ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก – บทที่ 326 มาขอบคุณ คุณนี่แหละ

บทที่ 326 มาขอบคุณ คุณนี่แหละ

ชางหลิงพุ่งเข้าไปในห้องของป๋ายจื๋ออย่างร้อนรน พร้อมทั้งควานหาจุดสีเขียวเล็กๆ บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่อย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็หาไม่เจอ จุดสีเขียวเล็กๆ นั่นไม่ปรากฏขึ้นมาอีกเลย

“หายไปตั้งแต่ตอนไหนเนี่ย?” สีหน้าของเธอไม่สู้ดีนักพร้อมทั้งถามป๋ายจื๋อที่คอยเฝ้ามองหน้าจอคอมพิวเตอร์อยู่ตลอดเวลา

“ตอนที่ออดประตูดัง รถของเขาก็เคลื่อนตัวออกไปแล้ว”

ร่างกายของโหมวยู่น่าจะเกิดอาการอยู่ในภาวะฉุกเฉิน เพื่อไม่ให้ชางหลิงกอดคอยความหวังอย่างคนโง่ ป๋ายจื๋อจึงตัดขาดความหวังสุดท้ายของเธอออกไปโดยสิ้นเชิง

“ไปแล้ว”

ชางหลิงกำหมัดแน่น โมโหจนเกือบจะระเบิดอารมณ์ออกมา นี่โหมวยู่เขาต้องการสื่อความหมายว่าอะไรกันแน่ ทั้งๆ ที่อยู่ใต้ตึกแล้ว แต่ไม่ยอมเสนอหน้าให้เห็นแต่ไปดื้อๆ แบบนี้เลย

มาถึงขั้นโหมวยู่ไม่ยินยอมจะเจอหน้าเธอ งั้นเธอก็ไปหาเขาสิ “เราไปหาเขากัน”

ชางหลิงหยิบเสื้อกันลมตัวยาวออกมาคลุมตัว จากนั้นก็เปลี่ยนรองเท้าเป็นส้นเตี้ยและพาป๋ายจื๋อออกจากบ้านไป

หลังจากที่ทั้งสองคนขึ้นรถแล้ว ชางหลิงก็พูดอย่างเด็ดเดี่ยว “ไปเป่ยเม้าโก๋จี้”

ป๋ายจื๋อหันกลับมาชำเลืองมองเธอ แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก พลางขับรถออกอย่างเงียบงัน ฝีมือในการขับรถของป๋ายจื๋อนั้นดีมาก ขับรถเร็วแต่ก็นิ่งมากเช่นเดียวกัน ตอนที่รถยนต์ของพวกเขามาถึงประตูด้านนอกเป่ยเม้าโก๋จี้ ก็เห็นรถยนต์ของโหมวยู่ขับมาอยู่ไกลๆ

หลินจื้อเห็นชางหลิงกับป๋ายจื๋อยืนอยู่ตรงประตูของเป่ยเม้าโก๋จี้อยู่ไกลๆ ตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ เขาไม่คิดเลยว่าชางหลิงจะไล่ตามมาถึงที่นี่

ด้านข้างหลินจื้อในเวลานี้ โหมวยู่เอนศีรษะพิงกับรถยนต์อย่างไร้เรี่ยวแรง เหงื่อไหลแตกพลั่กท่วมศีรษะ ริมฝีปากซีดเผือดไม่มีสีเลือดสักนิด ทุกครั้งที่หายใจเข้าก็ยากลำบากเหลือเกิน

“คุณชายรองโหมว คุณหนูชางมาแล้ว”

เมื่อมองสภาพร่างกายอันย่ำแย่ที่สุดของโหมวยู่ที่อยู่ด้านข้างแล้ว หลินจื้อหน้าถอดสีทันที

เขาก็แค่คิดอยากแอบทำเรื่องที่ควรจะทำ ทว่าสภาพในเวลานี้อยู่เหนือการควบคุมไปเรื่อยแล้ว ไม่ว่าจะเป็นนายท่านโหมวเอย ชางหลิงเอย คนเหล่านี้ต่างวิ่งเข้าหาคนแล้วคนเล่า ช่างเป็นอุปสรรคเสียจริง

“เอายามาให้ฉัน”

อารมณ์ของหลิงชางเขาเข้าใจที่สุด วันนี้ไม่เจอเขาเรื่องนี้ไม่มีทางจบแน่ๆ

หลังจากกลืนยาฝ่ามือถนัดเข้าไปแล้ว สีหน้าของโหมวยู่ก็ดีขึ้นมา แววตาของเขากลับมาเป็นเฉียบคมชัดเจนเหมือนเดิม พร้อมทั้งถามกลับอย่างไม่ถูกใจสักเท่าไหร่

“หลินจื้อ ร่างกายของฉัน ….”

“ไม่ได้เด็ดขาด คุณชายรองโหมว ยาเหล่านี้ไม่สามารถให้คุณได้อีกแล้ว”

หลินจื้อเข้าใจความหมายของโหมวยู่ เขาปฏิเสธทันควันโดยที่ไม่ต้องคิดอะไรด้วยซ้ำ ถ้าวันนี้โหมวยู่ไม่ได้พาเขาไปหานายท่านโหมวที่คฤหาสน์ตระกูลโหมวแล้ว บางทีเขาอาจจะกล้าจ่ายยาให้กับเขาอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นสายตาอาฆาตมาดร้ายของนายท่านโหมวที่จ้องมองมาที่เขาด้วยตาของตัวเอง พลันลบทิ้งความคิดนี้ไปโดยสิ้นเชิง

แม้ว่าแผนการนั้นจะสำคัญมากก็ตาม เรื่องแรกคือเขาต้องเพลิดเพลินกับการใช้ชีวิต ไม่งั้นการทำชุดแต่งงานก็เท่ากับเหมือนทำทุกสิ่งทุกอย่างให้คนอื่นแทน

“รู้แล้ว”

โหมวยู่นวดตรงสันจมูก เพื่อคิดว่าอีกเดี๋ยวจะพูดคุยกับชางหลิงอย่างไรดี

“คุณชายรองโหมว เดี๋ยวคุณอย่าเพิ่งลงรถ”

ชางหลิงกับป๋ายจื๋อยืนอยู่ข้างถนนยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อย หลินจื้อเสนอหน้าเตือนออกไปประโยคหนึ่ง

โหมวยู่อยากจะถามว่าเพราะอะไร พลันรู้ตัวว่ากางเกงของตนเองเปียกแฉะจนเคอะเขินเล็กน้อย จากนั้นเขาเลยกระแอมออกมาอย่างไม่รู้ตัว “อืม”

เมื่อเห็นว่ารถของโหมวยู่ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆแล้ว ในใจของชางหลิงก็มีคำพูดมากมายที่อยากจะพูดคุยกับเขา แต่ว่าไม่รู้ว่าจะเริ่มพูดประโยคไหนก่อนดี

เธอยังไม่ทันได้อ้าปากเลย ก็เห็นกระจกหลังรถค่อยๆ ลดระดับลงจนมีช่องเล็กปรากฏให้เห็น น้ำเสียงการถามกลับมาของโหมวยู่นั้นช่างเย็นเฉียบ “มีธุระเหรอ?”

ใบหน้าครึ่งซีกของเขานั้นดูเย็นชาเหลือเกิน ชางหลิงเห็นช่องว่างเล็กๆ ช่องนั้นตรงกระจกรถยนต์ หัวใจที่พองโตอยู่ก่อนแล้วพลันถูกเผาจนมอดไหม้จนกลายเป็นความหนาวเหน็บแทน

“มาขอบคุณ คุณนั่นแหละ ที่บอกว่าจะให้ทรัพย์สินก็ให้ดื้อๆ เลย คุณชายรองโหมวนี่ช่างใจป้ำจริงๆ”

ถ้อยคำแห่งความอบอุ่นและความเสน่หาหมื่นล้านคำที่อยู่ในใจที่มีอยู่เดิมนั้นกลับถูกแทนที่ด้วยคำพูดประโยคการเยาะเย้ยที่ไม่เจ็บปวดหรือกัดเซาะใจแต่อย่างใด

“ไม่ต้องเกรงใจ”

โหมวยู่หันชำเลืองมองชางหลิงแวบเดียว จากนั้นก็เบนสายตาหนีอย่างรวดเร็ว เพราะเขากลัวว่าหากตนเองยังมองต่อไปต้องกลับไปกับเธอโดยไม่คำนึงหรือสนใจสิ่งใดแน่

“ออกรถ” อาศัยเรี่ยวแรงสุดท้ายที่คงเหลืออยู่ โหมวยู่พูดออกมาสองคำอย่างเย็นยะเยือก

เหมือนว่าวินาทีที่โหมวยู่สั่งให้ออกรถจนเลยขอบเขตการมองเห็นของชางหลิงไปแล้ว โหมวยู่ก็กระอัก จนเลือดสดๆ ไหลออกจากปากจากนั้นก็เป็นลมนอนกองอยู่บนเบาะหลัง

หลินจื้อประคองตัวโหมวยู่เอาไว้จนตัวสั่น เขารู้ว่าใช้ยาชนิดนี้แล้วจะทำให้ร่างกายของโหมวยู่เข้าขั้นส่อไปในทางร้ายได้อย่างรวดเร็ว ทว่าขั้นตอนการเปลี่ยนไปในทางร้ายมันเร็วมากเหนือกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้มาก พลันนึกถึงแววตาอันเฉียบแหลมของนายท่านโหมวแล้ว จู่ๆ เขาก็หวาดกลัวขึ้นมาทันที

ร่างกายของโหมวยู่ถึงขั้นนี้แล้ว เขายังไม่ต้องลงมือหรอก รักษาอาการของเขาให้ดีๆ เพราะถึงอย่างไรเขาก็อดทนได้ไม่นานเท่าไหร่แล้ว ถึงเวลานั้นโหมวยู่ตายไป นายท่านโหมวมาตามตรวจสอบเขาก็ไม่ต้องคอยหวาดหวั่นพรั่นพรึงตามหลัง

พลางใช้ความรวดเร็วในการประคองโหมวยู่ให้เข้าไปในศูนย์การรักษาทางการแพทย์ของตนเองแล้ว หลังจากวุ่นวายอยู่สักพักแล้ว ในที่สุดอาการของโหมวยู่ก็สามารถทรงตัวลงได้ หลินจื้อนั่งอยู่เก้าอี้ข้างเตียงคนไข้ พร้อมทั้งถอนหายใจโล่งอกยาวๆ ออกมา

หลังจากพักอยู่หลายนาทีแล้ว เขาก็รีบจัดการเรื่องที่ลงมือทำก่อนหน้านี้ตั้งแต่ต้นลบจนหมดเกลี้ยง และนำสิ่งของที่ไม่ควรจะเก็บไว้ทำความสะอาดจนเกลี้ยงเกลา ถึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอกสักที

ชางหลิงลืมเรื่องเมื่อวานนี้ไปแล้วว่าตนเองกลับมาที่คอนโดได้อย่างไร ที่จ้องมองท้ายรถของโหมวยู่ออกตัวฝุ่นไม่ทิ้งท้ายไว้เลย ความเจ็บปวดที่อยู่ในหัวใจของเธอยิ่งเพิ่มมากขึ้น ร่างกายสั่นเท่า เหมือนว่าป๋ายจื๋อเป็นคนประคองเธอตลอดการเดินทางกลับมา

รอจนถึงเวลาที่ชางหลิงตื่นแล้ว ก็เป็นช่วงเวลาเพลของวันถัดไปแล้ว ความหิวตามเวลาของเธอจนทำให้ท้องร้องจ๊อกๆ ไม่ต้องคิดอะไรให้มากทั้งนั้นแหละ พร้อมทั้งจัดการกินอาหารหลากอย่างอันเลิศรสที่วางเพียบพร้อมอยู่บนโต๊ะอย่างตะกละตะกลาม

เมื่ออิ่มท้องแล้ว ร่างกายก็กลับมาดีขึ้น ชางหลิงถึงได้รู้ตัวว่าตนเองกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งแล้ว

“ป๋ายจื๋อ นายว่าอีผู้ชายสันดานหมาคนนั้นทำไมจิตใจถึงได้ร้ายกาจแบบนี้นะ”

ชางหลิงโมโหโหมวยู่ พลันพลั้งปากสบถด่าหยาบคายออกมาต่อหน้าป๋ายจื๋อ

ป๋ายจื๋อ :……

ผู้ชายสันดานหมาเหรอ?

น่าจะไม่เกี่ยวข้องกับเขามั้ง!

ถ้าวันหนึ่งชางหลิงรู้ว่าความจริงแล้วเขาก็เป็นผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย น่าจะแสดงอาการไม่ได้ดีไปไหนหรอกกับเขาแน่

เมื่อเห็นสีหน้าของป๋ายจื๋อดูไม่ได้เลย ชางหลิงเลยรีบปลอบใจทันที

“เฮ้อ นายอย่าได้คิดมากเลย ฉันพูดถึงโหมวยู่ ป๋ายจื๋อของเราน่ารักทำได้ทุกอย่างขนาดนี้ เป็นเด็กผู้ชายที่น่ารักที่สุดแล้ว ไม่เหมือนกับผู้ชายสันดานหมาพวกนั้นเลย”

คำอธิบายของชางหลิงยิ่งทำให้สีหน้าของป๋ายจื๋อแปลกประหลาดยิ่งขึ้น ได้แต่นั่งเงียบๆ อยู่ด้านข้างไม่ได้พูดอะไร การที่ชางหลิงคอยพร่ำบ่นออกมาอยู่คนเดียวมันช่างไม่มีความหมายเลย ทำได้แต่เดินไปนั่งดูซีรี่ย์เก่าๆ อันแสนน่าเบื่อในห้องรับแขกแทน

เธอหยิบรีโมทกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อย ยิ่งดูก็ยิ่งเบื่อ จนสุดท้ายกดปิดโทรทัศน์ไปอย่างหงุดหงิด พลางหยิบนิตยสารเล่มที่ใหม่ที่สุดติดมือขึ้นมาหนึ่งเล่ม

เริ่มมีการออกแบบผลิตภัณฑ์รูปแบบใหม่ๆ หลายอันออกมาจนสามารถดูดดึงสายของชางหลิงได้ อารมณ์ความหงุดหงิดของเธอสงบลงทันที ห้องรับแขกเงียบสนิทลง บางครั้งก็มีเสียงเปิดหนังสือดังออกมา

“ติ๊งต่อง!”

ทันใดนั้น ออดประตูคอนโดก็ดังขึ้น

ป๋ายจื๋อสาวเท้าเดินไปยังบริเวณข้างประตู หลังจากเปิดประตูแล้วก็พูดทักทายทันที “คุณโหมว ไม่ได้เจอกันเสียนาน” โหมวยู่เหรอ ดวงตาของชางหลิงทอประกายออกมา พลางเงยหน้าขึ้นมาด้วยความหวัง

เมื่อเขาเห็นผู้ชายที่เดินจากด้านนอกเข้ามาด้านใน ณ เวลานั้น แววตาที่ทอประกายอยู่พลันดับวูบลงทันที จนไม่สามารถปกปิดอาการผิดหวังที่อยู่บนใบหน้าได้

“ผิดหวังแล้วสิ นี่กำลังรอน้องอยู่ใช่ไหม” โหมวฉียิ้มให้ น้ำเสียงหยอกล้ออย่างอ่อนโยน

“เปล่า ทำไมคุณชายฉีถึงตั้งใจมาที่นี่ได้ล่ะ?”

น้ำเสียงของชางหลิงเรียบเฉยตามปกติ แต่ไม่อยากพูดเรื่องของโหมวยู่กับโหมวฉีให้มากนัก

“ขาผมหายดีแล้วนะ เลยถือโอกาสมาดูคุณหน่อย”

สีหน้าของโหมวฉียังคงเป็นใบหน้ามีแต่รอยยิ้มอย่างไร้ที่ติ มองไม่ออกว่าอยู่ในอารมณ์ไหน แต่ว่าชางหลิงมักรู้สึกว่าวันนี้เขาไม่เหมือนเดิมแล้ว

หรือเหตุผลเป็นเพราะว่าขาของเขาหายดีแล้วเหรอ?

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

ท่านบอสยิ่งเลวฉันยิ่งรัก

Status: Ongoing

เธอสุขใจมากล้นเตรียมที่จะแต่งงานกับแฟนหนุ่มที่คบกันมาหลายปี แต่คืนก่อนวันแต่งงานกลับรู้ว่าแฟนหนุ่มนอนกับน้องสาวต่างสายเลือดด้วยความโกรธครอบงำชางหลิงใช้เงินซื้อผู้เชาย หลังเมาก็ร้องจะนอนกับเจ้าของคลับ ยังถูกคนหลอกแต่งงานเมื่อตื่นขึ้นมา ไม่คาดว่าถูกคนกลับเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ เฮียคือใครกันนะ“ยมบาลแสนเย็นชา”ซึ่งอยู่ทั้งสายขาวสายดำแห่งเมืองหนานที่ทุกคนต่างเกรงกลัว แถมยังเป็นผู้นำที่มีอำนาจทั้งตระกูลโหมวและในบริษัทเซิ่งซื่อกรุ๊ปแต่ข่าวลือว่ากันว่าเขาไม่เข้าใกล้ผู้หญิงไม่ใช่หรอ เขาชอบผู้ชายด้วยกันไม่ใช่หรอแต่ทำไมถึงเป็นเพราะผู้หญิงอ่อนแออย่างเธอถึงกับทุกวันไม่อยากลงจากเตียง จริงอย่างคาดคิด ข่าวลือล้วนแต่หลอกลวงโดยสิ้นเชิง

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท