เมื่อหลินจื้อถูกโหมวยู่ถามขึ้นมาก็ยืนตัวแข็งทื่อ ตื่นกลัวจนแทบลืมหายใจ พยายามก้อนจะอยู่นานก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักว่า ” คุณชายรองครับ ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน ถึงผมจะยอมตายยังไงผมก็ไม่กล้าลงมือในวันสำคัญของคุณชายรองแบบนี้หรอกครับ ”
หลินจื้อขาสั่นจนแทบจะลงไปคุกเข่าอยู่หน้าเตียงของโหมวยู่ นั่งตัวสั่นผับๆ อยู่บนพื้น ณ เวลานี้เขาไม่กล้ากระดิกตัวเสียด้วยซ้ำ
โหมวยู่นั่งอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าหน้าที่ไม่อาจบอกได้ เอาแต่มองหลินจื้ออยู่เงียบๆ
หลินจื้อสัมผัสได้ถึงเหงื่อที่ไหลลงจากแผ่นหลัง เขาเริ่มหายใจแรงขึ้นเรื่อยๆ ในใจก็พูดเตือนตัวเองเป็นพันเป็นหมื่นครั้งว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องนั้นออกไปเด็ดขาด มิฉะนั้นเขาคงไม่สามารถออกจากบ้านตระกูลโหมวแห่งนี้ได้อีกแล้ว
ตลอดเวลาที่ตระกูลโหมวกับตระกูลเซิ่งรบราฆ่าฟันกันมาจนถึงตอนนี้ เขารู้ดีที่สุดว่าคนตระกูลนี้นั้นโหดร้ายทารุณขนาดไหน เขารู้เพียงแค่ว่าสิ่งเดียวในตอนนี้ที่จะสามารถทำได้คือต้องอดทนไปตายเอาดาบหน้า
โหมวยู่เห็นหลินจื้อที่ตัดสินใจเอาหัวชนฝาไปแล้ว ก็ไม่อยากไปทำให้เขาลำบากใจอีก คนที่ตระกูลเซิ่งชุบเลี้ยงมา คงไม่ถึงกับเขาพูดด้วยคำสองคำแล้วจึงยอมเผยตัวตนออกมาสินะ ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้พยายามคาดคั้นหลินจื้อให้พูดความจริงออกมา แต่เห็นเมื่อถึงเวลาอันเหมาะสมแล้ว ก็เปิดปากออกมาเนิบๆ
” ถ้างั้นคืนนี้ยาพวกนั้นจะส่งมาถึงที่นี่ไหม ”
หลินจื้อได้ยินแล้ว ก็ถอนให้ใจ ก่อนจะเดินโซเซ เขาเอามือปาดเหงื่อที่เกือบจะไหลเข้าตา ” ผมจะพยายาม ก่อนพรุ่งนี้เช้าผมจะช่วยเอายานั้นมาให้คุณชายรองอย่างแน่นอน ”
โหมวยู่โบกมือเบาๆ เป็นเชิงไล่ ราวกับว่าก่อนหน้านี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วบอกปัดหลินจื้อ ” มีอะไรไปทำก็ทำเถอะ ”
หลังจากรอดพ้นมาจากห้องโหมวยู่แล้ว หลินจื้อก็ไปปะเข้ากับพ่อบ้านที่ยืนข้างนอกอยู่แล้ว จากนั้นก็ถูกพาไปยังห้องรับแขกที่จัดเตรียมไว้โดยเฉพาะ
เมื่อเข้าไปในห้องนั้น เขาก็ตกใจจนต้องสะดุ้ง ห้องนี้ถูกตัดแต่งไว้โดยเฉพาะ การกระทำของเขาทุกวินาทีหลังจากนี้จะถูกบันทึกไว้ทั้งหมด
เขาเช็ดเหงื่อนบนหน้าผากไม่หยุด หลินจื้อโชคดีที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตอนนี้ตัวเองจะเป็นมือเป็นตีนให้โหมวยู่
” ไอ้หมอนั่นยังไว้ใจได้อยู่ไหม ” พ่อบ้านให้หลินจื้อเข้าไปอยู่ในห้องนั้นแล้ว ก็กลับมายืนข้างนายท่านโหมว
” ก็ยังถือว่าได้อยู่ครับ น่าจะถูกคุณชายรองทำให้กลัวจนตัวสั่นไปแล้ว ”
” ถ้าตอนนั้นลูกรองไม่ถูกคนพวกนั้นทำให้ร่างกายเป็นอย่างที่ว่า ก็คงไม่ต้องมาถึงขั้นนี้ ”
นายท่านโหมวแววตาวูบลง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเสียใจ
ถ้าไม่ใช่เพราะหลายปีนี้เขามัวแต่ง่วนอยู่กับการบงการลูกรองควบคุมได้ยากอยู่แบบนี้ ร่างกายของเขาคงไม่ถึงกับต้องมีอาการหนักจนไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร แถมยังถูกคนต่ำต้อยนั่นฉวยโอกาสลับหลังอีก
ในใจของนายท่านโหมว อาการป่วยโหมวยู่เปลี่ยนเป็นเช่นนี้แล้ว ต้องมีคนจงใจที่จะทำร้ายอย่างแน่นอน
แต่เค้าไม่มีหลักฐานหรือเหตุผลที่สมควรอันใด จะมีก็เพียงความรู้สึกและสัญชาตญาณที่สู้รบตบมือมาเป็นเวลาเนิ่นนานก็เท่านั้น
” นายท่าน ท่านกำลังจะบอกว่า ร่างกายของคุณชายรองนั้น ” พ่อบ้านอาวุโสสีหน้าดูขรึมขึ้น ดวงตาที่หลุบและขุ่นมัวทั้งสองนั้นเหมือนมีประกายจิตสังหารออกมา เขาไม่คิดเลยว่ามีคนคิดจะลงใส่คุณชายรอง
” ปล่อยให้หมอนั่นลอยนวลไปก่อนสักสองสามวัน ตอนนี้รักษาตัวลูกรองให้ดีก่อน ” นายท่านโหมวกำหมัดแน่น และสาบานว่าจะต้องช่วยลูกชายให้ผ่านอุปสรรคนี้ไปได้
” ครับ ผมได้ใช้ความสามารถทั้งหมดตามหาหมอที่มีความสามารถด้านสมองมาได้แล้วครับ ”
หกโมงของเช้าวันต่อมา เฮลิคอปเตอร์ลอยอยู่เหนือแสงยามรุ่งอรุณ ลงมาจอดยังสนามหญ้าของบ้านตระกูลโหมว หลินจื้อจะรีบเดินเข้าไป ดวงตาแดงก่ำทั้งสองข้างนั้นมีประกายของแสงแห่งความหวังออกมา ก่อนจะกระชากคนที่ลงมาจากเครื่องบินคนแรกและถามอย่างไม่รอช้า ” เจอยาทั้งหมดนั่นหรือยัง ”
” หมอหลินครับ ได้ตามที่สั่งไปทั้งหมด ยาที่คุณต้องการหาได้จนครบแล้ว ”
เด็กหนุ่มที่ลงมาจากเฮลิคอปเตอร์เห็นสีหน้าและแววตาของหลินจื้อเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง จากนั้นก็รีบหยิบห่อยาออกมาจากกระเป๋าสะพายข้างหลัง
หลินจื้อรีบโผเข้าไปหยิบถุงใสที่พ่อหนุ่มคนนั้นยื่นมาดูอย่างละเอียด ก่อนจะพยักหน้าอย่างพอใจ แล้วรีบพูดด้วยความไวแสง ” ขอบใจมากนะ ”
จากนั้นก็หันตัววิ่งไปยังห้องของโหมวยู่
ในขณะที่หลินจื้อพยายามหาคนช่วยรวบรวมยาที่เคยให้โหมวยู่ใช้นั้น นายท่านโหมวก็รู้ในสิ่งที่เขาจะทำตั้งแต่ครั้งแรกแล้ว ถึงแม้หลินจื้อจะหายาที่ให้โหมวยู่ใช้ในครั้งนี้จะได้รับการควบคุมมากเป็นพิเศษ แต่หมอเฉพาะทางที่นายท่านโหมวเชิญมาก็รู้ถึงคุณสมบัติแท้จริงของยาได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็น
นั่นก็คือทำให้คนที่ใช้ยาฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็วในเวลาอันสั้น แต่จะทำให้เสพติดได้ง่าย อาจจะมีผลต่อสภาวะของการรับรู้ที่อ่อนแอลง
ยาชนิดนี้ทางการแพทย์แล้วไม่อนุญาตให้ใช้กับคนไข้ จะมีเพียงบางครั้งที่ต้องอยู่ภายใต้การควบคุมถึงจะสามารถใช้ได้
จากที่รู้ว่าหลินจื้อให้โหมวยู่ใช้ยาพวกนี้แล้ว นายท่านโหมวก็โกรธจนแทบจะลากหลินจื้อออกมาเคลียร์เสียตรงนั้น
ตอนนี้ไม่เห็นว่าเขากล้าที่จะให้ของพวกนั้นแก่โหมวยู่ พ่อบ้านเลยรู้สึกว่าตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่จะตักเตือนเขาในเรื่องกฎของตระกูลโหมว
” นายท่าน หลินจื้อเจอยาแล้วครับ ”
” เอาตัวมันมาให้ฉัน ” สีหน้าของนายท่านโหมวไม่ปรากฏอารมณ์ใดๆ แต่มองไปยังมุมมืดมุมหนึ่งของห้องรับแขกแล้วพูดขึ้นมาว่า ” เตรียมของให้เรียบร้อย ”
หลินจื้อที่ถูกบังคับให้พามาอยู่ตรงหน้าของนายท่านโหมว ก็ใจเต้นระรัว ตึก!ตัก!ตึก!ตัก!จนไม่สามารถควบคุมได้
ณ เวลานี้ ความสามารถในการควบคุมตัวเองของเขานั้นเป็นศูนย์ ความรู้และทฤษฎีที่เขาเรียนมาก่อนหน้านี้เกี่ยวกับการเป็นนักเรียนแพทย์ได้ไร้ผลไปหมดแล้ว เขาพยายามอย่างสุดกำลังก็ไม่สามารถควบคุมให้หัวใจตัวเองกลับมาเป็นปกติได้
” นายท่านใหญ่โม่ ท่านหาผมอยู่เหรอครับ ”
จะเข้ามาในห้องรับแขก ก็เห็นใครบางคนนั่งอยู่ตรงมุมมืด ไม่เห็นสีหน้าของนายท่านโหมวอย่างชัดเจนแล้ว ร่างกายของหลินจื้อก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเครือ ราวกับเห็นงูพิษที่น่ากลัวที่สุดกลางเหวลึก
หากตามสัญชาตญาณที่จะเอาชีวิตรอด เขาก็อยากจะหันตัวแล้ววิ่งหนีไป
แต่เมื่อเขาลองหันออกไปมองนอกกระจกใสแล้ว ก็ถูกชายร่างสูงใหญ่สวมชุดสูทสีดำสองคนที่โผล่มาจากไหนไม่รู้จับเอาไว้
ในแววตาที่ตกใจกลัวเขา ดวงตาที่เบิกโพลงนั้นก็เห็นเข้ากับเข็มฉีดยาเล่มยาวที่ปักลงไปในเส้นเลือดของเขาเอง เข็มฉีดยาที่เต็มไปด้วยของเหลวบางอย่างถูกฉีดเข้าไปในร่างกายของเขา
จนกระทั่งความรู้สึกรับรู้ได้สูญสิ้นไป หลินจื้อก็ยังไม่เข้าใจ ว่าเขาพลาดตรงจุดไหน ทั้งๆ ที่เขารู้ว่าทุกอย่างมันก็ราบรื่นด้วยดี
เขาเป็นหมอที่โหมวยู่เชื่อถือมากที่สุด ทำไมนายท่านโหมวถึงทำกับเขาแบบนี้
เมื่อโหมวยู่ถูกคนใช้ของบ้านตระกูลโหมวปลุกให้ตื่น ก็รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูเวลา โชคยังดี เพิ่งจะหกโมงครึ่ง น่าจะยังทันอยู่
โหมวยู่พยายามใช้แรงที่พอจะมีในร่างกายของตัวเอง ค่อยๆ ยันตัวจากเตียงพยุงตัวไปยังหน้ากระจก แล้วสำรวจสีหน้าของตัวเอง
เขาตั้งใจมองใบหน้าของตัวเองอยู่อย่างนั้น แต่รู้สึกว่าไม่ว่าเขาจะมองยังไงก็ไม่พอใจอยู่ดี
ช่วงนี้ป่วยจึงหยุดการออกกำลังกายไป บริเวณแก้มก็ไม่ได้เต่งตึงเหมือนเมื่อก่อน แถมสีหน้าก็ดูไม่ได้อีกต่างหาก ถ้าออกไปในสภาพนี้ ใครๆ ก็ดูออกว่าเขาคือคนป่วย ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ แม้แต่แรงที่เขาจะเดินลงไปชั้นล่างก็ยังไม่มีเลย ถ้าร่างกายยังอ่อนแออยู่แบบนี้จะไปสู่ขอชางหลิงได้ยังไง
แล้วเขาก็นึกถึงหลินจื้อขึ้นมาได้ โหมวยู่ขมวดคิ้วและหันมาถามคนใช้ที่อยู่ข้างๆ ” หมอหลินจื้อตอนนี้อยู่ที่ไหน ”
” จู่ๆ หมอหลินจื้อก็เป็นลมไปครับ ตอนนี้ถูกนายท่านส่งตัวไปแล้ว ”
นายท่านใหญ่โม่คิดจะทำอะไรกัน ที่อยู่ดีๆ ก็เอาตัวหลินจื้อไป
เพียงแวบเดียวโหมวยู่ก็คิดขึ้นมาได้ เขาไม่น่ามีความคิดที่จะกลับมาบ้านหลังนี้เลย กลายเป็นว่านายท่านใหญ่โม่ยังคงเป็นคนที่ไม่ว่าเรื่องใดก็จะทำตัวเป็นปรปักษ์ต่อกรกับเขาอยู่เสมอ
พอนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานอยู่ร่างกายของเขาก็กำเริบออกมาอย่างไม่มีเหตุมีผล สายตาของโหมวยู่ก็หลุบลง