” แป๊บเดียวก็กินเสร็จแล้วเหรอ ”
โหมวยู่ที่กลับห้องมาเปลี่ยนชุดเจ้าบ่าวก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเขาใส่เสื้อผ้าอะไรที่ดูผิดแปลกไป แล้วก็ชินกับการเจื้อยแจ้วไปเรื่อยของฉินซาง แต่รู้สึกว่าเขาคงขึ้นมาเร็วเกินไป
หลังจากฉีกยิ้มแล้ว ฉินซางก็ตั้งใจกวาดตามองไปที่โหมวยู่ ” ไม่อยากกินแล้ว พี่ใหญ่ใส่แบบนี้ก็หล่อดีเหมือนกันนะเนี่ย! ”
หลังจากที่เขาเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าชุดนี้แล้วก็ทำให้คนใส่ดูมีสง่าราศีต่างไปจากเดิม ราวกับความสำเร็จตามคำกล่าวโบราณคำนึง ทำให้เขาดูดีราวกับเจ้าชายผู้สูงศักดิ์สมดังใจหวัง
ในเวลานี้ เป็นครั้งแรกที่ฉินซางรอคอยพิธีแต่งงาน เขาพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ ” พี่ใหญ่พี่ว่าผมควรไม่ควรมีครอบครัวกับเขาสักที ” เพราะตัวเขามักจะลอยไปลอยมาตลอด หญิงสาวที่อยู่ข้างกายเขาก็มีจนนับไม่ถ้วน แต่ใจของเขากลับไม่เคยรู้สึกอยากเป็นเจ้าข้าวเจ้าของใครเลยสักครั้ง จู่ๆ ตอนนี้ก็รู้สึกเหนื่อยขึ้นมา รู้สึกผ่านโลกมามากจนอ่อนล้าไปหมด
” นายควรจะมีครอบครัวเป็นของตัวเองสักที โตขนาดนี้แล้ว ใช้ชีวิตให้มันดีๆหน่อยเถอะน่า ” โหมวยู่ตบเข้าไปที่ไหล่ของฉินซางแรงๆ ในบรรดาพี่น้องนั้น คนที่เขากังวลใจที่สุดก็คือฉินซาง
ตอนนี้รอบตัวของเขาพวกที่แพรวพราวมากที่สุด ก็คงจะไม่พ้นเพื่อนพวกนี้ที่ทำตัวไร้สาระไปเรื่อย คนที่คิดจะช่วยเหลือเขาด้วยใจจริงก็แทบไม่มี หากไม่ระวังก็คงจะโดนคนที่อยู่ข้างใดข้างหนึ่งแทงเข้าให้สักวัน
ไอ้เจ้าเด็กพวกนี้เมื่อก่อนก็เล่นจนแทบจะเป็นเรื่อง
” หา! ผมพูดออกมาแล้วเหรอ ”
ฉินซางมองโหมวยู่ด้วยสีหน้าตกใจ แล้วก็หน้าแดงขึ้นมา น่าขายหน้าจริงๆ คำพูดพวกนี้พูดออกมาได้ยังไงกัน พี่ใหญ่คงจะคิดว่าเขาเป็นผู้ชายที่ใช้ไม่ได้ เพราะแม้กระทั่งผู้หญิงธรรมดาทั่วไปยังคบหาไม่ได้เลย
โหมวยู่หันหน้าไปมองตัวเองที่สวมชุดเจ้าบ่าวในกระจก และมองอย่างจริงจังอยู่แบบนั้นหลายรอบ วันนี้เขาไม่ยอมให้ตัวเองมีจุดด่างพร้อยในงานเป็นอันขาด
” พี่ใหญ่…. พี่ว่า….. ”
ฉินซางเดินไปยืนอยู่ข้างๆ โหมวยู่ เวลาที่พูดคุยเขามักจะเคยชินกับการเอามือไปวางไว้บนไหล่ของโหมวยู่ แต่มือของเขากลับถูกสะบัดออก ไปชนเข้ากับตู้เสื้อผ้า มันเจ็บจนปี๊ดขึ้นหัว เจ็บจนงงว่าตัวเองเกิดเพื่ออะไร
ฉู่ฉือกับต้วนเหิงที่เดินขึ้นมาชั้นบนก็เห็นสีหน้าของฉินซางที่นั่งทำหน้าเง้างอนราวกับเป็นภรรยาอีกคนหนึ่งอยู่บนเก้าอี้ โดยที่โหมวยู่กำลังยืนชื่นชมเสื้อผ้าของตัวเองอยู่ตรงกระจกอย่างไม่แยแส
ฉินซางชำเลืองตาที่บ่งบอกถึงความหมดอาลัยตายอยากไปยังสองคนนั้น เขากดตาลงต่ำ ใช่สิคนมีเมีย ตอนนี้เขาจะไม่ปฏิสัมพันธ์หรือพูดคุยกับคนที่มีเมียแล้วเป็นอันขาด
” คุณชายรอง ก็เราต้องไปก่อนเวลาไหมครับ ของที่เตรียมไว้สำหรับคุณชางคุณจะตรวจสอบดูคร่าวๆ อีกรอบไหมครับ ”
” เดี๋ยวอีกสักพักก็ไปแล้ว ”
ตอนนี้เพิ่งจะเจ็ดโมงกว่า พิธีแต่งงานเริ่มตอนช่วงบ่าย นี่ยังเร็วเกินไป แต่ใจของโหมวยู่ถวิลไปทางนู้นตั้งนานแล้ว
” พี่ใหญ่ พี่จะใส่ชุดนี้ไปเหรอ ”
ฉินซางเห็นโหมวยู่ที่ดูเซ่อซ่า ด้วยความที่เขาทนดูต่อไปไม่ได้ เห็นแก่ฐานะที่เป็นพี่น้องกันก็เลยอดไม่ได้ที่จะเตือน
ชุดหรูหราขนาดนี้ กลัวมันจะอยู่ไม่ถึงตอนเข้าพิธีแต่งงานน่ะสิ
” เดี๋ยวฉันเปลี่ยนเสื้อผ้า ไม่ใส่ให้มันยับหรอกน่า ”
โหมวยู่บ่นพรึมพำก่อนจะเข้าห้องลองเสื้อไป ไปๆ มาๆ กินเวลาไปกว่าครึ่งชั่วโมงถึงจะออกมา ชายหนุ่มสามคนที่รออยู่ข้างนอกอีกนิดก็คงนึกว่าเขาเป็นลมไปแล้ว
ถ้าโหมวยู่ยังไม่ออกมา พวกเขาก็จะพังเข้าไปแล้ว
โหมวยู่ที่เปลี่ยนเป็นชุดสูทที่ดูประณีตและหรูหราแล้ว ก็ยื่นชุดเจ้าบ่าวที่ถูกห่อไว้อย่างแน่นหนาให้กับฉู่ฉือ แล้วพูดด้วยท่าทีไม่ค่อยวางใจว่า
” ถือดีๆ อย่าทำยับล่ะ ”
ดูท่าของข้างในจะล้ำค่ามาก อีกนิดก็คงคิดว่าในถุงนั้นใส่เจ้าสาวตัวเป็นๆ อยู่ข้างใน
เมื่อรถของพวกเขาบึ่งไปถึงคลับnovaก็เริ่มมีพนักงานออกมาปัดกวาดแล้ว
เมื่อวานสถานที่จัดพิธีแต่งงานได้ถูกตกแต่งเอาไว้บ้างแล้ว โหมวยู่ดูคร่าวๆ ผ่านตา ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่เขาคาดหมายไว้ ตัวเขาก็ไม่ได้อยู่ด้านนอกนานนัก จึงตรงดิ่งไปยังห้องพักของเจ้าบ่าว
ในระหว่างทางที่เดินไปเดินมานั้น โหมวยู่ก็รู้สึกว่าตัวเองหายใจถี่ขึ้นเล็กน้อย ในหัวก็รู้สึกว่างเปล่า เขานั่งลงและดื่มน้ำให้ตัวเองรู้สึกผ่อนคลาย แล้วก็เอ่ยปากถามฉู่ฉือว่า ” แล้วใครไปฝั่งชางหลิงแล้วบ้าง ”
” ถงเอิน ”
จู่ๆ ฉู่ฉือก็รู้สึกเห็นอกเห็นใจภรรยาของตัวเอง ถงเอินเป็นผู้อำนวยการ ตอนนี้ยุ่งจนแทบขาจะพันกันเป็นเกลียว ไม่แน่เธออาจจะถูกท่านประธานเกลียดเข้าก็ได้
” ไปถามเธอที่อยู่ทางนู้นสิ ว่าเป็นยังไงบ้าง ”
นานแล้วสินะที่ไม่ได้เจอชางหลิง โหมวยู่รอคอยอย่างมีความหวังและตื่นเต้น
ถ้าเธอไม่ยอมให้อภัยเขาล่ะ ถ้าไม่ยอมร่วมงานแต่งงานในวันนี้จะทำยังไงดี
ถ้าไม่งั้นรีบให้พวกเธอมาที่นี่ดีกว่า เขาจะต้องอธิบายเรื่องราวทั้งหมดกับชางหลิงให้ชัดเจนก่อนที่พิธีแต่งงานจะเริ่มขึ้น เพราะในพิธีแต่งงานเขาคงทนไม่ได้ที่ต้องเห็นเจ้าสาวของเขามีอารมณ์ที่คุณมัวและกังวลเข้ามาปะปน
” พวกเธอออกเดินทางมาแล้วครับ ”
เมื่อเห็นว่าถงเอินมาถึงนี้ด้วยตัวเอง ชางหลิงก็รู้ได้ทันทีว่าที่ตัวเองลำบากมาหลายวัน ทั้งต้องกังวลและไม่สบายใจทั้งหมดนั้นมันไม่ได้เสียเปล่า
เธอไม่รอช้า เมื่อกินข้าวช้าวเสร็จก็รีบสวมชุดแต่งงานแล้วบึ่งไปยังสถานที่จัดงานทันที
เธอคาดหวังกับพิธีแต่งงานนี้มากพอๆกับโหมวยู่ แต่ชางหลิงอยากจะเจอเจ้าบ่าวของเธอมากกว่า พวกเขาไม่ได้พบกันมานานแล้ว แล้วเธอก็รอไม่ได้ที่จะเจอเขา
เมื่อฉู่ฉือรู้ว่าพวกเธอมาถึงงานแล้ว ถงเอินก็รายงานตำแหน่งกับฉู่ฉือแทบจะตลอดทาง ใส่ใจเพื่อที่จะให้โหมวยู่สามารถรู้ได้ว่าตอนนี้ชางหลิงอยู่ที่ไหน
” คุณชายรอง เรายังมีเวลาอีกสิบนาทีรถของคุณชางก็จะมาถึงที่นี่ครับ คุณจะไปรับเธอด้วยตัวเองไหมครับ ” ฉู่ฉือรู้สึกว่าโหมวยู่ต้องไปรับชางหลิงด้วยตัวเอง จึงพูดเตือนโหมวยู่ที่กำลังนั่งหลับตาทำสมาธิและเอนกายพิงโซฟาอยู่
” รับสิ เราต้องออกไปรอ ”
โหมวยู่พยายามกดความรู้สึกวิงเวียนศีรษะเอาไว้ภายใน และพยายามเอามือยันโซฟาดันตัวเองให้ลุกขึ้น
เขาพยายามถึงสองครั้ง แต่ขากลับไม่มีแรง และอาการวิงเวียนศีรษะก็เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ เขาเจ็บปวดทรมาน จนต้องเบิกตากว้าง กำลังจะเอ่ยปากพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ล้มลงไปเสียก่อน แล้วหน้าผากก็ไปฟาดเข้ากับโต๊ะน้ำชาข้างหน้าดัง ” ปึ้ง! ” ดังก้องออกมา
” คุณชายรองครับ คุณชายรอง ”
ฉู่ฉือเมื่อเห็นว่าศีรษะของโหมวยู่กระแทกเข้ากับโต๊ะชาเข้าอย่างจังจึงรีบพยุงตัวเขาขึ้นมา เครื่องสำอางได้ปกปิดใบหน้าซีดเผือดของโหมวยู่เอาไว้ แต่ด้วยความที่ ดวงตาของเขาดูเหนื่อยล้าไร้เรี่ยวแรงกับร่างกายที่กำลังสั่นเทา ทำให้รับรู้ได้เลยว่าสภาพของเขาตอนนี้มันแย่มากแค่ไหน
ในช่วงเวลาที่สำคัญแบบนี้ก็นับว่าฉินซางยังพอมีประโยชน์อยู่บ้าง เขาหยิบแผ่นเช็ดเครื่องสำอางมาเช็ดบนใบหน้าของโหมวยู่ แล้วก็ยังสั่งไปด้วยว่า ” ตอนนี้ฉันกำลังช่วยพี่ใหญ่ใช้เครื่องสำอาง รีบโทรหาบ้านตระกูลโหมวซะ แล้วเรียกหมอมา ”
เมื่อใบหน้าของโหมวยู่กลับมามีสภาพเดิมแล้ว เป็นธรรมดาที่ทั้งสามคนจะตกใจ
จริงๆ แล้วพวกเขาไม่เคยเห็นโหมวยู่ในสภาพที่ดูป่วยแบบนี้มาก่อน และก็ไม่มีทางจินตนาการได้ว่าพี่ใหญ่ที่เก่งกาจที่สุดในกลุ่มจะมีสภาพอ่อนแอเช่นนี้ ใบหน้าที่ดูขาวซีดราวกับว่าจะสิ้นลม พวกเขาไม่กล้าแม้แต่จะโดนตัวโหมวยู่ที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยซ้ำ
โหมวยู่ยังคงพยายามอดทนและฝืนเพื่อไม่ให้ตัวเองเป็นลมตายซะก่อน เขาใช้เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดพูดออกไปว่า ” อย่าให้ชางหลิงไม่เห็นสภาพฉันในตอนนี้ ส่วนงานแต่งงานในวันนี้ ถ้าร่างกายของฉันมันไม่ไหวแล้วจริงๆ ก็ให้งานแต่งในวันนี้เป็นของฉู่ฉือกับถงเอินก็แล้วกัน ”
” คุณชายรอง ไม่ต้องพูดแล้ว พักผ่อนเถอะครับ ” ฉู่ฉือเป็นห่วงจนแทบจะร้องไห้ออกมา โหมวยู่ในตอนนี้ การที่เขาจะพูดออกมาแต่ละคำเหมือนต้องเผาผลาญพลังงานชีวิตเป็นอย่างมาก
” ทำตามที่ฉันบอก ฉู่ฉือ นายรีบพาถงเอินไปเลือกชุดแต่งงานให้เรียบร้อย อย่าทำให้ต้องเสียภาพลักษณ์ของเซิ่งซื่อกรุ๊ป ”
จัดเตรียมงานแต่งมาได้ตั้งนาน ร่างกายของเขากลับเพิ่งจะมาออกเอาการเอาตอนสองวันนี้ เมื่อไม่เป็นไปตามที่โหมวยู่คาดหวังเอาไว้ แต่ในตอนนี้ เขาก็คงจำเป็นต้องใช้แผนนี้แย่ที่สุด
ขณะนี้ ด้านนอกคลับnova ชางหลิงที่ลงจากรถก็ไม่เห็นโหมวยู่เลย เธอที่พยายามกวาดตามองหาก็พบเพียงความว่างเปล่า เมื่อเห็นอย่างนั้นแล้วก็รีบสาวเท้าไปยังห้องพักของเจ้าบ่าวทันที
แม้จะเป็นเพียงหนึ่งวินาทีเธอก็รอไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ในตอนนี้เธออยากเจอเพียงโหมวยู่เท่านั้น