มองเห็นสต๊อกในร้านสตูดิโอเวดดิ้งที่จำนวนตัวเลข 9 หลักขึ้นไปแล้ว หลิงชางถึงกับปวดใจทันที เจ้าของกิจการคนไหนเนี่ยถึงได้มีเงินมากมายขนาดนี้ แล้วเปิดสตูดิโอเวดดิ้งอันแสนหรูหรามั่งคั่งเช่นนี้ได้
“เสี่ยวหลิงหลิงแกรีบเข้ามาช่วยฉันดูเร็ว ชุดนี้สวยไหม”
ชางหลิงเองยังประหลาดใจที่เวดดิ้งสตูดิโอนี้มีชุดเจ้าสาวสีส้มที่เตรียมไว้พร้อม แถมชุดเจ้าสาวชุดนี้สั่งตัดมาเป็นไซต์ของซูเสี่ยวเฉิง แถมโครงสร้างยังสวยสมบูรณ์แบบจนสะดุดตาชวนให้เธอหลงใหล ยิ่งงานปักขนาดใหญ่ที่หน้าอกจนสามารถปิดบังรอยแผลเป็นก่อนหน้านี้ของเธอได้อย่างมิดชิด
ชุดแต่งงานช่างพอดีตัวมากเลย จู่ๆ ชางหลิงก็มีความคิดอันกล้าบ้าบิ่นออกมา
“สวยมากเลย เสี่ยวเฉิงจื่อ ตัวนี้แกออกแบบเองใช่ไหม?”
“ไม่เสียแรงที่เป็นเพื่อนสนิทของฉันที่สุด ทายถูกต้องแล้วแหละ ฉันเป็นคนออกแบบชุดแต่งงานเองนะ และฉันเป็นคนปักเองกับมือ แต่ว่าฉันยืมตัวผ้ากับสถานที่ของสตูดิโอ เจ้าของสตูดิโอร้านนี้ดีมากเลย เก็บแค่ตัวผ้าของฉันเท่านั้นเอง”
ซูเสี่ยวเฉิงลากชางหลิงมาและพูดไม่หยุดปาก ชางหลิงเองก็แปลกใจมาก เจ้าของกิจการที่เปิดร้านใหญ่โตขนาดนี้หรือว่าเขาไม่ต้องการหารายได้เหรอ? แต่เธอกลับไม่คิดว่าเป็นเจ้าของร้านที่ดีสักนิด
“ฉันตัดมาสองชุด แกก็ลองใส่ดู” ซูเสี่ยวเฉิงกลอกดวงตาอันมีชีวิตชีวา และยิ้มออกมา
“ฉัน ไม่ต้องแล้วแหละ” ชางหลิงไม่ค่อยอยากทรมาน หลังจากที่ตั้งท้องแล้วเธอก็ยิ่งขี้เกียจขึ้นเรื่อยๆ
“โอ้โห เสี่ยวหลิงหลิงแกอย่าทำแบบนี้สิ หรือรู้สึกว่าฉันออกแบบได้ไม่ดีเท่ากับแกเหรอ ชุดแต่งงานที่ฉันออกแบบมันไม่คู่ควรกับการที่แกจะใส่ใช่ไหม”
ตอนแรกซูเสี่ยวเฉิงก็แค่อยากจะใช้การกระตุ้นนี้ทำให้ชางหลิงไปลองชุดเจ้าสาว แต่ไม่คิดเลยว่าพอพูดไปพูดมากลับแสบจมูกเสียเอง ยิ่งพูดก็ยิ่งน้อยใจไปเรื่อยๆ
“กลัวแกแล้วแหละ ฉันไปลองชุดก็ได้แล้วใช่ไหม?”
ชางหลิงหยิบทิชชูปาดหางตาแดงๆ ของซูเสี่ยวเฉิง พลางเดินเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างหมดคำพูด
เมื่อมองชุดแต่งงานโบราณสีแดงสดที่อยู่ด้านในกับชุดเครื่องประดับครบชุดแล้ว น้ำตาของชางหลิงก็ไหลออกมาอย่างอดไม่ได้
ระยะนี้เธอไม่มีเวลาที่จะมาทำชุดเจ้าสาว คิดไม่ถึงเลยที่ซูเสี่ยวเฉิงจะเตรียมชุดแต่งงานไว้ให้เธอตั้งแต่แรก
งั้น หรือว่าคนอื่นต่างก็รู้กันหมดแล้วว่าวันที่ 20 เดือนพฤษภาคมเธอจะแต่งงานกับโหมวยู่ เหลือแค่เธอคนที่เป็นเจ้าของงานยังคงโง่ไม่รู้เรื่องอยู่
ทั้งตื่นเต้นและรอคอยพลางเปลี่ยนชุดแต่งงานสีแดงสดทันที และจ้องมองหญิงสาวที่สวยตามที่ตนเองคิดไว้อยู่ในกระจก ชางหลิงถอนหายใจทันที ที่แท้วันที่เด็กผู้หญิงใส่ชุดแต่งงานในวันนั้นคือวันที่สวยที่สุด
ซูเสี่ยวเฉิงจ้องมองผลงานที่ตนเองออกแบบที่แสดงผลงานอยู่บนตัวของเพื่อนสนิทอย่างพอใจที่สุด เป็นครั้งแรกที่เธอมีความสุขกับการได้เรียนการออกแบบ
ทั้งสองคนสบตากันและมองกันโง่ๆ อยู่สักพัก จากนั้นซูเสี่ยวเฉิงเลยพูดต่อ “น่าเสียดายนักที่หลีซินมัวแต่ยุ่งอยู่กับงานไม่เห็นตัวเขาเลย ชุดเจ้าบ่าวฉันยังไม่เห็นผลงานเลย”
ชางหลิงปิดปากเหมือนรู้ตัว นี่เสี่ยวเฉิงจื่อกำลังแขวะเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นในคลับ Nova ของโหมวยู่
ที่มัวแต่เที่ยวเล่นจนเพลิดเพลินไม่สนใจใยดีอะไรทั้งสิ้นและหายตัวไป แล้วเธอจะทำอย่างไรได้ เธอเองก็ไม่เจอโหมวยู่เหมือนกัน
“ช่างเถอะ อย่าพูดเรื่องที่ไม่สบายใจเลย เฮ้อ ฉันว่ารูปร่างของป๋ายจื๋อก็หลีซินก็ใกล้เคียงกันอยู่นะ ให้ป๋ายจื๋อมาช่วยลองดูสักหน่อยเอาไหม? ฉันอยากจะเห็นผลลัพธ์ของทั้งชุดนิดเดียวเอง”
หลิงชางไม่มีวิธีสามารถปฏิเสธได้เลย ได้แต่ส่งสายตาขอร้องไปหาป๋ายจื๋อ หน้าของป๋ายจื๋อเกร็งขึ้นมาทันที จนสุดท้ายก็ได้ถือชุดสูทเข้าห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเงียบๆ
“ฉันก็ออกแบบชุดเจ้าบ่าวในเซทชุดแต่งงานของแก ลองดูสักหน่อยเถอะ แล้วทำทรงผมให้แกนิดหน่อย ใส่มงกุฎเจ้าสาวด้วย”
ซูเสี่ยวเฉิงพูดอย่างสนุกสนาน ชางหลิงก็ไม่ทันห้ามเธอก็ไปถามกับพนักงานที่ร้านอย่างคล่องแคล่วทันที ว่าทางนี้มีผู้ชายที่ตัวสูงใหญ่อยู่ไหม แถมยังพูดระบุไปอีกว่าต้องการคนที่ดูดีด้วย
ชางหลิงถึงกับกุมหน้าผากทันที เสี่ยวเฉิงจื่อคิดว่าที่นี่เป็นบ้านของตนเองไปแล้วเหรอ? ไม่มีอาการเกรงใจสักนิดเลย
แม้ว่านิสัยของซูเสี่ยวเฉิงจะทโมนก็ตาม ทว่าไม่ใช่คนที่สนิทกับทุกคนไปทั่ว ดูเหมือนว่าเจ้าของที่นี่ต้องดูแลเธอดีมากจริงๆ
“เจ้านายของพวกเรามาถึงแล้ว” ไม่นานนักพนักงานในร้านก็เดินมาพูดและยิ้มหวานให้
“เจ้าของร้านของพวกคุณออกตัวมาเองเลย ฉันยังไม่เคยเจอเจ้าของร้านพวกคุณมาก่อนเลย ตอนแรกก็คิดว่าคนที่ชื่นชอบชุดแต่งงานน่าเป็นผู้หญิงสวยๆ เป็นแน่ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นผู้ชาย”
ซูเสี่ยวเฉิงพูดพร่ำไปเรื่อยเปื่อย ส่วนชางหลิงก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจมากขึ้น มักจะคิดว่าเจ้าของกิจการคนนี้ดูมีปัญหาอยู่หน่อย
เมื่อโหมวฉีสาวเท้าก้าวยาวๆ เข้ามานั้น ชางหลิงกับซูเสี่ยวเฉิงต่างยืนทำอะไรไม่ถูกทันที รอยยิ้มของเขาอ่อนโยนเหมือนเคย “แค่ให้ช่วยลองชุดเจ้าบ่าวใช่ไหม?”
ซูเสี่ยวเฉิงพยักหน้าให้แบบอึ้งๆ ส่วนชางหลิงนั้นอยากจะหนีแทน มักรู้สึกว่าต้องเกิดเรื่องขึ้นแน่
“ช่างเถอะ เรื่องขี้ปะติ๋วแค่นี้จะไปรบกวนท่านชายฉีได้อย่างไร เดี๋ยวฉันรอให้ป๋ายจื๋อลองให้”
“เกรงใจอะไร ครอบครัวเดียวกัน ผมกับน้องรูปร่างใกล้เคียงกัน” โหมวฉีพูดจบก็ส่งสัญญาณให้พนักงานที่อยู่ด้านข้างเอาชุดแต่งงานของผู้ชายเซทเดียวกับชางหลิงยื่นให้กับเขา
“เสี่ยวเฉิงจื่อ ทำไมเจ้าของร้านถึงเป็นท่านชายฉีไปล่ะ” ในใจของชางหลิงมีคำถามเป็นหมื่นคำถาม
ซูเสี่ยวเฉิงก็ตีหน้ามึน “ฉัน … ฉันก็ไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“โอ้โห ช่างเถอะ ตัวเขาก็เข้าไปแล้ว พวกเราอย่ายืนบื้ออยู่ที่นี่เลย ถือโอกาสไปทำผมกัน”
ไม่นานนักซูเสี่ยวเฉิงก็กลับมามีรอยยิ้มไร้ความกังวลใดๆ อีก ส่วนชางหลิงนั้นหมดคำพูด และถูกเธอลากไปยังห้องทำผม
พนักงานในสตูดิโอนั้นทักษะคล่องแคล่วมาก ชางหลิงกับซูเสี่ยวเฉิงแค่ทำผมทรงแสนธรรมดาที่สุดเท่านั้นเอง สิบกว่านาทีก็ทำเสร็จแล้ว
ตอนที่ชางหลิงลุกขึ้นจากเก้าอี้นั้น อดไม่ได้ที่จะยื่นมือออกไปประคองมงกุฎอันหนักอึ้ง เธอเหลือบมองซูเสี่ยวเฉิงที่ถลำลึกหลงใหลกับความงดงามของตนเองจนถอนตัวไม่ขึ้น พลางยิ้มและถามกลับ “เสี่ยวเฉิงจื่อ มงกุฎอันนี้ราคาไม่ใช่ถูกๆ เลยใช่ไหม?”
“ราคาไม่เกินขอบเขตที่ฉันกำหนดไว้ แกว่าสวยไหม”
ซูเสี่ยวเฉิงเชิดหน้าขึ้น ทำสีหน้าภูมิใจมาก
“สวยมาก”
มุมปากของชางหลิงฉีกยิ้มกับรอยยิ้มอย่างมีความสุขอย่างอดไม่ได้ ระยะนี้อาการไม่พอใจโหมวยู่ที่สะสมมาพลันมลายหายไปเลย พร้อมทั้งเฝ้ารอคอยงานแต่งงานของคนสองคนอย่างมีความสุข
เมื่อเห็นใบหน้าของหญิงสาวสองคนที่ความสุขเดินเข้ามา อาการอารมณ์ดีก่อนหน้านี้ของโหมวฉีที่ใส่ชุดเจ้าบ่าวอยู่พลันมลายหายไปทันที
นี่เขากำลังดีใจอะไรอยู่เนี่ย เขาก็แค่มาช่วยลองเสื้อผ้าชุดเจ้าบ่าวให้คนอื่นเท่านั้นเอง ชางหลิงไม่ใช่เจ้าสาวของเขาสักหน่อย
ประจวบเหมาะกับสายตาของชางหลิงยังไม่ได้หันมาพอดี โหมวฉีรีบปรับสีหน้าของตนเอง พลางยิ้มแสดงความชื่นชมออกไปแทน “คุณชางใส่ชุดแต่งงานเซทนี้สวยมาก”
“ขอบคุณนะ”
ชางหลิงเองก็ใช้สายตาประเมินชุดเจ้าบ่าวที่อยู่บนตัวโหมวฉี ความรู้สึกบอกกับเธอทันที โหมวยู่ใส่ชุดนี้ต้องดีกว่าแน่นอน
เมื่อเห็นสายตาของชางหลิงที่มองมาที่ร่างกายตนเองเลยไม่ได้จับจ้องมองต่อนานๆ จู่ๆ โหมวฉีก็รู้สึกว่าหัวใจของตนเองนั้นถูกกระแทกชนเข้าอย่างจัง ทำไมสวรรค์ให้เขามาพบเจอชางหลิง และให้เธอไปแต่งงานกับคนอื่นล่ะ
ความรักเช่นนี้ไม่ควรจะเสียใจเพราะเขาประสบกับอาการอกหักอันแสนเจ็บปวดช้ำใจมาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นก็ไม่อยากจะเจ็บซ้ำสอง
ซูเสี่ยวเฉิงจ้องมองสูทเจ้าบ่าวที่อยู่บนตัวของป๋ายจื๋อ พลางรู้สึกมีหลายร้อยจุดที่ไม่ถูกใจ ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเวลาเร่งรัดแล้วละก็ เธออยากจะออกแบบตัดชุดใหม่เลย
“เสี่ยวเฉิงจื่อ แกตื่นเต้นเกินเหตุ สูทชุดเจ้าบ่าวที่อยู่บนตัวป๋ายจื๋อมันสมบูรณ์แบบที่สุดแล้ว ไม่เชื่อแกถ่ายรูปให้หลีซินดูสิ”
ซูเสี่ยวเฉิงพูดปุ๊บก็ทำปั๊บ พลางกดถ่ายรูปจนมีเสียง “แชะ!” ต่อหน้ากระจกบานใหญ่ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม จากนั้นก็ส่งไปให้หลีซินดูอย่างเร็วจี๋
รอจนเวลาที่ซูเสี่ยวเฉิงส่งรูปออกไปแล้วนะ ชางหลิงเพิ่งฉุกคิดได้ว่ารูปเหล่านั้นเหมือนว่าก็สามารถเห็นเธอกับโหมวฉีได้อย่างชัดเจน
เรื่องไปถึงขั้นนี้แล้ว ชางหลิงได้แค่ภาวนาให้ตนเองโชคไม่หักหลังเธอ