เมื่อได้ยินว่าห้องของโหมวยู่เละตุ้มเป๊ะจนเป็นแบบนี้ นายท่านโหมวก็รู้ได้ทันทีว่าอาการป่วยของลูกชายกำเริบอีกแล้ว จึงรีบวิ่งขึ้นไปชั้นบน ” ลูกรองเป็นยังไงบ้าง อาการกำเริบอีกแล้วเหรอ เขาได้เอายากลับมาหรือเปล่า ”
พอนายท่านโหมวพูดไปแบบนั้น คนใช้ที่อยู่ในห้องโหมวยู่ก็รีบไปหายาของโหมวยู่ นายท่านโหมวไม่ได้สนใจคนใช้ที่พยายามพลิกลิ้นชักเปิดตู้เพื่อหายา แต่เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ โหมวยู่
ถึงแม้นายท่านใหญ่โม่จะรู้มานานแล้วว่าร่างกายของโหมวยู่งั้นอ่อนแอ คงเหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว แม้นายท่านใหญ่โม่จะเป็นชายชาติทหารที่ผ่านสมรภูมิรบมาตั้งมากมาย แต่เมื่อต้องเห็นลูกชายเพียงคนเดียวนอนหายใจรวยรินอยู่บนเตียงเช่นนั้น นายท่านใหญ่โม่ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าร่างกายนั้นหมดเรี่ยวแรง และทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง
นายท่านโหมวจ้องไปที่โหมวยู่ซึ่งไร้ชีวิตชีวาด้วยความโศกเศร้า ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงต่ำและเนือย ” ลูกรอง แกกำลังทำอะไรอยู่ พรุ่งนี้เป็นงานแต่งแกนะ แกห้ามหลับไปเด็ดขาด ชางหลิงยังรอแกให้ไปสู่ขออยู่นะ ลูกชายของแกยังรอให้แกไปรับกลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันนะ ”
” นายท่าน คุณชายรองจะไม่เป็นไรครับ หมอกำลังรีบมา ผมให้คนไปตามหมอที่เก่งที่สุดในเมืองหนานมาแล้วครับ ”
ในบ้านของตระกูลโหมวมีหมอประจำครอบครัวสองคนอาศัยอยู่ ไม่นานนักทั้งสองคนนั้นก็มาถึง จากนั้นคนใช้ก็ย้ายตัวโหมวยู่ไปที่ห้องพยาบาลอย่างระมัดระวัง
ในห้องพยาบาลนั้นเปิดไฟส่องสว่างสไหว ใบหน้าของโหมวยู่ดูซีดจนน่ากลัว
หลังจากที่หมอตรวจร่างกายพื้นฐานของโหมวยู่แล้ว หมอประจำบ้านทั้งสองคนก็นิ่งไป เพราะไม่รู้แน่ชัดว่าต้องให้ยาอะไร
” ยืนโง่อะไรอยู่ รีบรักษาคุณชายรองสิ ”
นายท่านโหมวเห็นหมอที่ยืนนิ่งเป็นตอไม้อยู่ข้างๆ ก็โกรธจนตัวสั่น ไอ้พวกไร้ประโยชน์สองตัวนี้ เสียเวลาเลี้ยงพวกมันสองคนตั้งหลายปี พอถึงเวลาสำคัญกลับไม่มีประโยชน์เสียนี่
” นายท่าน สภาพร่างกายของคุณชายรองตอนนี้ค่อนข้างอันตราย พวกเราไม่สามารถทำอะไรได้ พ่อไม่กล้าเอาชีวิตของคุณชายรองมาวางอยู่บนความเสี่ยงครับ ”
ในสายตาถ้าถมึงทึงของนายท่านโหมว หมอประจำบ้านทั้งสองคนก็ยืนตัวสั่น กลั้นใจพูดออกมา
สภาวะร่างกายของโหมวยู่ไม่ตอนนี้อ่อนแอจนถึงขีดสุด พวกเขาไม่กล้าบุ่มบ่ามทำอะไรลงไปจริงๆ หากไม่ระวังร่างกายของคุณชายรองคงไม่อาจฟื้นฟูคืนกลับมาได้ ถ้าเป็นอย่างงั้นพวกเขาคงไม่ได้เห็นเดือนเห็นตะวันเป็นแน่
” ไปไหนก็ไป ไอ้พวกไร้ประโยชน์ ”
ในเวลานี้ นายท่านโหมวเองก็ไม่กล้าเอาร่างกายของโหมวยู่ไปเสี่ยง
ถึงแม้เขาจะไม่รู้ว่าอะไรเกี่ยวกับวิชาแพทย์ แต่ดูจากใบหน้าที่ซีดเผือดกับลมหายใจที่รวยรินของโหมวยู่ก็รู้แล้วว่าสภาวะของลูกชายในตอนนี้ถึงขีดสุดจริงๆ ถึงเขาจะกล้าบ้าบิ่นไปกว่านี้ ก็คงไม่ยอมให้ไอ้หมอกำมะลอสองคนนี้เอาร่างกายของโหมวยู่ทำเรื่องโง่ๆ เด็ดขาด
หลังจากที่รออย่างกระสับกระส่ายเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ในที่สุดแพทย์เฉพาะทางด้านสมองที่มีชื่อเสียงในเมืองหนานที่ถูกเชิญมาก็มาถึง
ดวงตาที่สิ้นหวังและมัวหมองของนายท่านโหมวก็เปล่งประกายออกมา ราวกับพบเห็นผู้ช่วยชีวิต จึงรีบเชิญหมอเข้ามาในห้องพยาบาล
ห้องพยาบาลของตระกูลโหมวมีอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ครบครัน และยังเป็นของใหม่ที่มีคุณภาพชั้นสูง เมื่อหมอเข้ามาแล้วก็ตรวจดูตัวเลขและข้อมูลอาการของโหมวยู่อย่างคล่องแคล่ว ใบหน้าของหมอดูเคร่งขรึม สุดท้ายก็ได้ผลออกมาว่า แนะนำให้รีบผ่าตัดโดยเร็ว จะได้หาวิธีรักษาที่เป็นไปได้มากที่สุดสำหรับอาการเลือดคั่งในสมอง
บ้านของตระกูลโหมวมีอุปกรณ์ทุกอย่างพร้อมสำหรับการผ่าตัด หมอที่จะสามารถผ่าตัดก็อยู่ที่นี่แล้ว แต่นายท่านใหญ่โม่กลับรู้สึกลังเล สภาพร่างกายของโหมวยู่ในตอนนี้ สมควรที่จะเข้ารับการผ่าตัดจริงหรือ
แล้วถ้าการผ่าตัดไม่สำเร็จล่ะ ลูกชายของเขาก็ไม่สามารถออกจากห้องผ่าตัดได้ตลอดไปอย่างงั้นหรือ
” หมอครับ เปอร์เซ็นต์ในการผ่าตัดสำเร็จมีมากเท่าไหร่ครับ ”
” ตอนนี้มีโอกาสนี้เพียงสามสิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้นครับ แต่จากชื่อเสียงและอิทธิพลของตระกูลโหมว ก็สามารถตามหาพวกหมอที่มีความชำนาญด้านสมองระดับประเทศมาผ่าตัดด้วยตัวเองก็ได้นะครับ อัตราความสำเร็จในการผ่าตัดก็จะเพิ่มมากขึ้น ”
หลังจากที่ได้ยินว่าอัตราความสำเร็จในการผ่าตัดมีเพียงสามสิบเปอร์เซ็นต์ นายท่านโหมวก็ลังเลจนยากที่จะตัดสินใจ แต่สุดท้ายก็ยังอยากรอให้โหมวยู่ฟื้นขึ้นมาแล้วค่อยคุยกันอีกที ถ้าเขาตัดสินใจเพียงคนเดียวว่าให้โหมวยู่รักษา แต่ต้องทำให้ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาต้องตาย เขาคงรับผลของมันไม่ไหว
” ถ้างั้นจะเป็นไปได้ไหมว่าตอนนี้ยังไม่ต้องผ่าตัด ตอนนี้ผมให้คนไปตามหาหมอที่ชำนาญด้านสมองที่สุดในโลกมา คุณทำให้ลูกชายฟื้นขึ้นมาก่อนได้ไหม ”
” นายท่านโหมววางใจเถอะครับ พวกเราจะรีบทำให้คุณชายรองฟื้นขึ้นมาครับ ”
พวกหมอง่วนอยู่กับงานตรงหน้าจนฟ้าสว่าง ถึงพยายามให้สีหน้าของโหมวยู่ไม่ดูซีดน่ากลัวเกินไปจนสำเร็จ โหมวยู่จึงฟื้นขึ้นมา ร่างกายของเขาไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ทำได้แค่นอนอยู่บนเตียงและพูดออกมาได้ไม่กี่คำเท่านั้น
มีหลายครั้งที่หมอมีนิสัยพูดจาขวานผ่าซาก อยากจะโพร่งถามโหมวยู่หลายครั้งแล้วว่าทำไมถึงปล่อยให้ร่างกายเป็นหนักจนถึงขั้นนี้ แต่พอคิดขึ้นได้ถึงกลิ่นคาวคละคลุ้งของพวกตระกูลที่มีเงินและอำนาจ นึกขึ้นได้ว่าตัวเองก็มีลูกเพิ่งคลอดเหมือนกัน ก็เลยหุบปากอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว
หลังจากที่โหมวยู่ฟื้นขึ้นมาแล้วก็พูดคุยกับนายท่านโหมวไม่กี่คำ พอเห็นปฏิทิน ก็ยังดี พรุ่งนี้ถึงจะเป็นวันแต่งงาน น่าจะยังทันอยู่
จึงสบโอกาสที่ไม่มีคนอยู่ในห้อง โหมวยู่รีบส่งข้อความหาหลินจื้ออย่างไว ” ส่งยามาที ที่บ้านฉัน ”
หลินจื้อเป็นข้อความของโหมวยู่ ก็ตกใจจนแทบช็อก ทำไมจู่ๆ โหมวยู่ถึงอาการป่วยกำเริบขึ้นมากะทันหันซะล่ะ สาบานไหม ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ
หลินจื้อปวดหัวจนแทบระเบิด ก่อนหน้านี้ยาก็ถูกหมอนั่นไปเก็บกวาดไปจนหมด ถึงจะมีตัวเขาก็ไม่กล้าส่งยานั่นให้นายท่านโหมวเห็นหรอก เพราะงั้นส่งหัวคนเป็นๆ ไปคงไม่ต่างกัน ” คุณชายรอง ยาก่อนหน้านี้ผมไม่มีแล้ว ”
” ถ้างั้นก็รีบบอกให้คนขายส่งของมา ราคาไม่เกี่ยง ”
โหมวยู่พูดด้วยน้ำเสียงแน่นิ่ง ไม่มีเคล้าจะปฏิเสธ
” คุณชายรองแต่ว่ายาพวกนั้นต้องทำตามขั้นตอนถึงจะเอาได้ แล้วยังต้องสั่งจองล่วงหน้าด้วย ”
” นายต้องมาที่นี่ ไม่ว่าจะใช้วิธีอะไร พรุ่งนี้ร่างกายของฉันต้องห้ามเกิดอาการอะไรเด็ดขาด นายก็รู้ว่าวันพรุ่งนี้คือวันอะไร ”
หลินจื้อ ” …… ”
นี่เขากำลังขุดหลุมฝังตัวเองอยู่ใช่ไหมเนี่ย
” คุณชายรองครับ….. ”
” บอกให้มาก็มา! ”
โหมวยู่หมดความอดทนที่จะพูดจาเยิ่นเย้อกับหลินจื้อ งานแต่งงานพรุ่งนี้ไม่ว่าจะยังไงก็ห้ามเกิดเรื่องขึ้นเด็ดขาด
หลินจื้อถูกบังคับจนหมดหนทาง จึงจำใจต้องบากหน้าไปบ้านตระกูลโหมว สุดท้ายเป็นไปตามคาด เมื่อเขาเข้าประตูไปก็ถูกสายตาถ้าถมึงทึงของนายท่านโหมวจับจ้องและเค้นถาม จนกระทั่งโหมวยู่ให้คนมาเรียกเขาถึงจะหลุดรอดสายตาพิฆาตนี้ไปได้
” อยากได้อะไรนักเลย นายท่านใหญ่โม่อายุเยอะแล้วก็จุกจิกเป็นธรรมดา นายรีบเอายาไปให้เถอะ! ”
ไม่ว่าหลินจื้อจะเป็นใคร โหมวยู่ก็เชื่อในฝีมือทางการแพทย์ของเขา ถึงแม้หลินจื้อจะมีอะไรลับลมคมในกับเขาหรือเป้าหมายอื่น ในเวลานี้เขาเองก็ไม่มีทางเลือก คนคนเดียวที่จะสามารถพึ่งพาได้ก็มีเพียงหลินจื้อเท่านั้น
” คุณชายรอง ร่างกายของคุณไม่ไหวที่จะรับยาแล้วนะครับ ”
หลินจื้อยังคงไม่ละความพยายามที่จะพูดเตือนออกมา
โหมวยู่ลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงแล้วหลับตาลง เขาไม่ได้สนใจในคำเตือนเลยสักนิด แต่ยังคงให้หลินจื้อเอายาให้ตัวเองกิน
หลินจื้อหมดหนทาง เขาวังเพียงว่าฤทธิ์ของยาจะให้ผลลัพธ์เช่นเดียวกับก่อนหน้านี้ แต่มันช่างต่างกันสิ้นเชิง แทบจะเทียบกันไม่ได้ เพราะสีหน้าของเขาแทบจะดูไม่ได้
โหมวยู่จึงถามขึ้นมา ” หลินจื้อ ทำไมจู่ๆ วันนี้ฉันถึงไม่สบายขึ้นมาล่ะ “