My Vampire System – ตอนที่ 50

ตอนที่ 50

เมื่อปีเตอร์แยกตัวออกไป ควินน์กับวอร์เด็นก็ถูกทิ้งให้อยู่กันตามลำพัง พวกเขาจึงเดินไปตามถนนซึ่งเต็มไปด้วยร้านขายเสื้อผ้าและร้านอาหารต่างๆ

นักเรียนทุกคนจะได้รับ 10 เครดิตต่อวันสำหรับค่าใช้จ่าย แต่ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น พ่อแม่ของพวกเขาสามารถส่งค่าขนมพิเศษมาให้ลูกๆขณะที่อยู่ในโรงเรียนได้ นักเรียนคนใดร่ำรวยก็จะสามารถจับจ่ายซื้อของที่พวกเขาชอบได้อย่างอิสระ ซึ่งแย่หน่อย เพราะนักเรียนที่ยิ่งรวย ก็มักจะมีอำนาจสูงมากเช่นกัน

แม้ว่าทั้งเมืองจะไม่ได้เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้ามา แต่มันก็ยังเปิดรับคนงานทุกคน

ที่เมืองแห่งนี้เต็มไปด้วยคนของกองทัพแต่ไม่ใช่ว่าทั้งหมดจะเป็นทหาร ที่นี่ยังคงต้องการพ่อครัว หัวหน้าหน่วยงาน วิศวกรและคนงานก่อสร้างจำนวนมาก และแม้แต่พนักงานประจำร้านค้าทั่วๆไป

พวกเขาเหล่านั้นจะได้รับอนุญาตเป็นพิเศษจากกองทัพ ซึ่งทำให้พวกเขาได้รับที่พักดีๆเพื่ออยู่อาศัยโดยไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับชีวิตในโลกภายนอก

ดังนั้น แม้พวกเขาจะทำงานให้กับกองทัพ พวกเขาก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้จนกว่าจะถึงเวลาที่จำเป็นจริงๆ

ในขณะที่ทั้งสองคนกำลังเดินอยู่ ควินน์อดไม่ได้เลยที่จะนึกถึงการต่อสู้ระหว่างวอร์เด็นและโมโม่

“เฮ้ วอร์เด็น ฉันรู้ว่านายบอกฉันว่าทักษะของนายจะรีเซ็ตทุกวัน แต่นายก็ไม่ได้บอกว่าใช้ทักษะสองอย่างได้พร้อมกันใช่หรือเปล่า?” ควินน์ถาม

“ฉันไม่ได้บอกงั้นเหรอ?” วอร์เด็นพูดด้วยรอยยิ้มที่อึดอัดใจ “อืม..ในครอบครัวของฉันก็มีบางคนนะ ที่ใช้พลังได้ถึงสามทักษะ”

“จริงเหรอ? แล้วมันมีวิธีใช้งานแบบนั้นได้ยังไง?”

“ก็..ถ้าฉันต้องบอกความลับของครอบครัวตัวเองให้นายรู้นะควินน์ นายมาเป็นส่วนหนึ่งของเราสิ ไม่งั้นฉันอาจจะต้องฆ่านายทิ้งซะ”

วินาทีนั้นได้เกิดความอึดอัดระหว่างพวกเขาทั้งสองคน และควินน์ก็ชักไม่แน่ใจว่าวอร์เด็นล้อเล่นหรือเปล่า

“ล้อเล่นน่า” วอร์เด็นกล่าว “แต่ก็นะ ฉันบอกนายไม่ได้จริงๆ นายก็รู้กฏของผู้มีทักษะโดยกำเนิดทั้งหมดดีไม่ใช่หรือไง”

วอร์เด็นเป็นหนึ่งในครอบครัวของผู้มีทักษะโดยกำเนิดที่ตัดสินใจรักษาความสามารถพิเศษนี้เอาไว้ในครอบครัวของเขา หมายความว่า มีเพียงคนกลุ่มเดียวเท่านั้น ที่มีความสามารถในการเลียนแบบ ซึ่งก็คือตระกูลเบรด แน่นอน วอร์เด็นไม่ได้รับอนุญาตให้พูดคุยกับใครก็ได้เกี่ยวกับทักษะของเขา

“ใช่ ขอโทษด้วยนะ แต่ถ้านายไม่รังเกียจฉันขอถามได้ไหม หากนายก๊อปปี้ทักษะที่ไม่เคยใช้มาก่อน แล้วนายต่อสู้กับคนอื่นได้ยังไง?”

“ฉันจะโชว์อะไรบางอย่างให้นายดู”

พวกเขาทั้งคู่ยังคงเดินไปบนถนนซึ่งเต็มไปด้วยร้านค้าต่างๆ จนกระทั่งในที่สุดวอร์เด็นก็หยุดยืนอยู่นอกร้านเกม ทั้งสองรีบเดินเข้าไปข้างในและที่นี่ก็เต็มไปด้วยตู้เกมมากมายหลากหลายประเภท

ขณะที่ด้านหลังของร้านเกมคือห้องจำลองเกม VR สำหรับคนที่อยากทดลองใช้ก่อนที่จะเลือกซื้อ เช่นเดียวกันกับสิ่งของอย่างอื่น แม้แต่เทคโนโลยีในการเล่นเกมก็พัฒนาขึ้นมากหลังจากเกิดสงคราม

จากนั้นวอร์เด็นก็ชี้ไปที่ VR แคปซูล

“เห็นนั่นไหม ฉันเล่นมันมาตั้งแต่เด็กเลยนะ”

‘ว่าไงนะ?’ ควินน์คิดในใจ แต่แล้วควินน์ก็นึกขึ้นได้ว่าลีโอเคยกล่าวถึงอะไรสักอย่าง ที่เกี่ยวกับเกมเสมือนจริงอันยอดนิยมท่ามกลางเหล่านักเรียน ลีโอพูดว่า หากเขาอยากมีประสบการณ์การต่อสู้ มันคงจะดีถ้าเขาเล่นเกมอะไรบางเกม นี่คือสิ่งที่เขาพูดถึงใช่ไหม?

“นี่เป็นเกมยอดนิยมที่เล่นกันทั้งในโลกภายนอกและในโรงเรียนเตรียมทหาร ชื่อว่าพาวเวอร์ ไฟท์เตอร์ เกมนี้เล่นไม่อยากหรอก มันจะให้นายอยู่ในห้องว่างๆห้องหนึ่ง และก็มีคนสองคนต่อสู้กันจนกว่าจะแพ้ ถึงแม้จะฟังดูง่ายเพราะตัวเกมถูกสร้างขึ้นมาช่วยมนุษย์ฝึกฝนอยู่แล้ว แต่ VR แคปซูลนี้จะบันทึกคุณสมบัติทั้งหมดในร่างกายของนาย ทุกสิ่งทุกอย่างที่นายทำในโลกความเป็นจริง นายสามารถทำได้ในกับเจ้าเครื่องนี้ โดยเรื่องเดียวที่ทำไม่ได้คือการบันทึกทักษะของนายเอาไว้เท่านั้น”

จากนั้นวอร์เด็นก็เดินขึ้นไปในแคปซูลที่มีลักษณะเป็นวงกลม หน้าจอโฮโลแกรมปรากฏขึ้นพร้อมกับการตั้งค่าที่ด้านบนของตัวเกม วอร์เด็นทำการวางมือลงบนหน้าจอนั้นแล้วเสียงแจ้งเตือนก็ดังขึ้น

[ ยินดีต้อนรับ ไอดี ผู้ใช้งาน VBCopy ]

เมื่อวอร์เด็นล็อกอินเข้าสู่ระบบของเกมส์ ข้อมูลไอดีของเขาก็ปรากฏขึ้นมาให้เห็นพร้อมกับตัวละครในการต่อสู้ ซึ่งไม่เหมือนวอร์เด็นเลยสักนิด มันแสดงการต่อสู้ทั้งหมดที่วอร์เด็นเคยเล่น รวมไปถึงจำนวนชัยชนะและการพ่ายแพ้ ถึงแม้วอร์เด็นจะรีบเลื่อนหน้าจอนั้นไปหน้าจออื่น มันก็เร็วเกินกว่าที่ควินน์เห็นอะไรได้

ทันใดนั้นวอร์เด็นก็อยู่ในแท็บทักษะและความสามารถต่างๆ ซึ่งรายการนั้น ดูเหมือนมันไม่มีที่สิ้นสุด

“เดี๋ยวก่อน ฉันนึกว่านายพูดไว้ ว่าเกมส์นี้มันไม่สามารถบันทึกทักษะของตัวเองได้นี่นา?” ควินน์ถาม

“ก็ไม่ได้นะสิ แต่เพื่อให้เกมมีความสมจริงมากกว่าเดิมและสามารถใช้เป็นเครื่องมือสำหรับการฝึกฝน มันก็เลยทำการอัพโหลดทักษะพิเศษทั้งหมดในฐานข้อมูลที่มีการแบ่งปันให้โลกรู้จนถึงตอนนี้ แน่นอน เฉพาะคนที่เปิดเผยทักษะสู่สาธารณะเท่านั้น ดังนั้น ความสามารถของผู้มีทักษะโดยกำเนิดและความสามารถพิเศษอื่นๆที่ยังไม่ถูกค้นพบ ก็จะไม่มีอยู่ในรายการ รวมถึงของฉันด้วย ยังไงซะ ฉันจะเลือกทักษะอะไรก็ได้ที่ฉันอยากสู้ แม้ว่าฉันจัดการมันไม่ได้ในโลกความเป็นจริง ฉันก็ฝึกฝนกับมันในเกมนี้ได้”

จากนั้นควินน์จึงขึ้นไปในแคปซูลและเริ่มตรวจสอบมัน ซึ่งนี่มันฟังดูน่าทึ่งมากและเป็นสิ่งที่ควินน์กำลังต้องการ ด้วยวิธีนี้เขาจะสามารถฝึกฝนกับนักเรียนคนอื่นๆที่เป็นศัตรูได้ โดยที่ไม่มีใครรู้เลยว่าเป็นเขา

แต่เมื่อควินน์ยกป้ายราคาขึ้นมาดู มันกลับมีเลขศูนย์จำนวนมากกว่าที่เขาเคยเห็นมาก่อน ไม่มีทางเลยที่เขาจะซื้อเจ้าเครื่องนี้ได้ นักเรียนคนอื่นๆอาจจะได้รับเครดิตจากครอบครัวแต่ไม่ใช่กับควินน์

วอร์เด็นเริ่มขำ

“ไม่ต้องห่วง นายไม่ต้องซื้อมันด้วยตัวเองหรอก ที่โรงเรียนก็มีห้องที่เต็มไปด้วยเจ้าเครื่องนี้นะ”

“จริงเหรอ?”

“มาเร็ว กลับไปกันเถอะ”

My Vampire System

My Vampire System

Status: Ongoing

เผ่าพันธุ์มนุษย์ได้ทำสงครามกับเผ่าพันธุ์ ดัลกิที่ชั่วร้าย และเมื่อพวกเขานั้นต้องการความช่วยเหลือที่มากขึ้น มนุษย์กลุ่มหนึ่งจึงต้องออกโรง

พวกเขาเหล่านั้นซ่อนตัวอยู่ในเงามืดมาเป็นเวลาหลายร้อยปี และพวกเขาก็เป็นผู้มีความสามารถพิเศษ

บางคนเลือกที่จะแบ่งปันความรู้ของพวกเขากับมนุษย์คนอื่นๆในโลก ด้วยความหวังว่าจะชนะสงครามครั้งนี้ ในขณะที่บางคน ยังคงเก็บซ่อนความสามารถไว้เพื่อตัวของเขาเอง

ควินน์สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่างไปในสงคราม ทั้งบ้านและครอบครัวของเขา สิ่งเดียวที่เขาเหลือคือหนังสือเก่าๆเล่มหนึ่งที่เขาไม่สามารถจะเปิดมันได้

แต่เมื่อหนังสือเปิดออก ในที่สุดควินน์ก็ได้รับระบบซึ่งคอยมอบภารกิจต่างๆ ให้เขาทำ และสุดท้ายทั้งชีวิตของเขาก็ได้เปลี่ยนไป

ยิ่งเขาทำภารกิจสำเร็จมากเท่าไหร่ เขาก็มีพลังมากขึ้นเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งระบบได้มอบภารกิจหนึ่งให้แก่เขา และเขาไม่แน่ใจว่าเขาจะทำมันได้สำเร็จ

“ถึงเวลากินอาหารแล้ว!”

“คุณต้องดื่มเลือดมนุษย์ภายใน 24 ชั่วโมง”

“HP ของคุณจะลดลงเรื่อย ๆ จนกว่าภารกิจจะเสร็จสิ้น”

Show less 

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท