Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร – บทที่ 1024 : เส้นทางบ่มเพาะ!

บทที่ 1024 : เส้นทางบ่มเพาะ!

เกาเฉินเฉินป้อนข้าวต้มให้กับหลิงหยุนไปถึงห้าถ้วยและข้าวต้มที่หลิงหยุนทานเข้าไปนั้น ท่านหมอเสี่ยวก็ได้ผสมตัวยาสมุนไพรเข้าไปด้วย หลังจากที่รับประทานเข้าไปมากมาย หลิงหยุนจึงรู้สึกกระปรี้กระเปร่า และสัมผัสได้ถึงกำลังวังชาที่เพิ่มขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มาก..
“ผมอิ่มมากแล้ว..รู้สึกคล้ายเลือดลมหมุนเวียนได้ดีขึ้นมาก!”
จากนั้นหลิงหยุนจึงหันไปพูดกับท่านหมอเสี่ยว“ท่านปู่เสี่ยว.. ลำบากท่านแล้ว!”
มีหรือที่หลิงหยุนจะไม่ได้กลิ่นยาสมุนไพรล้ำค่าที่ผสมอยู่ในข้าวต้มและสมุนไพรล้ำค่าเช่นนี้ ก็มีเพียงท่านหมอเสี่ยวเท่านั้นที่จะสามารถจัดหามาได้..
“เอาล่ะ..ในเมื่อเจ้าเองก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว ตาแก่อย่างฉันก็คงไม่ต้องเป็นห่วงอะไรอีก! หนุ่มๆสาวๆคุยกันต่อก็แล้วกัน ฉันขอกลับไปพักผ่อนก่อนล่ะ..”
ท่านหมอเสี่ยวพูดจบก็เดินจากไปทันทีแต่ก่อนกลับก็ไม่ลืมที่จะย้ำกับหลิงหยุน “ที่บ้านของฉันยังมีสมุนไพรดีๆอีกมากมาย น้ำลายมังกรที่เจ้าให้ไว้ก็ยังไม่ได้ใช้ หากเจ้าต้องการก็ไปเอาที่บ้านได้ทุกเมื่อ!”
“เจ้าเด็กดื้อ..ในเมื่อเจ้ากินโจ๊กได้ขนาดนี้ ก็น่าจะกินอาหารบำรุงอย่างอื่นได้ด้วย! ”
หลิงหยุนรีบส่ายหน้าพร้อมกับตอบไปว่า“น้าหญิง.. แค่นี้ข้าก็อิ่มไปถึงพรุ่งนี้เช้าแล้ว..”
จากนั้นหลิงหยุนก็เงยหน้าขึ้นสำรวจสีหน้าของทุกคนก่อนจะพูดขึ้นว่า “ที่ผ่านมาทุกคนคงนอนหลับพักผ่อนกันไม่เต็มอิ่มนัก ตอนนี้ผมก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว ทุกคนไม่ต้องเป็นห่วงผมอีกแล้ว ขอให้กลับไปพักผ่อนที่ห้องของตัวเอง มีเรื่องอะไรพรุ่งนี้ค่อยคุยกันใหม่!”
“อืมม..”
แม้ทุกคนจะทำเสียงเห็นด้วยกับหลิงหยุนแต่ก็ราวกับฝ่าเท้าถูกตรึงไว้ด้วยตะปู เพราะไม่มีใครยอมก้าวเท้าออกจากห้องนอนของหลิงหยุนเลยแม้แต่คนเดียว
หลิงหยุนเห็นเช่นนั้นจึงได้แต่หันไปมองฉินตงเฉี่วยพร้อมกับขอร้อง“น้าหญิง..”
ฉินตงเฉี่วยได้แต่ถอนหายใจพร้อมกับพูดขึ้นว่า“เอาล่ะ.. เอาล่ะ.. ข้ารู้ว่าทุกคนต่างก็เป็นห่วงเจ้าเด็กดื้อนี่ แต่ในเมื่อเขาก็ฟื้นขึ้นมาแล้ว ข้าเองก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่เช่นกัน สู้กลับไปพักผ่อนจะดีกว่า..”
ฉินตงเฉี่วยรู้ว่าร่างกายคนเรานั้นไม่ได้ทำจากเหล็กไหลทุกคนเฝ้าหลิงหยุนมานานติดต่อกันถึงเก้าวัน ถึงอย่างไรก็ต้องมีขีดจำกัด และถึงเวลาที่ควรต้องพักผ่อนบ้าง รวมถึงตัวนางด้วยเช่นกัน..
ในเมื่อฉินตงเฉี่วยเอ่ยปากเช่นนี้ทุกคนแม้จะไม่เต็มใจ แต่ก็ต้องก้มหน้าก้มตาเดินออกจากห้องนอนของหลิงหยุนไป..
แต่ก็ยังมีหนึ่งคนที่ไม่ยอมไปใหนซึ่งก็คือไป๋เซียนเอ๋อ! และหากไป๋เซียนเอ๋อไม่ยอมออกจากห้อง ใครจะพูดเช่นใดก็เปล่าประโยชน์ หลิงหยุนจึงไม่มีทางเลือก และได้แต่ปล่อยให้นางอยู่ในห้องต่อไป..
หลิงหยุนยื่นแขนออกมาโอบร่างของไป๋เซียนเอ๋อไว้พร้อมกับพูดขึ้นว่า“เซียนเอ๋อ.. เจ้าเป็นคนที่ไม่เชื่อฟังข้าที่สุด!”
ไป๋เซียนเอ๋อนอนขดอยู่ในอ้อมแขนของหลิงหยุนราวกับลูกแมวใบหน้างดงามนั้นแย้มยิ้มออกมาอย่างพอใจ ขนตางอนยาวกระพริบถี่ก่อนจะร้องถามออกไปว่า
“พี่หลิงหยุน..ท่านทำให้เซียนเอ๋อกลัวแทบตาย..”
หลิงหยุนรู้ดีว่าไป๋เซียนเอ๋อกำลังพูดถึงทัณฑ์สวรรค์..เขาโอบร่างบอบบางของนางไว้เป็นการปลอบโยน
“เจ้ากลัวงั้นรึที่เกาะเตียวหยู่เจ้าเองก็เคยผ่านทัณฑ์สวรรค์ที่น่ากลัวมาแล้ว ครั้งนี้ไม่เห็นมีอะไรน่ากลัวเลย!”
ครั้งนี้อาจจะดูเหมือนว่าหลิงหยุนบ้าบิ่นจนเกินไปแต่ความจริงแล้วหลิงหยุนไม่ได้บ้าบิ่นอย่างที่ใครๆเห็น เพียงแต่เขารู้ดีว่าหากตนเองได้รับอันตรายถึงชีวิต พู่กันจักรพรรดิ สมุดจักรพรรดิ หม้อเสินหนง ประคำโพธิ และของวิเศษอื่นๆจะต้องเผยตัวขึ้นเพื่อช่วยชีวิตของเขาอย่างแน่นอน..
ไม่เช่นนั้น..หลิงหยุนเองก็คงไม่โง่ที่จะใช้ร่างที่ไร้เครื่องป้องกันใดๆ รับทัณฑ์สวรรค์ หรือทำอะไรที่เสี่ยงอันตรายเช่นนั้นแน่!
ด้วยเหตุนี้เขาจึงต้องสังหารศัตรูที่แข็งแกร่งทั้งสองให้จบสิ้นก่อนที่วิชาพลังมังกรของตนจะหมดฤทธิ์และหากวิชาพลังมังกรหมดฤทธิ์ลงแล้ว แต่ทัณฑ์สวรรค์ยังคงอยู่ ถึงตอนนั้นอย่างไรเสียสมุดจักพรรดิ และพู่กันจักรพรรดิ ก็จะต้องออกมาช่วยปกป้องเขาไว้อย่างแน่นอน หลิงหยุนเชื่อมั่นเช่นนั้น!
ไป๋เซียนเอ๋อพยักหน้าอย่างเข้าอกเข้าใจพร้อมกับพึมพำออกมาว่า “พี่หลิงหยุน.. ตอนนี้พี่อยู่ในขั้นพลังชี่แล้วรึ”
หลิงหยุนตอบกลับไปอย่างมั่นใจ“แน่นอน.. ไม่เช่นนั้นทัณฑ์สวรรค์ก็คงไม่ปรากฏ เพียงแต่..”
เพียงแต่..หลิงหยุนคำนวณผิดพลาดไป!
หลิงหยุนคิดไม่ถึงว่าผลจากการใช้วิชาพลังมังกรนั้นจะทำให้ร่างกายของเขาอ่อนแอลงได้มากมายถึงเพียงนี้ อีกทั้งทัณฑ์สวรรค์เส้นสุดท้ายนั้น ไม่เพียงรุนแรง แต่ยังเกิดขึ้นรวดเร็วอย่างมาก จนแม้แต่พู่กันจักรพรรดิ และสมุดจักรพรรดิยังไม่สามารถพุ่งออกจากร่างมาช่วยเขาไว้ได้ทัน ด้วยเหตุนี้.. หลิงหยุนจึงได้รับบาดเจ็บสาหัสจนแทบเอาชีวิตไม่รอด..
ในเมื่อหลิงหยุนยังไม่ตายเพราะทัณฑ์สวรรค์จึงเป็นเครื่องยืนยันว่าเวลานี้เขาได้เข้าสู่ด่านแรกของขั้นพลังชี่แล้ว แต่ร่างกายของเขากลับมีปัญหาใหญ่ และเขาจะต้องเร่งหาทางแก้ไขให้ได้โดยเร็ว..
หลิงหยุนหยิบศิลากลั่นวิญญาณขึ้นมากำไว้ในมือและเริ่มสงบจิตสงบใจอีกครั้ง ในเวลาเดียวกันก็ค่อยๆ เลื่อนตัวลง และเอนศรีษะซบลงบนเนินอกอ่อนนุ่มของไป๋เซียนเอ๋ออย่างสบายอกสบายใจ จากนั้นจึงร้องบอกนางว่า
“เซียนเอ๋อ..ปลดปล่อยพลังชีวิตในกายเจ้าให้ข้าที!”
ไป๋เซียนเอ๋อเห็นหลิงหยุนนอนซบเนินอกตนเองเช่นนั้นก็ได้แต่เขินอาย แต่ก็ทำการปลดปล่อยพลังชีวิตออกจากร่างตามคำสั่งอย่างว่าง่าย..
หลิงหยุนสัมผัสได้ถึงพลังชีวิตที่แข็งแกร่งของสุนัขจิ้งจอกแต่ร่างกายของเขากลับไม่สามารถดูดซับพลังชีวิตเหล่านั้นเข้าไปได้เหมือนเคย..
‘แย่แล้ว..อาการของข้าดูเหมือนจะหนักหนากว่าที่คิดไว้มาก!’
หลิงหยุนถึงกับถอนหายใจและไม่คิดว่าการใช้วิชาพลังมังกรจะส่งผลรุนแรงถึงเพียงนี้ เขาจึงได้แต่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะดูดซับพลังชีวิตไปชั่วคราว..
‘เข้าสู่ขั้นปฐมชี่ได้แต่กลับไม่มีพลังปราณเหลืออยู่เลย จิตหยั่งรู้ก็ไม่สามารถใช้ได้ เช่นนี้แล้วจะมีประโยชน์อะไรกัน นี่ไม่เท่ากับข้าเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์งั้นรึ?’
“พี่หยุน..มีอะไรรึ”
ไป๋เซียนเอ๋อสัมผัสได้ถึงท่าทางที่ผิดปกติของหลิงหยุนจึงได้แต่ร้องถามด้วยความสงสัย
“ไม่มีอะไร..”
หลิงหยุนยิ้มพร้อมกับถามต่อว่า“เซียนเอ๋อ.. สมุนไพรของข้าทั้งสามต้นเล่า”
แทนที่จะเป็นห่วงบ้านหลิงหยุนกลับเป็นห่วงสมุนไพรทั้งสามต้น ไป๋เซียนเอ๋อยิ้มออกมาอย่างมีความสุขพร้อมตอบกลับไปว่า
“ข้าคิดอยู่แล้วว่าท่านต้องถามถึงเรื่องนี้!ทุกต้นยังปลอดภัยดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหญ้าหยินกับหญ้าหยาง ดูเหมือนจะโตขึ้นมากแล้วด้วย!”
เมื่อได้ยินว่าสมุนไพรทั้งสามต้นปลอดภัยดีหลิงหยุนก็ได้แต่โล่งใจ ในเมื่อเข้าสู่ขั้นพลังชี่ได้แล้ว หลิงหยุนก็จะสามารถกลั่นโอสถเองได้ และสามารถสร้างของวิเศษพื้นๆได้ เขาตั้งใจว่ารอให้สมุนไพรทั้งสามต้นโตเต็มวัยเสียก่อน เขาจะได้จัดการนำไปกลั่นเป็นโอสถหยิน-หยาง และโอสถน้ำลายมังกร เพื่อใช้ในการฝึกของตนเองต่อไป..
ไป๋เซียนเอ๋อถามต่อด้วยความอยากรู้อยากเห็น“พี่หลิงหยุน.. ขั้นพลังชี่คืออะไรงั้นรึ”
หลิงหยุนยิ้มและตอบกลับไปว่า“ขั้นพลังชี่เป็นขั้นของผู้ที่ฝึกบ่มเพาะตนอย่างแท้จริง ในขั้นนี้จะแยกเป็นสองส่วนคือ.. ดูดซับปราณภายในร่างกาย และกลั่นปราณบ่มเพาะจิตวิญาณ”
“ในด่านแรกของขั้นพลังชี่นั้น..จะเน้นในเรื่องของการดูดซับปราณภายในร่างกาย และพลังชีวิตในโลกเพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้บ่มเพาะ และสร้างพลังให้กับจิตหยั่งรู้ ในขั้นนี้ผู้บ่มเพาะตนจะสามารถกลั่นโอสถ และสร้างของวิเศษแบบพื้นๆได้บ้าง..”
“เมื่อเข้าสู่ด่านกลางของขั้นพลังชี่..ในกายของผู้บ่มเพาะจะเสมือนมีกระบี่อยู่ในกาย เพียงแค่คิดก็สามารถเปลี่ยนขนาดของกระบี่ได้ตามต้องการ และสามารถใช้กระบี่เหินเหาะเหินไปได้ไกลหลายพันลี้..”
“สำหรับด่านสุดท้ายของขั้นพลังชี่นั้น..ผู้บ่มเพาะจะมีพลังแข็งแกร่งอย่างที่สุด ไม่เพียงแค่เหาะเหินเดินอากาศได้ แต่ยังสามารถเสกไฟ เสกอสุนีบาต แล้วก็ของวิเศษได้อีกมากมายหลายอย่าง..”
ไป๋เซียนเอ๋อได้ฟังถึงกับร้องอุทานออกมา“โอ้โห.. เช่นนี้แล้วต่อไปพี่หลิงหยุนคงต้องแข็งแกร่งมากยิ่งนัก!”
“นั่นยังกระจอกนัก..”
หลิงหยุนหลับตาพร้อมกับยิ้มออกมาพร้อมกับพูดต่อว่า“หากสามารถเข้าสู่ขั้นจินตัน และขั้นปฐมจิตได้ คนผู้นั้นจะมีอายุถึงพันปี สามารถทลายขุนเขาแยกแม่น้ำได้ด้วยสองมือเปล่า และเพียงแค่ชั่วพริบตาก็สามารถเดินทางได้ไกลถึงพันลี้ ในสายตาของคนธรรมดาทั่วไป.. พวกเขาจึงไม่ต่างจากเซียน!.ไอลีนโนเวล.
ไป๋เซียนเอ๋อร้องถามอย่างร้อนอกร้อนใจ“พี่หลิงหยุน.. เซียนเอ๋อจะเป็นเซียนได้หรือไม่”
หลิงหยุนลืมตาขึ้นพร้อมกับตอบยิ้มๆ“ย่อมได้อยู่แล้ว.. รอให้เจ้างอกหางที่หกเสียก่อน ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะสามารถฝึกบ่มเพาะจิตวิญญาณได้..”
“และเมื่อใดที่เจ้าสามารถกำจัดหางที่หกได้..เมื่อนั้นเจ้าจะไม่ใช่มนุษย์ ไม่ใช่ปีศาจ แต่จะกลายเป็นเซียน!”
หลิงหยุนได้แต่แอบคิดในว่าเขาล้มเหลวเมื่อครั้งที่อยู่ในโลกบ่มเพาะ แต่ในโลกใบนี้.. เขาจะสามารถบ่มเพาะตนขึ้นเป็นเซียนได้สำเร็จหรือไม่
“พี่หลิงหยุน..ท่านต้องฝึกตนอีกนานเท่าใดจึงจะได้เป็นเซียน”
หลิงหยุนเริ่มรู้สึกง่วงและหนังตาของเขาก็เริ่มตก แต่ก็ตอบไปว่า “อีกเนิ่นนานเลยทีเดียว.. ขึ้นอยู่กับโชคชะตา!”
จากนั้นหลิงหยุนจึงเผลอหลับไปบนเนินอกของไป๋เซียนเอ๋อ..
หลิงหยุนหลับนานถึงสามชั่วโมงและตื่นมาอีกทีในตอนตีห้าของเช้าวันถัดไป..
หลิงหยุนยังคงนอนนิ่งไม่ขยับกายเขาปิดเปลือกตาลง และลองเดินวิชาพลังลับหยิน-หยางอีกครั้ง แต่ก็ไร้ซึ่งปฏิกิริยาใดๆในจุดตันเถียน อีกทั้งยังสัมผัสไม่ได้ถึงการไหลเวียนของพลังปราณเลยแม้แต่น้อย จิตหยั่งรู้และเนตรหยิน-หยางก็ยังคงใช้งานไม่ได้..
หลิงหยุนทั้งผิดหวังโกรธ เศร้า และทุกข์ระทม แต่สิ่งที่น่าตกใจที่สุดสำหรับหลิงหยุนมากกว่านั้นก็คือ.. แม้เขาจะนอนแนบเรือนร่างที่งดงามเย้ายวนของไป๋เซียนเอ๋อ แต่กลับไม่มีปฏิกิริยาทางร่างกายในแบบที่บุรุษพึงมีต่อสตรีเลยแม้แต่น้อย!
‘แย่แล้ว..เกิดอะไรขึ้นกับหยางในกายข้ากันแน่! หรือที่ข้าเพียรฝึกฝนมาทั้งหมดนั้น กำลังจะเปลี่ยนข้าให้เป็นเช่นนี้!’
หลิงหยุนรู้สึกท้อแท้ผิดหวังขึ้นมาทันที!แต่หลังจากกร่นด่าอยู่ในใจครู่หนึ่ง เขาก็ต้องทำใจยอมรับความจริงอันโหดร้ายนี้..
‘ข้าคงใช้พลังในร่างกายเกินกว่าที่จะรับไหวจริงๆทั้งจุดตันเถียนและเส้นลมปราณจึงพากันประท้วงข้าเช่นนี้!’
หลิงหยุนรู้ดีว่า..จุดตันเถียนรูปไท่จี๋ของตนนั้นได้หมุนกลับแล้ว และการหมุนกลับนั้นย่อมหมายความว่าวิชาพลังลับหยิน-หยางสามารถทำงานได้เอง แต่ตอนนี้ดูเหมือนจุดตันเถียนของเขาจะหยุดหมุนไปแล้ว..
แต่เมื่อใดก็ตามที่จุดตันเถียนของเขากลับมาหมุนอีกครั้งหยินและหยางในร่างกายของเขาก็จะถูกสร้างขึ้นเอง ตราบใดที่หยิน-หยางจะกลับมาหมุนเวียนภายในเส้นลมปราณต่างๆอีกครั้ง เมื่อนั้นจิตหยั่งรู้ และเนตรหยิน-หยางของเขาก็จะถูกฟื้นฟู และสามารถใช้ได้ดังเดิม..
หลิงหยุนยังไม่เข้าใจว่า..ปัญหาที่แท้จริงนั้นอยู่ที่จุดตันเถียนของตนเอง หรือว่าวิชาพลังลับหยินหยางกันแน่
แต่สิ่งสำคัญที่สุดก็คือ..เขาจะทำให้จุดตันเถียนของตนเองกลับมาหมุนอีกครั้งได้อย่างไร
ที่ผ่านมา..ด้วยร่างกายที่อัศจรรย์ของหลิงหยุน เพียงแค่ดูดซับพลังชีวิตเข้าไป จุดตันเถียนของเขาก็หมุนได้เอง แต่เวลานี้แม้แต่ร่างกายที่อัศจรรย์ของเขากลับไม่สามารถดูซับเอาพลังชีวิตเข้าไปในร่างกายได้..
หลิงหยุนรู้ดีว่าที่ผ่านมานั้นร่างกายของตนเองวิเศษล้ำเลิศเพียงใดไม่เพียงแค่ผิวหนังที่ดูดซับเอาพลังชีวิตเข้าไปได้ แม้แต่กระดูก โลหิต อวัยวะภายใน และแม้แต่จุดฝังเข็มต่างๆภายในร่างกายก็สามารถดูดซับพลังชีวิตได้..
แต่หลังจากที่เขาใช้วิชาพลังมังกรเพื่อเพิ่มศักยภาพในการต่อสู้ในคืนนั้นไม่เพียงพลังปราณในจุดตันเถียนของเขาถูกใช้ไปจนหมดสิ้น แม้แต่พลังชีวิตที่ถูกเก็บไว้ตามจุดฝังเข็มทั่วร่างกาย ก็เหือดแห้งไปด้วย!
หากเปรียบพลังปราณในตันเถียนเป็นท้องทะเลในเส้นลมปราณเป็นแม่น้ำ ในจุดฝังเข็มก็คือทะเลสาบ เมื่อเส้นลมปราณเยิ่นและเส้นลมปราณตูเปิดออก สายน้ำจากทุกหนแห่งจึงไหลมารวมกัน และหมุนเวียนได้อย่างสมบูรณ์..
แต่เวลานี้..ในร่างกายของหลิงหยุน ไม่ว่าจะเป็นท้องทะเล แม่น้ำ หรือว่าทะเลสาบ ล้วนแล้วแต่เหือดแห้ง ไม่มีพลังปราณเหลืออยู่เลยแม้แต่น้อย!
นี่คือผลพวงของการใช้วิชาพลังมังกรที่เพิ่มศักยภาพให้หลิงหยุนถึงสิบเท่าในครึ่งชั่วโมงแต่หลิงหยุนต้องจ่ายคืนในราคาที่เจ็บปวดที่สุด!
“พี่หลิงหยุน..ท่านตื่นแล้วรึ” ไป๋เซียนเอ๋อถามงัวเงีย
“ข้านอนมามากพอแล้ว..แต่เจ้าสิไม่ได้พักผ่อนมาหลาย เจ้านอนต่อเถอะนะ! ไม่ต้องห่วงข้า..”
หลิงหยุนลุกขึ้นยืนและพบว่าร่างกายของเขายังคงอ่อนแอมาก จึงยืนปรับร่างกายอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากรู้สึกร่างกายมั่นคงแล้วจึงค่อยๆ โน้มตัววางศิลากลั่นวิญญาณลงบนเตียง แล้วจึงเดินออกลงไปข้างล่างอย่างเงียบๆ เพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนคนอื่นที่ยังหลับอยู่
หลิงหยุนเดินตรงไปที่สวนด้านหน้าและพบว่ามีคนผู้หนึ่งที่ตื่นเช้ากว่าตนเอง เขาก็คือหวังเฟยฮู๋..
หวังเฟยฮู๋กำลังฝึกเพลงหมัดอยู่ใต้ต้นไม้แต่เมื่อได้ยินเสียงดังขึ้นที่ด้านหลัง จึงรีบหันกลับไปมอง และเมื่อพบว่าเป็นหลิงหยุน เขาจึงร้องออกมาอย่างตกใจ
“หลิง..หลิงหยุน.. ท่าน.. เหตุใดจึงฟื้นตัวเร็วเช่นนี้”
หวังเฟยฮู๋ประหลาดใจหลิงหยุนได้รับบาดเจ็บสาหัสจากพลังที่รุนแรงของสายฟ้าเทวะสีทองจนนอนหลับใหลไปนานถึงเก้าวัน แต่เมื่อรู้สึกตัว และหลับไปเพียงแค่คืนเดียว เขากลับสามารถลุกขึ้นมาเดินเหินได้แล้ว..
หลิงหยุนยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนจะตอบไปว่า “เร็วอะไรกัน.. ข้าเพิ่งจะลุกขึ้นมาเดินได้เท่านั้น!”
หวังเฟยฮู๋รีบเดินเข้าไปประคองหลิงหยุนพร้อมกับพูดขึ้นอย่างระมัดระวัง“คุณชายหลิง.. ท่านค่อยๆเดิน..”
หวังเฟยฮู๋ประคองหลิงหยุนไปนั่งที่เก้าอี้ไม้ไผ่ข้างสระว่ายน้ำแต่หลิงหยุนกลับปฏิเสธ “ไม่.. ข้ายืนดีกว่า!”
หลิงหยุนยกมือขึ้นเท้าเอวพร้อมกับบิดร่างกายไปมาก่อนจะหันไปพูดกับหวังเฟยฮู๋ “หวังเฟยฮู๋.. ตั้งแต่คืนนั้นมา ข้ายังไม่มีโอกาสได้พูดคุยกับเจ้าเลย..”
หวังเฟยฮู๋ได้ยินเช่นนั้นจึงชิงพูดขึ้นว่า“คุณชายหลิง.. คืนนั้นหากไม่ได้ท่านกลับมาช่วย ข้าเองก็คง..”
หลิงหยุนยกมือขึ้นห้ามไม่ให้เขาพูดต่อและพูดขึ้นว่า “ข้าขอแสดงความเสียใจกับเจ้าด้วย.. เพื่อปกป้องบ้านหลังนี้ พี่น้องของเจ้าสองคนถึงกับต้องเสียสละชีวิตตนเอง ข้าซาบซึ้งใจยิ่งนัก หากเจ้าต้องการสิ่งใด ได้โปรดบอกข้ามา!”
หลิงหยุนรู้สึกเสียใจอย่างมากที่กลับมาช่วยชีวิตของทั้งสองคนไว้ไม่ทัน จนกระทั่งถึงตอนนี้หลิงหยุนยังไม่รู้ชื่อของพวกเขาทั้งสองคนเลยด้วยซ้ำไป..
ดวงตาของหวังเฟยฮู๋แดงก่ำพร้อมกับพูดขึ้นว่า“คุณชายหลิง.. ท่านไม่ต้องกังวลใจไป ในเมื่อพวกข้าตัดสินใจติดตามท่านแล้ว ก็ไม่ห่วงชีวิตของตนเองอีก..”
หลิงหยุนนิ่งไปครู่ใหญ่แล้วจึงพูดขึ้นว่า “ข้าจะรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายในการทำศพพี่น้องของเจ้าทั้งสองคน และมอบเงินให้ครอบครัวพวกเขาคนละห้าสิบล้าน ส่วนเจ้า.. ข้าจะมอบให้หนึ่งร้อยล้านเพื่อตอบแทนน้ำใจ!”
พิธีศพของพวกเขาเจ้าจัดการได้เลยหลังจากนั้นข้าจะให้ถังเมิ่งโอนเงินเข้าบัญชีของเจ้า..
หวังเฟยฮู๋ถึงกับตกใจและพูดขึ้นว่า “คุณชายหลิง.. คือข้า.. ข้า..”
หลิงหยุนโบกมือห้ามพร้อมกับพูดต่อว่า“เอาล่ะ.. ข้าจะให้คนมาคลายจุดที่เหลือให้กับเจ้าโดยเร็วที่สุด!”
“ส่วนอาการบาดเจ็บภายในของเจ้าข้าจะเป็นผู้รักษาให้เอง หลังจากนั้น.. เจ้าก็ไปจากที่นี่ได้!”
หวังเฟยฮู๋ได้ฟังถึงกับทรุดลงกับพื้นเขาคุกเข่าต่อหน้าหลิงหยุนพร้อมกับร้องถามออกไปว่า
“คุณชายหลิง..ข้า – หวังเฟยฮู๋ทำอะไรผิดต่อท่านงั้นรึ เหตุใดท่านจึง..”
หลิงหยุนโน้มตัวลงและประคองร่างของหวังเฟยฮู๋ให้ลุกขึ้นพร้อมกับอธิบายว่า “ไม่เลย.. เจ้าไม่ได้ทำสิ่งใดผิดต่อข้าแม้แต่น้อย! หนำซ้ำเจ้ายังทำหน้าที่ได้ดีเกินคาดมากด้วย!”
หวังเฟยฮู๋ยังไม่ยอมลุกขึ้น“แล้วเหตุใดคุณชายหลิงต้องขับไล่ข้าเช่นนี้ด้วยเล่า”
หลิงหยุนถอนหายใจก่อนจะอธิบายว่า “ข้าไม่ได้ขับไล่ไสส่งเจ้า แต่ข้าไม่ต้องการให้เจ้าเอาชีวิตมาเสี่ยงกับข้า!”
“คืนนั้นเจ้าก็เห็นกับตาตัวเองแล้ว..ทั้งยอดฝีมือขั้นเซียงเทียน-9 พรรคมาร แวมไพร์ แม้แต่ปีศาจภัยแล้ง.. ศัตรูของข้าล้วนแข็งแกร่งยิ่งนัก หากเจ้ายังติดตามข้าเช่นนี้ อันตรายย่อมจะเกิดขึ้นกับเจ้าได้ตลอดเวลา!”
หวังเฟยฮู๋ยังคงอ้อนวอน..“คุณชายหลิง.. หากท่านต้องการที่จะขับไล่ข้าไปจริง ข้าจะยอมสละชีวิตตัวเองต่อหน้าท่าน..”
หลิงหยุนถอนหายใจพร้อมกับถามขึ้นว่า“เจ้าไม่นึกเสียใจทีหลังแน่รึ”
หวังเฟยฮู๋รีบตอบอย่างมั่นอกมั่นใจ“ข้า – หวังเฟยฮู๋ต้องการติดตามคุณชายหลิง และไม่ว่าจะต้องบุกน้ำลุยไฟ ข้าก็ไม่นึกเสียใจ!”
หลิงหยุนยิ้ม“ถ้าเช่นนั้น.. ท่านหวัง.. ท่านตามข้ามา!”
หลิงหยุนเปลี่ยนมาเรียกหวังเฟยฮู๋ว่า‘ท่านหวัง’ ทันที..
หวังเฟยฮู๋ยิ้มอย่างมีความสุขและลุกขึ้นยืนทันที “ไปใหนงั้นรึ”
“ไปเดินเล่นกับข้า..”หลิงหยุนตอบกลับไปอย่างพอใจ

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

ความเป็นอมตะของหลิงหยุนได้มลายหายไป.. ทำให้เขาตกลงมาสู่โลกมนุษย์ ในยุคที่เต็มไปด้วยความเสื่อมทรามอย่างที่สุด จากนั้น.. หลิงหยุนจะค่อยๆ บ่มเพาะพลังในตัวเองทีละขั้น ทีละขั้น และไต่ลำดับขึ้นไปต่อกรกับสวรรค์ได้อย่างไร..

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท