นิ่งค้างไปอยู่หลายวิ กว่าชางหลิงถึงจะเก็บท่าทางที่จะกอดกลับไปอย่างกระอักกระอ่วน ยืนดีๆอย่างมีมารยาท
“กลับมาแล้ว” ในสายตาและน้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความผิดหวัง
ป๋ายจื๋อตั้งแต่ต้นจนถึงตอนนี้นิ่งเฉยมาตลอด ไม่มีอาการตกใจและความแปลกใจออกมาเลย
เขาเดินเข้าคอนโด ปิดประตูลง “ผลการตรวจออกมาแล้ว”
“เขา ป่วยหรือเปล่า?”
บนใบหน้าของป๋ายจื๋อมองไม่ออกถึงอารมณ์ใดๆ ภายในใจของชางหลิงจู่ๆเกิดความกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนออกมา กลัวเรื่องที่เขาจะพูดต่อจากนี้
“จากตัวอย่างเลือดของเขาจะเห็นได้ว่าร่างกายของเขาแข็งแรงมาก ยาที่คุณเอามาได้มันก็เป็นแค่วิตามินธรรมดาๆด้วยเหมือนกัน”
จะเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไง?
“เป็นไปไม่ได้ จะต้องเกิดปัญหาที่ตรงไหนสักแห่งแน่ๆ”
ชางหลิงเดินไปยังโซฟาอย่างตกอยู่ในภวังค์ กอดหมอนอิงแน่น ขดตัวเองเข้าด้วยกัน
“โรงพยาบาลที่ผมลงทุนขับรถออกจากเมืองหนานไปหาด้วยตัวเอง โรงพยาบาลหลายแห่งที่ไปล้วนแล้วแต่อยู่ต่างเมืองกัน” ป๋ายจื๋อพูดจบก็เสริมออกมาอีกประโยคนึง “ระหว่างทางไม่พบว่าใครติดตามผม”
ชางหลิงพยายามทำให้ตัวเองใจเย็นลง พยายามคิดดูว่าตกลงแล้วมันเกิดปัญหาอยู่ที่ตรงไหน
ทำใจเย็นๆอยู่สักพักนึงเธอถึงได้ค้นพบได้ว่าป๋ายจื๋อกำลังเหนื่อยจากการเดินทางตะลอนๆไปทั่ว เหนื่อยมาหลายวันขอบตาดำออกมา “ลำบากนายแล้ว นายไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ”
ป๋ายจื๋อเหนื่อยมากจริงๆ หลายวันมานี้วิ่งวุ่นอยู่ข้างนอกตลอด ก่อนที่จะเข้าประตูไปก็ยังไม่ลืมที่จะกำชับออกไป “อยากจะออกไปข้างนอกก็บอกผม”
ชางหลิงพยักหน้าออกมา นั่งเงียบอยู่บนโซฟาตามลำพัง จากนั้นในทุกๆครึ่งชั่วโมงเธอก็จะโทรหาโหมวยู่ โทรศัพท์ของเขาก็อยู่ในสถานะปิดเครื่องอยู่ตลอด
หลายวันมานี้ที่โหมวยู่กลับมามันผิดปกติออกมาอย่างชัดเจน แต่เธอก็อาลัยอาวรณ์ถึงความรู้สึกที่จะได้อยู่ด้วยกันกับเขาในทุกๆเวลา แต่เขาเองก็จงใจจะหลีกเลี่ยงในประเด็นเหล่านั้น ทั้งสองคนต่างก็ไม่ได้คิดที่จะเอ่ยถึงกันออกมา
ในหัวของชางหลิงเกิดความคิดที่น่ากลัวแวบผ่านออกมา โหมวยู่นั้นมาลาเธอ?
แต่สภาพร่างกายในช่วงหลายวันนี้ของเขาเห็นได้ชัดว่ามันดีมาก นอกจากสีหน้าที่แย่ลงหน่อย เธอก็ไม่ได้พบความผิดปกติอะไรใดๆเลย ไม่เหมือนคนที่ใกล้จะตายเลย
ในหัวคิดยุ่งเหยิงไปหมด ชางหลิงไล่ความคิดที่ยุ่งหยิงพวกนี้ออกไปในช่วงเวลาสั้นๆ ตอนนี้เธอหิวมาก ต้องการอาหารอร่อยๆมาปลอบประโลมกระเพาะและหัวใจที่เศร้าเสียใจของเธอโดยด่วน
เธอไม่มีอารมณ์ลงมือทำเอง เธอโทรสั่งอาหารจากร้านอาหารด้านล่างมา
ในระหว่างที่รออาหารมาส่ง ชางหลิงก็เดินเข้าครัวเพื่อที่จะต้มน้ำสักหน่อย
เปิดประตูห้องครัวเข้าไป ชางหลิงถึงได้พบว่าบนพื้นครัวมีชามแตกอยู่ในนึง โจ๊กที่ต้มเสร็จแล้วหม้อหนึ่ง ยังไม่ทันได้ตักออกมา ข้างๆผลไม้หลายอย่างได้มีมีดปอกผลไม้อยู่ด้ามนึง
เขาออกไปกะทันหัน?
ชางหลิงคิดอยู่ว่าเธอคิดมากไปอีกหรือเปล่า บางทีโหมวยู่อาจจะแค่ออกไปจัดการธุระอะไรบางอย่างเท่านั้นก็ได้
โจ๊กอุ่นๆอยู่ในหม้อ ชางหลิงตักออกมาชามนึง เหนียวนุ่มและหอมหวาน ช่วงเวลาที่ร้อนระอุได้ทำให้ร่างกายเธออบอุ่นขึ้นมา
โจ๊กช้อนนึงเข้ามาในปาก น้ำตาเธอก็อดกลั้นเอาไว้ไม่อยู่อีกต่อไป ไหลพรากลงมา
โจ๊กที่ผสมกับน้ำตาชามนึงกินเสร็จไป ร่างกายของเธอฟื้นกลับมาในสภาพปกติ แต่หัวใจกลับเจ็บปวดเหมือนกับว่าจะแหลกสลายไปเสียให้ได้
ทันใดนั้นเอง ภายในใจของชางหลิงเกิดลางสังหรณ์แปลกๆอย่างหนึ่งพาดผ่านออกมา ชามในมือได้วางอยู่บนโต๊ะอาหารไปอย่างแรง เธอรีบสาวเท้ากลับไปยังห้องรับแขก ต่อสายไปหาโหมวยู่
เสียงรอสายเพราะๆดังเข้ามา ชางหลิงดีใจจนเกือบจะน้ำตาไหลออกมา ในที่สุดโหมวยู่ก็เปิดเครื่อง
ทางปลายสาย โหมวยู่นึกไม่ถึงว่าทันทีที่เขาเปิดเครื่อง สายของชางหลิงจะโทรเข้ามา เขาเห็นเข็มน้ำเกลือบนมือ ไม่รู้ว่าจะไปเผชิญหน้ากับคนที่อยู่ปลายสายนั้นยังไงอยู่สักพักนึง
ถ้าเป็นไปด้ เขาอยากใช้ชีวิตอยู่กับชางหลิงเหมือนกับเมื่อหลายวันที่ผ่านมาอย่างนั้น แต่น่าเสียดายที่เรื่องพวกนี้สำหรับคนอื่นแล้วมันเป็นเรื่องปกติสุดๆแต่เขานั้นทำไม่ได้แล้ว
เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ยังดังอยู่ โหมวยู่มองไปอย่างจนใจ หลินจื้อไม่รู้ว่าเดินเข้าห้องมาตั้งแต่เมื่อไหร่ “ฟื้นแล้ว”
โหมวยู่พยักหน้าออกมา ไม่อยากจะพูดออกไป
สีหน้าของหลินจื้อไม่ค่อยจะดีนัก ถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “ร่างกายของคุณทรุดลงเร็วกว่าที่ผมคิดเอาไว้เยอะเลย คุณไปกินของที่ไม่ควรกินอะไรมาหรือเปล่า”
“กินยานอนหลับไปสองสามเม็ด”
หลินจื้อไม่มีคำที่จะพูด ในฐานะหมอคนนึง เขาจนปัญญาที่สุดก็คือผู้ป่วยที่หาเรื่องตายอย่างโหมวยู่นี่แหละ
โหมวยู่ขมวดคิ้วออกมาด้วยความไม่สบายตัว หลังจากที่ฟื้นขึ้นมาสมองของเขาก็รู้สึกวิงเวียนอยู่ตลอด
เขาจากมาโดยไม่ลา ตอนนี้ชางหลิงจะต้องเป็นกังวลมากแน่ๆ เขากลัวว่าเธอจะออกมาตามหาเขาโดยที่ไม่สนใจอะไร และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ป๋ายจื๋อกลับไปแล้วหรือยัง เธออยู่คอนโดคนเดียวมันอันตรายมาก
“นายลองคิดหาวิธีดู ฉันยังอยากจะกลับไปอยู่เป็นเพื่อนเธออีกสักสองสามวัน”
หลินจื้อเห็นเขาจะเลิกผ้าห่มออกเพื่อลงจากเตียง ก็รีบเข้าไปกดไหล่ของเขาเอาไว้ทันที นึกไปถึงตอนที่เขามาถึงคอนโดของชางหลิง โหมวยู่ก็อยู่ในสภาพที่สลบอยู่ที่ห้องครัว หลินจื้อเอ่ยออกมาด้วยความกลุ้มใจ
“คุณชายรอง คุณจะต้องได้รับการรักษาโดยเร็วที่สุด”
“ไม่จำเป็น ฉันต้องการไปอยู่เป็นเพื่อนเธออีกสองสามวัน”
“คุณชายรอง…” หลินจื้อเห็นท่าทางดื้อดึงของเขาแล้ว เกือบจะพูดความลับที่อยู่ในใจออกไปเลยทีเดียว
เขาเติบโตอยู่ที่ตระกูลเซิ่งมาตั้งแต่เด็ก ความสามารถในตอนนี้ทั้งหมดล้วนเป็นเพราะนายท่านใหญ่และนายหญิงใหญ่ของตระกูลเซิ่งถึงได้รับมา สุดท้ายแล้วเขาก็ทำใจร้ายกับโหมวยู่ไปไม่ได้
ในนาทีนี้เอง เขารู้สึกเสียใจภายหลังขึ้นมาที่ใช้ยาชนิดใหม่ที่ว่ากันว่าใช้แล้วจะส่งผลกระทบต่อความตั้งใจต่อตัวผู้ป่วยให้กับโหมวยู่ไป เขานึกไม่ถึงว่าผลกระทบที่ยาชนิดนั้นส่งผลต่อตัวโหมวยู่จะหนักขนาดนี้
“คุณชายรอง ตอนนี้สภาพร่างกายของคุณแย่มาก ผมต้องการเวลาสองวัน คุณพักอยู่ที่นี่ไปอย่างสบายใจสักสองวันตกลงมั้ย”
น้ำเสียงของหลินจื้อหนักแน่น โหมวยู่เองก็มีความรู้สึกต่อสภาพร่างกายของตัวเองด้วยเหมือนกัน ตอนนี้ทั้งร่างของเขามันไร้เรี่ยวแรงไปหมด ถึงแม้ว่าจะออกไปก็ไร้หนทางที่จะปรากฏตัวต่อหน้าชางหลิงด้วยสภาพของคนปกติคนหนึ่งได้ด้วยเช่นกัน
โหมวยู่โบกมือส่งสัญญาณให้หลินจื้อออกไป
ตอนที่เขาพูดกับหลินจื้อ โทรศัพท์ในมือก็สั่นออกมาไม่หยุด สายของชางหลิงโทรเข้ามาต่อเนื่องกันมาสายแล้วสายเล่า เขาจนปัญญา ทำได้แค่เพียงส่งข้อความไปหาชางหลิงข้อความนึง
“ติ๊ง”
ชางหลิงได้รับข้อความหนึ่งมา เป็นข้อความที่โหมวยู่ส่งมา “หลิงเอ๋อ ผมจะไปจัดการงานด่วนของบริษัทที่ต่างประเทศ เป็นเด็กดีรอผมนะ”
“รับสาย” เธอรีบส่งข้อความกลับไปด้วยความรวดเร็ว ไม่ได้ยินเสียงของโหมวยู่เธอไม่สบายใจ
“เด็กดี ผมกำลังประชุมอยู่”
“ประชุมเสร็จรีบส่งวิดีโอมาให้ฉันทันที”
“งานทางนี้มันมีปัญหานิดหน่อย ต้องดึกๆหน่อยผมถึงจะมีเวลา”
“ฉันรอคุณ”
“ไม่ได้ นอนให้ตรงเวลา กินข้าวตามที่บอกแล้วหรือเปล่า?”
ทั้งสองคนคุยกันอยู่นาน หัวของโหมวยู่หนักอึ้ง โทรศัพท์ตกลงไปใต้เตียง เขาสลบไปอีกครั้ง
ชางหลิงเห็นเขาไม่ได้ตอบข้อความกลับมา ก็ไม่ได้รบกวนเขาอีก งานที่ต้องรีบออกไปจัดการขนาดนั้นมันจะต้องไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เขาคงจะยุ่งมากล่ะมั้ง
หลังจากผ่านไปสองวัน หลินจื้ส่งโหมวยู่ออกไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความจนใจ ก่อนไปก็พร่ำบ่นซ้ำๆออกไป “คุณชายรอง ยาทั้งหมดบรรจุเอาไว้ให้คุณเรียบร้อยแล้ว คุณจะต้องอย่าลืมกินยาตามเวลาที่บอกเอาไว้ด้วย”
โหมวยู่พยักหน้าออกมา รีบสาวเท้าเดินไปยังโรงรถชั้นใต้ดิน
โหมวยู่นั่งอยู่บนรถ ทันทีที่สตาร์ทรถ ก็เห็นเงาร่างผอมบางร่างหนึ่งพรวดพราดพุ่งเข้ามาหน้ารถของเขา
“พี่ยู่ ในที่สุดฉันก็หาพี่เจอ”
จี้เหยากวงใบหน้าเต็มไปด้วยคราบน้ำตา ตบลงที่หน้าต่างรถมาอย่างรีบร้อน เป็นสัญญาณให้โหมวยู่ร่นหน้าต่างรถลง
โหมวยู่ไม่อยากเสียเวลาอยู่กับเธอ แต่ข้างกายเขาไม่ได้พาการ์ดมาเลยสักคน จี้เหยากวงขวางอยู่ข้างหน้ารถตลอด เขาก็ไร้หนทางที่จะขับออกไปได้
“มีธุระ?”
ทั้งสองคนถกเถียงกันอยู่นานสักพัก โหมวยู่ถึงได้ร่นหน้าต่างรถลงไปด้วยสีหน้ามืดครึ้ม
“พี่ยู่ พี่ลืมไปแล้วเหรอว่าวันนี้เป็นวันอะไร?”
ดวงตาทั้งสองข้างของจี้เหยากวงแดงก่ำ เบ้าตาบวมแดงออกมา แค่มองก็คือเป็นสภาพที่ร้องไห้มานานแล้ว ชุดเดรสยาวสีขาวมันยิ่งทำให้เธอดูเหมือนว่าจะผอมบางน่าสงสารมากขึ้น ทำให้คนอื่นรู้สึกสงสารกันขึ้นมา