“ไปอาบน้ำ เหม็นกลิ่นเหงื่อชะมัด”
ชางหลิงเดินมาถึงข้างตัวของเขา พร้อมทั้งใช้มือตีโหมวยู่เล็กน้อย น้ำเสียงเหมือนสองตายายคู่ผัวตัวเมียกันเช่นนั้น
มุมปากโหมวยู่คลี่ยิ้มออกมา ร่างกายและหัวใจอันเหนื่อยล้าแต่เดิมนั้นพลันจุดไฟขึ้นทันที นัยน์ตาลึกซึ้งของเขามีแต่ชางหลิงอยู่เต็มเบ้าตา น้ำเสียงแหบพร่าจนเซ็กซี่ “ช่วยถอดเสื้อให้ผมหน่อย”
ท่ามกลางการรอคอยความหวานชื่นออดอ้อนของโหมวยู่อย่างเขินอายอยู่นั้น ชางหลิงก็ยิ้มให้และปลดกระดุมเสื้อสูทให้กับเขา ลมหายใจของกันและกันพ่นรดยังใบหน้าและลำคอของอีกฝ่าย บรรยากาศช่างดูคลุมเครือเหลือเกิน
ตอนที่ชางหลิงแกะกระดุมเสื้อเม็ดที่สามของโหมวยู่ นั้น ใบหน้าแดงระเรื่อของเธอพลันขาวโพลนลงฉับพลัน ดวงตาหม่นหมองพลันเปลี่ยนเป็นเฉียบคมขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด พลางดึงเสื้อและถามโหมวยู่ทันที “นี่มันคืออะไร?”
โหมวยู่มองรอยลิปสติกที่ไม่รู้ว่าปรากฏอยู่บนเสื้อของตนเองตอนไหนกัน พลันไม่รู้ว่าจะอธิบายว่าอย่างไรดี
เขาก็ไม่อยากจะโกหกชางหลิง ทว่ารอยลิปสติกสีแดงที่ปรากฏอยู่บนเสื้อนั้นตกลงแล้วมันมาจากไหน เขาก็ไม่สามารถจับต้นชนปลายอธิบายได้จริงๆ
“คุณให้เวลาผมสักหน่อย ผมจะไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้”
โหมวยู่กุมกำหมัดเล็กๆที่เริ่มสั่นของชางหลิงเอาไว้ ในใจหวาดกลัวยิ่งนัก เขามีความลางสังหรณ์อย่าแรงกล้า ว่าการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขระหว่างเขากับชางหลิงมันมาถึงสุดทางแล้ว
การใช้ชีวิตเช่นนี้เขาเพิ่งจะผ่านไปไม่กี่วันเอง เขาไม่อยากจะจบลงเร็วขนาดนี้ เขาปล่อยไม่ได้ เขาไม่เต็มใจ
“ได้ คุณไปตรวจสอบอย่างเร็วเลย ถ้ายังตรวจสอบไม่รู้เรื่องอย่าเข้ามาในคอนโดฉันอีก ฉันกลัวว่าคุณจะมาทำให้ที่นี่ต้องพลอยสกปรกไปด้วย”
ใบหน้าของชางหลิงซีดเผือด หลังจากฝืนทนกับอารมณ์โกรธที่พูดออกมาแล้วนั้น ก็มีอาการตีกลับพะอืดพะอมขึ้นมาจากกระเพาะอาหาร เธอรีบวิ่งเข้าห้องน้ำอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็อาเจียนออกมาจนหมดไส้หมดพุง
จนสุดท้ายอาเจียนออกมาเหลือแต่น้ำเปรี้ยวๆ ทว่าเธอเองก็ยังคงพะอืดพะอมจนไม่ไหว
เมื่อคิดว่าโหมวยู่ตัวติดกับเธอตลอด 24 ชั่วโมง ยังจะมีเวลาไประบายความใคร่กับผู้หญิงคนอื่น เธออดไม่ได้จนอยากจะอาเจียนออกมา เพื่อเอาอาหารที่เธอกับโหมวยู่กินด้วยกันอาเจียนออกมาให้หมด
ขณะที่ชางหลิงอาเจียนจนหมดไส้หมดพุงอยู่นั้น โหมวยู่เอาแต่ยืนเฝ้าอยู่นอกห้องน้ำเพื่อมองเธออยู่เงียบๆ
จนตัวเธอรู้ตัวพบว่าทุกครั้งที่ชางหลิงเหลือบมองมาทางเขาแล้ว ก็จะอาเจียนหนักกว่าเดิม จนอดไม่ได้ต้องเรียกให้ป๋ายจื๋อกับหลินจื้อมา ส่วนตัวเขาเองนั้นแอบหลบอยู่ตรงทางบันไดข้างห้องคอนโดอยู่เงียบๆ
“คุณดูแลเธอแบบนี้เหรอ?”
เมื่อได้ยินเสียงชางหลิงโก่งคออาเจียนอย่างเจ็บปวด แววตาของป๋ายจื๋อเหลือบมองโหมวยู่แวบหนึ่ง หลังจากที่ตัดสินใจเอาเองแล้วว่าต่อไปจะไม่เอาชางหลิงกับเด็กให้กับผู้ชายที่พึ่งพาไม่ได้อีกแล้ว
“ขอโทษด้วย นายดูแลเธอให้ดีๆ”
โหมวยู่รู้สึกอายจนต้องหลบสายตาป๋ายจื๋อ เขาไม่ได้ดูแลชางหลิงให้ดีๆจริงๆ
“ป๋ายจื๋อ กลับมาแล้วเหรอ ปิดประตูให้สนิท ไม่ให้ใครหน้าไหนเข้ามาทั้งนั้นแหละ”
หลังจากรู้สึกพะอืดพะอมกับโหมวยู่แล้ว ตอนนี้ชางหลิงหลีกเลี่ยงกลุ่มคนที่อยู่รอบๆ ตัวโหมวยู่ ยืนกรานว่าไม่ต้องการเจอหน้า
หลังจากกินโจ๊กเปล่าที่ป๋ายจื๋อต้มให้ และกินพวกกับข้าวเรียกน้ำย่อยไปได้หลายคำ พลังของชางหลิงในที่สุดก็กลับมาดีขึ้นหน่อย
เธอเดินไปยังห้องรับแขก ก็เห็นว่าเสื้อเชิ้ตสีขาวตัวนั้นของโหมวยู่ที่ไม่ได้เอาไปด้วย
บนเสื้อผ้ามีแต่กลิ่นกายของโหมวยู่ ชางหลิงเอาลิปสติกที่ใส่ไว้ใต้กล่องออกมาจากนั้นก็ทาลงบนริมฝีปากของตนเอง พร้อมกับจูบลงบนเสื้อ ผลที่ได้คือรอยลิปสติกที่อยู่ข้างๆ กันช่างละม้ายคล้ายคลึงกันมาก
เธอกอดความหวังสิ่งสุดท้ายเอาไว้พร้อมทั้งมองรอยลิปสติกทั้งสองรอยที่อยู่บนเสื้อเชิ้ตอย่างละเอียดถี่ถ้วน ยิ่งมองก็ยิ่งหนาวเหน็บ เมื่อเห็นลักษณะรอยริมฝีปากของลิปสติกทั้งสองรอยที่มองผ่านแว่นขยายอย่างชัดเจนแล้ว
คนที่สามารถใช้รอยลิปสติกประทับไว้ด้านในตัวเสื้อของโหมวยู่นั้น เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าการใกล้ชิดขนาดนี้จะเป็นเพื่อนกันธรรมดา
ไม่นานนักหลินจื้อที่ถูกโหมวยู่เร่งรัดก็มาถึงด้านนอกคอนโดของชางหลิง ป๋ายจื๋อไม่ไว้หน้าเลยสักนัด พร้อมทั้งไล่ตะเพิดคนออกจากประตูทันที
หลินจื้อมองประตูใหญ่ปิดสนิทต่อหน้าต่อตา พลางหันมองคุณชายรองโหมวที่นั่งหมดอาลัยตายอยากอยู่ตรงบันได จู่ๆ ก็รู้สึกว่าคุณชายรองโหมวช่างน่าสงสารอยู่บ้าง
ความคิดไร้สาระฉุกคิดขึ้นมา หลินจื้อหัวเราะเยาะตัวเอง จากนั้นก็เดินไปยังด้านข้างของโหมวยู่แล้วพูดขึ้นมา
“คุณชายรอง คุณหนูชางไม่ให้ผมเข้าไป งั้นให้ผมพาตัวคุณกลับไปพักที่ศูนย์ฯของผมก่อนไหม เพราะสภาพของคุณตอนนี้มันย่ำแย่มาก”
ดวงตาอันว่างเปล่าของโหมวยู่พยักหน้ามา พลางถูกหลินจื้อพาตัวเขาไปยังศูนย์ฯด้วยอาการอยู่ในภวังค์
เมื่อมาถึงประตูใหญ่ของเป่ยเม้าโก๋จี้โหมวยู่ก็กระอักเลือดออกมา จากนั้นก็ล้มคว่ำทิ้งน้ำหนักตัวไปทางด้านหน้าทันที
โชคดีที่หลินจื้อเป็นคนมือไวไหวพริบดี สามารถประคองตัวเขาเข้าไปยังห้องผ่าตัดพิเศษในทันที
ในห้องผ่าตัดนั้น หลินจื้อประเมินอาการของโหมวยู่ที่นอนอยู่บนเตียงผ่าตัดแล้วหนึ่งรอบ พลางควักโทรศัพท์ที่สั่งทำรุ่นพิเศษขึ้นมาเพื่อส่งข้อความออกไป
“เมื่อไหร่จะจัดการกับเหยื่อ?”
ข้อความของเขาเพิ่งจะส่งออกไปเอง ก็ได้รับข้อความตอบกลับมาทันที “ไม่รีบ”
หัวคิ้วของโหมวยู่ย่นหากันเล็กน้อย ท่วงท่าราวการแสดงงานทางศิลปะอันสง่างาม และเริ่มทำการสอดท่อต่างๆ ลงบนตัวโหมวยู่ทีละชิ้น
สามวันเต็มๆ หลังจากที่โหมวยู่ออกไปแล้วก็ไม่ได้โทรศัพท์ติดต่อชางหลิงมาเลยสักครั้ง กระทั่งข้อความขอโทษเป็นห่วงเป็นใยก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ
เธอคุ้นชินกับการอยู่คอนโดห้องชุดนี้กับป๋ายจื๋อมาก่อนหน้านี้แล้ว ทว่าการที่โหมวยู่หายตัวไปดื้อๆนั้น ชางหลิงมักรู้สึกว่าคอนโดห้องชุดนี้ขาดอะไรไปสักอย่าง
หลังจากที่สงบนิ่งลงแล้ว ชางหลิงก็รู้สึกว่าวันนั้นที่เธอทำมันวู่วามไปบ้าง เลยอยากจะคุยกับโหมวยู่ดูสักครั้ง
ความสุขเช่นนี้มาแบบปัจจุบันทันด่วนเกิน เธอไม่อยากจะปล่อยมือไปง่ายๆเช่นนี้?
ไม่ว่าจะต้องจบความรู้สึกเช่นนี้ก็ตาม เธอก็อยากให้ตัวเองเข้าใจถ่องแท้ก่อนจากไป แต่ไม่ใช่การจบแบบลวกๆเช่นนี้
หลังจากที่สงบสติอารมณ์ลงได้ ชางหลิงส่งข้อความหาซูเสี่ยวเฉิงกับถงเอิน เพื่อถามฉู่ฉือกับหลีซินว่าหลายวันมานี้ได้เห็นโหมวยู่บ้างไหม
ข้อความของชางหลิงเพิ่งส่งไปเอง ซูเสี่ยวเฉิงก็ตอบกลับมาทันที “เสี่ยวหลิงหลิงขอร้องแกล่ะนะช่วยพูดแทนหลีซินของฉันต่อหน้าคุณชายรองโหมวให้น่าฟังสักหน่อย เขาเหนื่อยเจียนจะตายอยู่แล้วเสี่ยวหลิงหลิง วันที่ 20 พฤษภาคมแกจะไปงานแต่งหรือว่าแกจะไปงานศพก็อยู่ที่ดุลพินิจของแกแล้วแหละ”
“หลายวันมานี้โหมวยู่ไม่ได้ไปที่Nova เลยเหรอ?”
บรรดาพี่น้องของพวกเขาพอเกิดอารมณ์ไม่ดีเข้าก็ไม่ใช่ว่าชอบไปผ่อนคลายที่คลับ nova เหรอ?
“หลีซินไม่ได้เจอหน้าโหมวยู่เกินครึ่งเดือนแล้ว จนกดดันตัวเองเป็นพิเศษ กลัวว่าจู่ๆ โหมวยู่กลับมาแล้วจะแสดงอาการไม่พอใจกับเขา”
จิตใจของชางหลิงเหนื่อยเหลือทนไม่มีความคิดจะไปเอาใจอารมณ์ความรู้สึกของซูเสี่ยวเฉิง พร้อมทั้งถามกลับทันที “หลายวันมานี้โหมวยู่ไม่ได้กลับไปที่บริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปเหรอ?”
“ไม่มีนะ? คุณชายรองโหมวไม่ได้มานานแล้ว แต่ถ้าเป็นคุณชายฉี ช่วงนี้ฉันเห็นเขาที่บริษัท เซิ่งซื่อ กรุ๊ปอยู่สองครั้ง”
ประโยคหลังของซูเสี่ยวเฉิงไม่เข้าหูชางหลิงสักคำ จากนั้นก็คุยเรื่องงานแต่งกับเธอ พลันถงเอินก็โทรศัพท์เข้ามาหาพอดี
“โทรหาฉันมีธุระเหรอ คุณชายรองโหมวของแกหายตัวไปอีกแล้วเหรอ?” น้ำเสียงอันเหนื่อยล้าของถงเอินปะปนด้วยอาการหยอกล้อเล็กน้อย
“สองสามวันนี้ฉู่ฉือเจอเขาหรือเปล่า” ชางหลิงถามตรงๆเลย
“ไม่ได้เจอนะ ฉู่ฉือไม่ได้เจอคุณชายรองโหมวมานานมากแล้ว หรือว่าเขาเสพติดกับผลักภาระการควบคุมงานแล้ว ขนาดงานแต่งงานเรื่องใหญ่โตขนาดนั้นก็ยังมอบอำนาจให้ฉู่ฉือเข้าไปจัดการแทน ทำอย่างกับว่าพวกเราสองคนกำลังจัดงานแต่งงานเช่นนั้นเลย” ถงเอินยัดขนมขบเคี้ยวเข้าปาก พร้อมทั้งเผลอบ่นออกมาด้วย
“งานแต่งอะไร?”
โหมวยู่ถึงขั้นแอบให้ฉู่ฉือเตรียมงานแต่งงานให้ เธอไม่รู้เรื่องสักนิดเลยเหรอ?
“ก็ต้องเป็นงานแต่งของแกกับคุณชายรองโหมวไง หรือว่าจะเป็นงานแต่งของฉันล่ะ?”