My Vampire System – ตอนที่ 14

ตอนที่ 14

ควินน์ ปีเตอร์และวอร์เด็นกำลังถูกนักเรียนชั้นปีที่สองพาไปยังส่วนอื่นภายในโรงเรียน ซึ่งโรงเรียนได้แบ่งแยกออกเป็นอาคารต่างๆ โดยอาคารชั้นปีที่สองจะถูกแยกออกจากชั้นปีแรก นั่นหมายความว่านักเรียนชั้นปีที่สอง ไม่จำเป็นต้องเกี่ยวข้องกับนักเรียนชั้นปีที่หนึ่งเลย

“เราไม่ควรหนีงั้นเหรอ?”ปีเตอร์กระซิบ

“มันอาจจะทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม ถ้าพวกเขาจะทำอะไรสักอย่างกับเรา พวกเขาคงจะรอให้เราอยู่ห่างจากคนอื่นๆก่อน” ควินน์ตอบ “ดูเหมือนจะจงใจทำแบบนี้ในที่สาธารณะ อย่างกับป่าวประกาศให้คนอื่นๆที่เลเวลต่ำรู้ด้วย”

หลังจากที่เดินมาได้ซักพักพวกเขาก็มาถึงจุดหมายในที่สุด มันเป็นด้านข้างของอาคารชั้นปีที่สอง ที่มีนักเรียนชั้นปีที่สองไม่กี่คนกำลังเดินผ่าน แต่สถานที่นั้นค่อนข้างเงียบ

ที่กำลังนั่งอยู่บันไดด้านนอกอาคาร เป็นชายร่างสูงผมสีน้ำตาลมัดผมหางม้า

“เราพาพวกเขามาที่นี่ตามคำสั่งนายแล้วโมโน่”หนึ่งในนักเรียนชั้นที่ปีสองกล่าว

“พวกนายไปได้แล้ว” โมโน่ตอบแล้วยืนขึ้นจากบันได

นักเรียนชั้นปีที่สองเหล่านั้นทำตามที่ได้รับคำสั่งและปล่อยให้พวกเขาอยู่กันตามลำพัง

“ดูเหมือนจะมีข่าวลือเกี่ยวกับนักเรียนระดับสูงที่ติดสอยห้อยพวงอยู่กับพวกนักเรียนชั้นต่ำ”

ควินน์จึงสังเกตุนาฬิกาข้อมือของโมโน่ ซึ่งปรากฏหมายเลข 6 อย่างชัดเจน

“ผิดกฏรึไง?” วอร์เด็นถาม

โมโน่เริ่มหัวเราะออกมา

“ไม่เชิง แต่มีกฏบางข้อนะ ที่ไม่ได้ถูกกำหนดไว้ในโรงเรียน” จากนั้นโมโน่ก็เดินเข้ามาหาควินน์ “นายเห็นรึเปล่า? ว่าพอนายเริ่มจะให้ท้ายไอ้ขยะพวกนี้ ทำราวกับว่ามันจะมีประโยชน์ต่อสังคม พวกมันก็ชักจะอวดดีขึ้นทุกที”

ตอนนี้โมโน่อยู่ใกล้ควินน์ มากพอที่ควินน์จะสามารถใช้สกิล ‘ตรวจสอบ’อีกฝ่ายได้ แต่เมื่อเขาเหนื่อยล้า การคำนวณบนหน้าจอสถานะก็เลือนรางไป อย่างกับว่าหน้าจอสถานะกำลังหลอมละลายและข้อมูลทั้งหมดก็ไม่สามารถอ่านได้เลย

“เพราะฉันอยู่กลางแดดงั้นเหรอ?”ควินน์คิด

“ดูไอ้สวะนี่สิ” โมโน่พูด “ฉันอยู่ห่างจากแกแค่ไม่กี่ก้าว แต่นัยน์ตาของแกกลับไม่มีความกลัวเลยแม้แต่น้อย รู้อะไรมั้ย? ฉันคงมีความสุขมากถ้าสงครามเริ่มขึ้น เพราะมันจะกำจัดคนแบบแก และคนแข็งแกร่งเท่านั้นที่จะอยู่รอด”

ควินน์รู้สึกโกธรจนเลือดขึ้นหน้า เขาเกลียดสงครามที่ได้พรากทุกสิ่งทุกอย่างไปจากเขารวมไปถึงพ่อและแม่ เขาไม่สนใจอีกต่อไปแล้วแม้ว่าเขาจะถูกทำร้ายหรือไม่ก็ตาม ทั้งหมดที่เขาต้องการนั่นคือได้ชกโมโน่ ที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น

ในระยะนี้แม้ว่าหมัดของควินน์จะช้าแต่ก็ต้องชกโดน เขาไม่สามารถควบคุมความโกธรของตัวเองได้นานกว่านี้และได้เหวี่ยงหมัดออกไป แต่ก่อนที่ควินน์จะเหวี่ยงหมัดจนสุดกำลัง โมโน่ก็ก้าวถอยหลังไป ทำให้กำปั้นของควินน์ได้ชกเคว้งอยู่ในอากาศ

วอร์เด็นจึงใช้โอกาสนี้เพื่อจับตัวโมโน่ แต่แล้ว โมโน่ได้ถอยหลังอีกครั้งก่อนที่ วอร์เด็นเริ่มการกระทำของเขา เป็นเหตุให้วอร์เด็นจับอะไรเขาไม่ได้เลย

“นายคิดว่าฉันจะปล่อยให้ใครก็ได้มาแตะตัว ทั้งที่มีทักษะพิเศษอะไรที่ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำงั้นเหรอ” โมโน่พูด “ฉันไม่ได้มาที่นี่เพื่อจะต่อสู้กับพวกแก วันนี้ก็แค่มาเตือน มีใครบางคนในโรงเรียนนี้ที่แม้แต่ทหารก็ไม่สามารถแตะต้องได้ ถ้าพวกแกยังทำตัวแบบนี้ต่อไป คนพวกนั้นจะเข้ามาทำให้ยุ่งยากขึ้นแน่”

จากนั้น โมโน่ก็หันหลังขึ้นบันไดและเข้าไปในอาคารชั้นปีที่สอง

“นายคิดว่าเขาพูดจริงหรือเปล่า?” ปีเตอร์พูดขึ้น “ฉันรู้ว่าที่โรงเรียนมักไม่ค่อยชอบเรื่องแบบนี้ แต่ดูเหมือนมันจะยิ่งแย่กว่าเดิม ทั้งๆที่เราอยู่ในโรงเรียมเตรียมทหาร ทำไมอาจารย์ถึงไม่คิดจะทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดมัน”

“เพราะเป็นเรื่อที่พวกเขาได้ผลประโยชน์ยังไงล่ะ” ควินน์ตอบ “คนที่แข็งแกร่งนั้นรังแกคนที่อ่อนแอกว่า เป็นสาเหตุให้คนที่อ่อนแอหาทางที่จะได้รับพลังมากขึ้น แต่ถ้าคุณเริ่มต้นด้วยความอ่อนแอและไม่มีครอบครัวสนับสนุนเพื่อช่วยคุณเลย คุณจะได้รับพลังได้ที่ไหน?”

“กองทัพ” วอร์เด็นตอบ

“แน่นอน เหล่าอาจารย์และโรงเรียนไม่ทำอะไรทั้งนั้นแหละเพราะพวกเขาได้ผลประโยชน์จากมัน หลังจากได้รับประสบการณ์นรกเป็นเวลาสองปี จิตใจของคนเหล่านั้นคงพังทลายไปหมด คนเราจะทำทุกอย่างเพื่อแสวงหาอำนาจและความคุ้มครองแล้วทหารก็สามารถมอบสิ่งนั้นให้พวกเขาได้ ” ควินน์พูด

ควินน์จึงมองไปที่วอร์เด็น

“มันอาจจะดีที่สุดถ้าเราทำตามความต้องการของพวกนั้น แล้วก็แยกกันซะตอนนี้เลย”

“แล้วทำไมฉันต้องฟังพวกมัน!”วอร์เด็นสวนกลับทันควัน

การระเบิดอารมณ์นี้สร้างความประหลาดใจให้กับควินน์เมื่อวอร์เด็นได้แปลกไปต่อข้อเสนอแนะของเขา

“ใจเย็นก่อนวอร์เด็น ฉันเข้าใจนายนะที่นายคิดว่าตัวเองจะช่วยฉันกับปีเตอร์ แต่บางทีนายไม่เข้าใจเพราะนายไม่เคยไร้พลังเหมือนเรา หากพวกเราทำผิดกฏไม่ใช่นายที่พวกนั้นจะไปหาหรอกนะ มันจะเป็นฉันกับปีเตอร์ต่างหากที่พวกนั้นจะมาหา”

ควินน์เกลียดที่จะพูดเรื่องเช่นนี้กับวอร์เด็น อย่างไรก็ตาม วอร์เด็นก็คือคนแรกที่มีพลังเลเวลสูง แต่ไม่แบ่งแยกชนขั้นระหว่างคนอื่นๆ และจนถึงตอนนี้การปรากฏตัวของวอร์เด็นก็คือผู้ช่วยเสมอ เมื่อไหร่ก็ตามที่ควินน์และปีเตอร์เดินไปที่ไหน เลเวลสูงขึ้นไปก็ทำอะไรพวกเขาไม่ได้ นั่นเพราะ วอร์เด็น

แต่ตอนนี้ได้ดึงดูดปลาที่ใหญ่กว่า อะไรซักอย่างที่วอร์เด็นและควินน์ไม่สามารถจัดการได้ อย่างน้อย ก็ไม่ใช่ตอนนี้

“ก็ได้ แล้วแต่นายเลยละกัน!”วอร์เด็นพูดด้วยความโกธรขณะที่เดินกลับหอพัก

“บางทีเราน่าจะอธิบายให้เขาฟังได้ดีกว่านี้”ปีเตอร์พูด

“ไม่หรอก วิธีนี้น่ะดีแล้ว”ควินน์ตอบ

แม้ว่าดูเหมือนวอร์เด็นจะโกธรในคำพูดของควินน์ แต่นั่นไม่จริงเลย วอร์เด็นนั้นโกรธกับสถานการณ์ทั้งหมดในโรงเรียนนี้ ดูเหมือนว่าที่นี่จะมีคนมาคอยกำกับว่าเขาควรใช้ชีวิตยังไง เขาควรอยู่กับใครหรือไม่ควรอยู่ได้กับใคร

แต่วอร์เด็นไม่ต้องการให้ควินน์ได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นเขาก็รู้ว่าว่านี่คือตัวเลือกที่ถูกต้องแล้ว แต่วอร์เด็นจะไม่ปล่อยให้คนพวกนั้นบงการชีวิตของเขาแล้วเดินจากไป เขาจะตามไปจัดการกับพวกมันให้หมดทุกคน

My Vampire System

My Vampire System

Status: Ongoing

เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ทำสงครามกับเผ่าพันธุ์ ดัลกิที่ชั่วร้าย และเมื่อพวกเขานั้นต้องการความช่วยเหลือที่มากขึ้น มนุษย์กลุ่มหนึ่งจึงต้องออกโรง

พวกเขาเหล่านั้นซ่อนตัวอยู่ในเงามืดมาเป็นเวลาหลายร้อยปี และพวกเขาก็เป็นผู้มีความสามารถพิเศษ

บางคนเลือกที่จะแบ่งปันความรู้ของพวกเขากับมนุษย์คนอื่นๆในโลก ด้วยความหวังว่าจะชนะสงครามครั้งนี้ ในขณะที่บางคน ยังคงเก็บซ่อนความสามารถไว้เพื่อตัวของเขาเอง

ควินน์สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปในสงคราม ทั้งบ้านและครอบครัวของเขา สิ่งเดียวที่เขาเหลือคือหนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งที่เขาไม่สามารถจะเปิดมันได้

แต่เมื่อหนังสือเปิดออก ในที่สุดควินน์ก็ได้รับระบบซึ่งคอยมอบภารกิจต่างๆ ให้เขาทำ และสุดท้ายทั้งชีวิตของเขาก็ได้เปลี่ยนไป

ยิ่งเขาทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไหร่ เขาก็มีพลังมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งระบบได้มอบภารกิจหนึ่งให้แก่เขา และเขาไม่แน่ใจว่าเขาจะทำมันได้สำเร็จ

“ถึงเวลากินอาหารแล้ว!”

“คุณต้องดื่มเลือดมนุษย์ภายใน 24 ชั่วโมง”

“HP ของคุณจะลดลงเรื่อย ๆ จนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น”

Show less 

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท