจื๋อมองโหมวยู่ด้วยสายตาดูถูก ถ้าไม่ใช่เพราะชางหลิงนะ เขาคงไม่สนใจว่าโหมวยู่จะเป็นตายร้ายดียังไงหรอก “ฉันติดต่อหมอที่เก่งที่สุดในอเมริกาให้นายได้นะ”

“ไม่ต้องหรอก” โหมวยู่ปฏิเสธโดยไม่คิดเลย

เขาเชื่อฝีมือการรักษาของหลินจื้อ และรู้ว่าตอนนี้ชีวิตของเขาใกล้จะมาถึงจุดจบแล้ว เขาจะให้ป๋ายจื๋อรู้อาการป่วยของเขาไม่ได้ ป๋ายจื๋อรู้ว่าชางหลิงจะต้องรู้ในสักวันหนึ่ง

“ตามใจนายเลย”

โหมวยู่ตายหรือไม่ป๋ายจื๋อไม่สนใจเลย ขอแค่เขาจัดการเรื่องตัวเองให้ดี อย่าให้ชางหลิงต้องตายตามเขาไปก็พอแล้ว

“ฉันไปก่อนล่ะ นายก็กลับไปเร็วหน่อย ฉันไม่วางใจที่ให้เธออยู่คนเดียว”

ป๋ายจื๋อกลับหลังหันเดินไปไม่กี่ก้าว ก็หันหน้ากลับไป พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาโดยแทบจะไม่มีความอบอุ่นเลย “จัดการเรื่องของนายให้ดี อย่ามารบกวนเธออีก”

โหมวยู่ทำหน้าบึ้งตึง ดวงตาเย็นชา มองป๋ายจื๋ออย่างไม่พอใจ เรื่องนี้เขายังต้องบอกไหม ถ้าไม่ใช่เพราะร่างกายของตัวเอง เขาจะมาอยู่ตรงนี้ได้เหรอ

“ปัง!” ทันใดนั้นด้านหลังก็มีเสียงของหนักกระทบกันดังขึ้น ป๋ายจื๋อหันหน้าไปมอง เห็นโหมวยู่ชนเข้ากับราวบนดาดฟ้า ราวที่มีสนิมเกราะอยู่เต็มส่ายไปมา เหมือนจะตกลงไปได้ทุกครั้ง

ป๋ายจื๋อมองเข้าไปอีก โหมวยู่พิงอยู่ที่ราวนั้นโดยไม่ขยับเขยื้อนเลย และดูเหมือนจะไม่ออกไปด้วย

“ต้องการให้ช่วยไหม?”

“ไม่ต้อง”

โหมวยู่พูดด้วยน้ำเสียงไม่เต็มใจและแข็งกระด้าง

ป๋ายจื๋อก็กลับหลังหันเดินออกไปโดยไม่สนใจเขาอีก

ขี้เก๊กเหลือเกิ๊น เขาไม่ยอมตามใจนิสัยเสียแบบนี้ของโหมวยู่หรอกนะ ริอ่านทำให้ชางหลิงต้องช้ำใจ แบบนี้ต้องโดนลงโทษหน่อย

ป๋ายจื๋อผลักประตูเข้ามาแล้ว ชางหลิงก็เข้าไปถามอย่างอดใจรอไม่ไหว “กลับมาแล้วเหรอ! เขาว่ายังไงบ้าง?”

เขาเทน้ำช้าๆ แล้วดื่ม “เขาไม่ยอมพูดเลย”

โกหกต่อหน้าชางหลิงเขารู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย จึงต้องดื่มน้ำเรื่อยๆเพื่อกระจายความสนใจ หวังว่าเธอจะจับไม่ได้

“นายขึ้นไปตั้งนาน พวกนายคุยอะไรกันบ้าง?”

เธอทั้งบังคับทั้งหลอกถามโหมวยู่หลายครั้งก็ไม่ได้อะไรเลย ป๋ายจื๋อถามอะไรไม่ได้ก็เป็นเรื่องที่คิดไว้อยู่แล้ว แต่เธอก็ยังอยากได้ข้อมูลที่มีประโยชน์กว่านี้หน่อย

“ฉันช่วยเธอถามทรัพย์สินของเขาน่ะ”

“นายถามเรื่องนี้ทำไม ฉันไม่เคยคิดจะใช้เงินของเขาเลย” ชางหลิงพูดอย่างเหนื่อยใจ ขึ้นไปครึ่งชั่วโมงก็คุยแต่เรื่องไร้สาระน่ะเหรอ เสียเวลาจริงๆเลย

“ไม่มีเงินเธอจะเลี้ยงลูกยังไง”

ป๋ายจื๋อมองไปที่ท้องของชางหลิงอย่างเฉยชา ความรู้สึกกดดันเข้ามาโอบล้อมตัวของเขาไว้

ได้ยินว่าเลี้ยงเด็กต้องเสียค่าใช้จ่ายเยอะมาก ไม่รู้ว่าเงินสะสมของเขาจะพอใช้จนถึงเมื่อไหร่

“เรื่องเลี้ยงลูกเดี๋ยวค่อยว่ากัน เขายังพูดอะไรกับนายอีกไหม?”

“ให้ฉันดูแลเธอให้ดี หมดแล้ว”

ชางหลิงรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เหมือนจะไม่มีข่าวที่มีประโยชน์เลย

“ฉันเห็นสีหน้าวันนี้ของเขาดูแย่มาก นายเห็นไหม? หลังจากที่พวกนายออกไปเขามีอาการเวียนหัวเหมือนจะสลบหรือเปล่า”

“ฉันเห็นเขาสุขภาพจิตดีมากนะ” สายตาเฉียบคมคู่นั้น ทำเอาเขาตกใจมาก

“อืม งั้นครั้งหน้าเขามาแล้วค่อยว่ากันแล้วกัน”

ป๋ายจื๋อไม่เข้าใจ โหมวยู่น่าจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าชางหลิงอีก ทำไมเธอถึงมั่นใจขนาดนั้นว่าโหมวยู่จะกลับมาอีก?

“เมื่อกี้เขาเอาสัญญาหย่าทิ้งไว้บนโซฟาแล้วลืมเอาไป ฉันเผามันทิ้งแล้วล่ะ”

ชางหลิงกะพริบตาอย่างมีเล่ห์เหลี่ยม กล้าบังคับเธอเซ็นชื่องั้นเหรอ ต่อไปจะต้องไปคิดบัญชีกับเขาให้ได้

……

บนดาดฟ้า หลังจากที่ป๋ายจื๋อหายลับไปจากบันไดแล้ว โหมวยู่ก็ทนอีกต่อไปไม่ไหว เขาพยุงราวลุกขึ้นมานั่งบนพื้น แล้วรีบหยิบยาแก้ปวดออกมาจากกระเป๋า มืออันสั่นเทาของเขารีบคว้าเม็ดยายัดเข้าปากอย่างรวดเร็ว

ตอนเช้าวันนี้ที่ไปหาหลินจื้อ หลินจื้อให้เวลาครั้งสุดท้ายเขามา

หนึ่งเดือน! เขามีเวลาเหลืออีกแค่เดือนเดียวแล้ว ถ้าเลยจากนี้ไป ร่างกายของเขาก็จะรักษาอีกต่อไปไม่ได้แล้ว

โหมวยู่พิงอยู่บนราว พยายามทำให้ตัวสบาย เขาคิดทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองออกไปจากที่นี่เหมือนคนปกติ

รอไม่กี่นาที อาการปวดหัวก็เหมือนจะไม่ลดลงสักที เขากลืนยาลงไปสองสามเม็ด ทำอะไรไม่ได้จึงต้องโทรหาผู้ช่วยที่อยู่ข้างล่างตึก ให้เขามาช่วยพยุงตัวเอง

“เก็บยาบนพื้นให้ด้วย”

ก่อนจะไป โหมวยู่ตั้งใจให้ผู้ช่วยเก็บยาที่เขาเพิ่งทำตกไปขึ้นมาให้ตัวเอง

“ประธาน จะไปโรงพยาบาทไหมครับ”

พอกลับมาถึงบนรถ ผู้ช่วยก็มองดูโหมวยู่ที่เหงื่อออกเต็มหน้าผาก ริมฝีปากซีดเซียวไปหมดก็ถามออกไปอย่างเป็นห่วง

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

Status: Ongoing

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท