บทที่ 56 ผิดไปแล้ว
Ink Stone_Romance
ท่านชายโจวหกนิ่งอึ้งไป
“ปั้นฉินหรือ” เขาเอ่ยถาม “ทำไมหรือ”
ท่านพ่อโจวผายมือออก
“ก็จะมาถามเจ้านี่ล่ะ” เขากล่าว
ไม่คิดว่าสาวใช้ผู้นี้จะรู้จักกับท่านขุนนางเฉิน สาวใช้ผู้นี้ยังมีเรื่องประหลาดที่ไม่ได้บอกใครอีกมากน้อยเพียงใด
เดิมทีนึกว่าเพียงแค่ฉลาดหลักแหลมจึงสามารถส่งคนบ้ากลับบ้านอันแสนไกลได้ จึงไม่ได้ถามไถ่มากนัก
“ข้าไปถามนางเอง” ท่านชายโจวหกกล่าว หันกลับกำลังจะไป
พ่อบ้านที่อยู่หน้าประตูวิ่งล้มลุกคลุกคลานเข้ามา
“นายท่าน ท่านขุนนางเฉินมาขอรับ” เขาตะโกนเสียงสั่นเครือ
ก่อนหน้านี้ส่งสาส์นมาสอบถาม เมื่อได้รับการยืนยันแล้วก็มาด้วยตนเองรวดเร็วเพียงนี้เชียวหรือ
พ่อลูกตระกูลโจวมองตากันอย่างตกตะลึง
สาวใช้ผู้นี้สำคัญถึงเพียงนั้นเชียวหรือ
พ่อลูกตระกูลโจวไม่กล้ารอช้า พวกเขารีบมาที่ห้องรับแขกในทันที ขุนนางเฉินในชุดเสื้อคลุมและหมวกก้าวเข้ามาในห้องโถง ด้านหลังติดตามมาด้วยบ่าวชราที่อุ้มเด็กหญิงคนหนึ่งไว้
“ท่าน…” ท่านพ่อโจวรีบโค้งคำนับต้อนรับ
เพิ่งจะปริปากพูด ทางด้านขุนนางเฉินก็ถอดหมวกออกแล้วคำนับเขา
“ขอนายหญิงจากจวนของท่าน ได้โปรดช่วยชีวิตด้วย” เขากล่าว
ช่วยชีวิตหรือ
ท่านพ่อโจวตะลึง
“นายหญิงผู้ใดหรือขอรับ” เขาเอ่ยถาม
เขาสามพี่น้องมีลูกชายเจ็ดคนลูกสาวแปดคน ลูกสาวห้าคนแต่งงานออกเรือนไปแล้ว ในบ้านยังมีอีกสามคน คนเล็กสุดยังอยู่ในห่อผ้าอ้อมอยู่เลย
ลูกสาวของเขาสามารถช่วยชีวิตขุนนางตระกูลเฉินได้อย่างนั้นหรือ
“นายหญิงที่สาวใช้ปั้นฉินผู้นั้นรับใช้น่ะ” เฉินเซ่ากล่าว
นายหญิงที่ปั้นฉินรับใช้หรือ
“แต่ว่าคนที่ปั้นฉินรับใช้คือชายหกของข้านะขอรับ” ท่านพ่อโจวกล่าว แล้วมองไปนอกห้องโถง “นั่น ท่านดูสิ นางมาแล้วขอรับ”
เฉินเซ่าเหลียวหลังไปมอง เห็นสาวใช้สองคนถือตะเกียงนำทางสาวใช้คนหนึ่งที่เดินเข้ามาอย่างรีบร้อน ท่านชายโจวหกก็เดินเลี้ยวมาจากทางเดินเช่นกัน
เด็กหญิงเห็นสาวใช้ที่เดินมาด้วยท่าทีร้อนรน ก็ยื่นมือออกมาด้วยความดีใจ
“พี่สาว” นางตะโกนเรียก
ปั้นฉินตกใจเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าจะได้พบกับเด็กหญิงผู้นี้ในเรือนอีก
“เจ้า…” นางกำลังจะเอ่ยปาก นึกขึ้นได้ว่าท่านชายนายใหญ่ก็อยู่ จึงรีบก้มหน้าคำนับ
“พี่สาว ท่านปู่ข้าอยากพบพี่” เด็กหญิงวิ่งไปดึงมือนางแล้วกล่าว
“แม่นางปั้นฉิน วันนั้นตอนฝนตกหนักอยู่ในศาล ผู้เฒ่าที่นายหญิงเจ้าให้สาเกและถามอาการป่วย เจ้ายังจำได้หรือไม่” เฉินเซ่าเห็นปฏิกริยาของลูกสาวและสาวใช้ปั้นฉินตอนพบกันกับตาตนเอง ยืนยันแล้วว่าเคยรู้จักกัน จึงไม่รอช้ารีบเอ่ยถามขึ้น
ปั้นฉินกำลังมึนงงกับการที่ได้พบกับเด็กหญิงผู้นี้อีกครั้งอย่างกระทันหัน ทั้งยังมีชายแปลกหน้าผู้นี้ถามคำถามเช่นนี้อีก นางมึนงงจนทำอะไรไม่ถูก
วันนั้น ฝนตกหนัก ศาลเก่าซอมซ่อ เดินทางรถม้า นายบ่าวเคียงข้าง เตาอิฐสาเก หนทางขรุขระ
นายหญิงป่วย เรื่องใดที่ผ่านไปแล้วก็มักจะลืมเลือนไปในทันที ส่วนตนเองก็ไม่ได้อยู่ข้างกายนายหญิงแล้ว
เรื่องราวในอดีตเหล่านั้นนางนึกว่าชาตินี้จะไม่มีใครพูดถึงอีก น้ำตาไหลจึงออกมาในทันใด
“ท่านคือ” นางเอ่ยถามเสียงสั่นเครือ
เฉินเซ่าเห็นว่านางยอมรับแล้วก็ดีใจยิ่งนัก
“ผู้เฒ่าคือท่านพ่อของข้า นายหญิงสายตาเฉียบแหลม ท่านพ่อไม่รู้ความ ตอนนี้ท่านป่วยจนลุกไม่ขึ้น ขอให้นายหญิงช่วยชีวิตด้วย” เขาโค้งคำนับ
ถึงกับคำนับสาวใช้ แสดงให้เห็นว่าเฉินเซ่านั้นร้อนรนเพียงใด
บทสนทนาของทั้งสองทำพ่อลูกตระกูลโจวฟังจนมึนงงไปหมด ปั้นฉินก็เหม่อลอยเช่นกัน ผู้เฒ่า ป่วยหนัก นายหญิง ในหัวอื้ออึงไปชั่วขณะ
“นายหญิงหรือ นายหญิงคนไหนกัน” นางกล่าวอย่างล่องลอย
ส่วนท่านชายฉินก็เพิ่งจะมาถึงในเวลานี้ เขาได้ยินถึงแค่นี้ความรู้สึกเสียงในใจก็ท่วมท้นขึ้นมา
เขารู้แล้วว่าทำไมถึงรู้สึกแปลกๆ มาตลอด และรู้แล้วว่าแปลกที่ตรงไหนกันแน่!
“นายหญิงที่สอนเจ้าทำอาหารว่างผู้นั้น ผู้ที่ไม่ชอบดื่มชาคั่วผู้นั้น นายหญิงที่เจ้าคอยเคียงข้างพานางกลับบ้านที่อยู่ห่างออกไปพันลี้ผู้นั้นอย่างไรเล่า” ท่านชายฉินกล่าว เขาไม่สนใจบ่าวที่คอยช่วยพยุงอยู่ด้านหน้า เดินประคองไม้เท้าเข้ามาใกล้ด้วยตนเอง
ภายในห้องโถงมีท่านชายโจวหก ท่านชายฉิน มองดูปั้นฉินที่นั่งคุกเข่าก้มหน้าอยู่ตรงหน้า
“ตอนนั้นที่พบกัน นายหญิงบอกว่าอาการป่วยของเขาต้องรีบรักษา เพราะข้าพูดว่าจะเก็บค่ารักษา ผู้เฒ่าผู้นั้นจึงหัวเราะและไม่เชื่อแล้วก็จากไป คิดไม่ถึง… คิดไม่ถึงเลยว่าอาการจะกำเริบจริงๆ เจ้าค่ะ” นางกล่าวเสียงสั่นเครือ
“เจ้ารอเดี๋ยว” ท่านชายโจวหกรู้สึกในหัวมึนตึงจึงขัดจังหวะปั้นฉิน “นายหญิงบอกว่าอย่างนั้น นายหญิงบอกว่าอย่านี้ นายหญิงที่เข้าพูดถึงคือผู้ใดเล่า”
ท่านชายฉินถอนหายใจ
“ชายหก เจ้าเชื่อเสียทีเถิด เจ้ารู้ทั้งรู้ว่านายหญิงผู้ใด” เขากล่าว
ท่านชายโจวหกหันกลับไปมองปั้นฉินอย่างดื้อรั้น
“นายหญิงของข้าอย่างไรเจ้าคะ” ปั้นฉินตอบแล้วมองท่านชายโจวหก
“คนบ้าคนนั้นหรือ” ท่านชายโจวหกจ้องตาเขม็งพลางตะโกนเสียงแข็ง “นางรักษาโรคได้หรือ”
“นายหญิงข้าไม่ได้บ้า นางแค่ป่วย ตอนนี้ค่อยๆ ดีขึ้นแล้วเจ้าค่ะ” ปั้นฉินรีบเอ่ยอย่างโกรธงอนเล็กน้อย “เจ้าค่ะ นางรักษาโรคได้ เก่งมากเลยเจ้าค่ะ”
ท่านชายโจวหกสายตาตกตะลึง
“เหลวไหล! ไร้สาระ!” เขาสะบัดแขนเสื้อแล้วตะคอกใส่
คนบ้าคนหนึ่ง! คนบ้าคนหนึ่ง! ล้อเล่นอะไรกัน!
ปั้นฉินถูกตะคอกใส่จนตัวสั่นเทาไม่กล้าพูดต่อ
“ปั้นฉิน” ท่านชายฉินพูดต่อ เขามองดูสาวใช้แล้วเอ่ยถาม “ข้าถามเจ้านะ พวกเจ้าเดินทางจากปิ้งโจวกลับไปเจียงโจวได้อย่างไร”
ปั้นฉินมองดูเขา
“พวกข้าเดินทางไปพักไป กลับไปอย่างนี้ละเจ้าค่ะ” นางกล่าว
ตอนเพิ่งกลับมาก็เคยถามนางเรื่องนี้ไปแล้วนี่ พูดไปแล้วนี่
“เงินค่าเดินทางล่ะ เงินค่าเดินทางมาจากไหน” ท่านชายฉินเอ่ยถาม
“จาก…ที่นายหญิงรักษาโรคเจ้าค่ะ” ปั้นฉินกล่าว
“เหลวไหล!” ท่านชายโจวหกโมโหลุกขึ้นตะคอก “สาวใช้อย่างเจ้าคิดจะทำอะไรถึงพูดจาเหลวไหลเช่นนี้! ค่าเดินทางของพวกเจ้าไม่ใช่ท่านยายข้าให้ไว้หรือ”
เพราะเหตุนี้ เขาจึงไม่เคยถาม มีอะไรน่าถามกัน! ไม่ใช่เรื่องที่เห็นๆ กันอยู่หรอกหรือ
สาวใช้ผู้นี้ มาวันนี้กลับกล้าพูดจาเหลวไหล!
ปั้นฉินมองเขาด้วยความหวาดกลัว ไม่เข้าใจว่าทำไมท่านชายจึงต้องโมโหเช่นนี้ แต่ก็เหมือนว่าจะเข้าใจอยู่บ้าง
‘นายหญิง ทำไมไม่บอกว่าพวกเรามาอย่างไรเล่าเจ้าคะ ท่านยายของท่านไม่ได้ทิ้งเงินไว้ให้นี่เจ้าคะ หากบอกว่าท่านรักษาโรคได้ ไม่เป็นเรื่องน่ายินดีหรือเจ้าคะ’
‘พูดแบบนั้น พวกเขาไม่เชื่อหรอก’
พูดแบบนั้น พวกเขาไม่เชื่อหรอก
ท่านชายโจวหกมองสาวใช้ตรงหน้าจากด้านบน พอได้ยินคำพูดเหล่านั้นก็เหมือนราวกับว่าเห็นภาพหญิงสาวผู้หนึ่งลอยขึ้นมาตรงหน้า
วันนั้นเขาหันไปมองโดยไม่ได้ตั้งใจ ภาพหญิงของสาวที่นั่งอย่างเหม่อลอยดั่งตุ๊กตาก็ค่อยๆ ชัดเจนขึ้นมา
จำได้เลือนลางว่านางค่อยๆ ยืนขึ้นมา เหมือนว่าจะตัวสูงกว่าเขา
นางทำทีราวกับว่าถึงนางจะพูดอะไร แต่คนเขลาอย่างพวกเจ้าก็คงไม่เชื่อหรอก
มุมปากของนางยิ้มเยาะเย้ย มองดูเขาจากด้านบนแบบนั้น
ทันใดนั้นเสียง ‘ตึง’ ดังขึ้น
ท่านชายโจวหกหันหลังกลับออกหมัดชกไปที่ฉากกั้น ฉากกั้นลายภาพวาดหกบานล้มระเนระนาด ทำเอาสาวใช้ข้างนอกตกใจจนอดไม่ได้ที่จะเข้ามา แต่แล้วก็ถูกท่านชายโจวหกด่าไล่ตะเพิดออกไป
“ปั้นฉิน” ท่านชายฉินถอนหายใจมองดูสาวใช้ที่นิ่งอึ้งไป “เจ้าไปหานายท่านเถอะ บอกความจริงกับท่านขุนนางเฉิน ว่านายหญิงของเจ้ายังอยู่ที่เจียงโจว”
ปั้นฉินขานรับ มองดูท่านชายโจวหกที่กำลังโมโหแล้วรู้สึกหวาดกลัว แต่ก็รู้สึกเสียใจไม่นอย นางก้มหน้าเร่งฝีเท้าเดินออกไป
เหมือนมีอะไรผิดไป…
“ชายหก ครั้งนี้เจ้าผิดไปจริงๆ” ท่านชายฉินมองไปทางท่านชายโจวหกแล้วเอ่ยพลางส่ายหน้า
“มีอะไรผิดไปเล่า” ท่านชายโจวหกกล่าวอย่างโกรธเคือง สะบัดแขนเสื้อแล้วนั่งลง “นางไม่ได้บอกข้าสักหน่อย ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่านางไม่บ้า ข้าไม่ใช่เทพเซียนสักหน่อย”
ท่านชายฉินมองดูเขา แล้วหัวเราะออกมาทันใด
“ได้ ข้าพูดผิดไป เจ้าไม่ได้ผิด” เขากล่าว แล้วมองดูท่านชายโจวหกอย่างมีเลศนัย “เจ้าก่อเรื่องใหญ่เข้าแล้ว”