บทที่ 81 รักษาได้
Ink Stone_Romance
“พวกท่านมีหมอหรือ”
เหล่าชายหนุ่มรีบลุกขึ้น เอ่ยถามอย่างร้อนรน
ดูรถม้าพวกนี้สิ ดูการแต่งตัวของคนพวกนี้สิ คนฐานะร่ำรวยสูงศักดิ์จะเลี้ยงหมอไว้สักคนก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร
เมื่อเห็นชายหนุ่มพวกนี้ยืนขึ้นมา คนติดตามรับใช้ที่เฝ้าอยู่รอบๆ รถม้าของเฉิงเจียวเหนียงก็รู้สึกตึงเตรียด รีบเข้ามาขวางไว้เช่นกัน
“ทำอะไรน่ะ” พวกเขาตะคอกถามด้วยน้ำเสียงตักเตือน
ในใจก็บ่นว่านายหญิงพิลึกผู้นี้พูดจาเหลวไหล
พวกเขากำลังโชคร้ายอยู่ จะมาพูดว่าเขาโชคดีอะไรนี่ไปทำไม แปลกคนนัก!
ถึงแม้ตนจะไม่กลัวชายหนุ่มพวกนี้ แต่ระหว่างทางไม่หาเรื่องใส่ตัวจะดีกว่า
“ระวังคำพูดหน่อยขอรับ” หัวหน้าผู้ติดตามอดไม่ได้ที่จะบอกกับเฉิงเจียวเหนียงในรถม้าด้วยเสียงอันแผ่วเบา “คนพวกนี้เหมือนจะเป็นทหารขอรับ”
เฉิงเจียวเหนียงทางนี้เงียบไป
ตกใจกลัวแล้วละสิ เหล่าผู้ติดตามต่างก็ส่ายหัวพูดในใจ
ชายหนุ่มทางด้านนั้นก็ห้ามคนอื่นๆ เอาไว้ ให้ยืนกับที่ไม่ได้กรูเข้ามา
ท่ามกลางค่ำคืนที่ครึกโครมทั้งสองฝั่งต่างเผชิญหน้ากันอยู่เงียบๆ
ม่านประตูเปิดออก มีสาวใช้คนหนึ่งกระโดดออกมาก่อน
“นายหญิง รอสักครู่นะขอรับ ทางนั้นเก็บกวาดห้องเสร็จแล้วค่อยเข้าไป” ผู้ติดตามรีบกล่าวเตือน
สาวใช้ไม่ได้สนใจเขา แต่กลับยื่นมือมาพยุงเฉิงเจียวเหนียงลงรถมา
ค่ำคืนในฤดูใบไม้ร่วงอากาศเริ่มหนาวเย็น เฉิงเจียวเหนียงคลุมเสื้อคลุมมีหมวก หมวกนั้นปิดบังหัวและใบหน้า ยิ่งทำให้รู้สึกว่าอ่อนแอยิ่งนัก คล้ายว่าสายลมจะสามารถพัดนางลอยไปได้อย่างนั้น
หญิงสาวที่ผอมโซเดินไปข้างหน้าทีละก้าว ผ่านผู้ติดตามไป ทิศทางที่ไปนั้นไม่ใช่ที่พัก แต่เป็นชายหนุ่มกลุ่มนี้
“นายหญิง” ผู้ติดตามหันมาเห็นก็รีบตะโกนเรียกแล้วติดตามไปด้วยความกังวล
เหล่าชายหนุ่มเห็นหญิงสาวผู้นี้จู่ๆ เดินเข้ามาก็ไม่เข้าใจ จึงถอยไปก้าวหนึ่ง
“นายหญิง พวกท่าน มีหมอหรือไม่” ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้าเอ่ยถาม
“มี” เฉิงเจียวเหนียงตอบ
มีจริงหรือ ชายหนุ่มดีใจในทันใด วุ่นวายไปสักพัก
“อย่างนั้น อย่างนั้นขอนายหญิงช่วยชีวิตด้วย” ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้ายังถือว่าควบคุมตนเองได้ รีบเก็บอาการตื่นเต้นดีใจแล้วคำนับ
“ได้” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว
พบคนใจบุญเข้าแล้ว!
เหล่าชายหนุ่มต่างก็ดีใจกัน ยืนรอให้นายหญิงผู้นี้เรียกหมอของที่บ้านมา แต่กลับเห็นนายหญิงนั้นเดินตรงเข้ามา พวกเขาจึงหลบให้
เฉิงเจียวเหนียงหยุดอยู่หน้าบานประตู มองดูคนใต้ผ้าห่มบนนั้น
สาวใช้อึ้งไปสักครู่ แล้วเหมือนเพิ่งคิดอะไรได้ แล้วโค้งตัวลงไปเปิดผ้าห่ม
“นายหญิง…” เหล่าชายหนุ่มไม่เข้าใจ จ้องเขม็งแล้วเอ่ยถาม
นายหญิงน้อยผู้นี้ ทำไมถึง เข้ามาดูผู้ชาย
เหล่าผู้ติดตามทางนี้เหม่อลอยไปแต่แรกแล้ว ยังดีที่มีคนมีไหวพริบสองสามคนรีบไปหาพ่อบ้านเฉา
“อะไรนะ”
พ่อบ้านเฉาที่เพิ่งจะดูที่พักเก็บห้องให้ขมวดคิ้ว
“เด็กคนนี้ ช่างไม่ทำให้คนเบาใจได้เลย” เขากล่าวพึมพำ หันไปจะรีบไปห้ามปราม แต่ก็กลัวว่าถ้าตนมาแล้วจะยิ่งเหมือนเอาน้ำมันไปรดกองไฟ
นายหญิงผู้นี้จะต้องหาเรื่องตนเป็นแน่…
“เกิดอะไรขึ้นหรือ” นายเฉินสี่เอ่ยถาม
พ่อบ้านเฉารีบเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง
“อ้อหรือ” นายเฉินสี่ประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็เหมือนว่านึกอะไรได้แล้วยิ้มออกมา “ข้าไปดูหน่อย”
พ่อบ้านเฉาดีใจที่จู่ๆ ก็สมความปรารถนา รีบให้นายเฉินสี่ไปดู ส่วนตนก็พาคนนำรถม้าเข้าที่พัก
เฉิงเจียวเหนียงยืนมองชายหนุ่มที่ลมหายใจรวยรินบนบานประตูอยู่อย่างนั้นสักพัก
ชายหนุ่มหนวดเครารกรุงรัง เสื้อผ้าขาดรุ่งริ่ง ผมกระเซิงหน้าตามอมแมม แม้พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดมาเห็นเข้าก็จำไม่ได้
บนแขนบนขาพันรอบด้วยผ้าสกปรกเลอะเทอะที่ฉีกมาจากเสื้อผ้า ใต้กองไฟนั้นเผยให้เห็นคราบสีแดงดำ
คนรอบๆ ต่างก็ตะลึงเหม่อลอยไป ไม่รู้ว่านายหญิงผู้นี้จะทำอะไร และไม่รู้ว่าคนเจ็บนี้มีอะไรน่าดูกัน
สิ่งสกปรกเหม็นคาวคนปกติเห็นแล้วก็ต้องหันหน้าหนี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่านี่เป็นแม่นางเจียวเหนียง
“นายหญิงขอรับ น้องชายข้า ได้รับแผลจากดาบกระบี่ หาหมอกี่คนก็บอกว่าบาดแผลจากโลหะมีคมรักษาไม่ได้…” ชายหนุ่มที่เป็นหัวหน้านั้นลังเลอยู่สักครู่แล้วจึงเอ่ยขึ้น
“ใครบอกว่า แผลจากโลหะมีคม รักษาไม่ได้” เฉิงเจียวเหนียงกล่าว แล้วละสายตามา “เป็นเพียงอาการป่วย ไม่ใช่โชคชะตา จะรักษาไม่ได้ได้อย่างไร”
ชายหนุ่มดีใจใหญ่
“รักษาได้หรือ” เขาตะโกน น้ำเสียงสั่นเครือเล็กน้อย “รีบเชิญหมอมาเถิดขอรับ”
สาวใช้มองเขาสักครู่
“นี่ก็มาแล้วอย่างไรเล่า” นางกล่าวด้วยอาการไม่สบอารมณ์เล็กน้อย
มาแล้วหรือ
เหล่าชายหนุ่มต่างก็ดีใจมองไปรอบๆ อยู่ที่ใด อยู่ที่ใด
รอบๆ นั้นมีผู้ติดตามที่ระวังตัวและดูสับสนยืนอยู่ แล้วยังมีคนที่ท่าทางเหมือนนายท่านที่คลุมด้วยเสื้อคลุมยืนดูอยู่ ที่ไกลออกไปนั้นก็มีคนที่กำลังไล่รถม้ากันวุ่นวายอีก
คนที่ถือกล่องยาเดินมาช่วยชีวิตคนเล่าอยู่ไหนกัน
“เห้อ” สาวใช้หัวเราะเยาะเย้ย แต่ก็รู้สึกว่าน่าขัน “อยู่นี่อย่างไรเล่า!”
เฉิงเจียวเหนียงนั่งลงกับพื้น กระโปรงปูกระจายออกไป เผยขอบกระโปรงลายดอกด้ายทองออกมา
“รนไฟ แล้วเอามีดมา” นางกล่าว สะบัดเสื้อแล้วยื่นมือออกมา
เหล่าชายหนุ่มต่างก็ตะลึงงันไป
อะไรนะ
“นายท่าน…” ผู้ติดตามข้างหน้านายเฉินสี่กล่าว อยากจะเข้าไปห้ามไว้
“นางอยากจะให้เราเห็นว่า อะไรคือหมอ” นายเฉินสี่กล่าว ส่ายหน้าห้ามผู้ติดตามไว้ แล้วก็มองดูอย่างสนใจ
คนจำนวนเพียงเท่านี้หน้าประตูที่พักขนาดเพียงเท่านี้ ไม่นานทุกคนต่างก็เห็นกัน
“เกิดอะไรขึ้น”
“มีหญิงสาวผู้หนึ่งจะรักษาอาการป่วยให้คนที่ถูกไล่ออกไปเมื่อครู่นี้”
“คนนั้นหรือ จะตายแล้วไม่ใช่หรือ”
“รีบไปดูกันเร็ว ยังไม่เคยเห็นการรักษาคนตายเลย…”
คนที่มามุงดูมากมายนัก ข้างในข้างนอกต่างก็ล้อมกันสามรอบ กลายเป็นว่าไม่มีใครเห็นข้างในกันแล้ว ได้ยินเพียงแต่คนข้างในส่งเสียงร้องเดี๋ยวดังเดี๋ยวค่อย
“เกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้น”
คนข้างหลังสอบถามอย่างร้อนใจ จนเกิดการเบียดเสียดยัดเยียดกัน
“ถอยไป ถอยไป”
เหล่าชายหนุ่มผลักกลุ่มคนที่เข้ามาเบียดออกแล้วด่าทอ แต่ในขณะเดียวกันก็หันไปมองดูพื้นที่ว่างที่ถูกล้อมรอบไว้ด้วยสีหน้าตกตะลึง
หญิงสาวที่นั่งกับพื้นข้างกองไฟยังคงสวมเสื้อคลุมมีหมวกตัวใหญ่ ภายใต้แสงไฟที่กระพริบวาดเงาที่แปลกประหลาดออกมา
มือของนางอยู่นอกเสื้อผ้า มือหนึ่งถือมีด มือหนึ่งจับบนตัวชายหนุ่มบนบานประตูตามใจชอบ ขณะเดียวกันกับที่นางทำไม้ทำมือ เนื้อที่เน่าเสียแต่ละก้อนก็ถูกทิ้งไว้ข้างๆ ภาพนี้ผสมปนเปไปกับกลิ่นคาวเลือด กลิ่นเหม็นไหม้ของเนื้อหนังที่ถูกเผา ทำเอาคนหวาดกลัวไม่กล้ามอง
นี่คือ การรักษาหรือ
นอกที่พักนั้นจอแจเจี๊ยวจ๊าวดั่งตลาดนัด ในที่พักก็ไม่ได้เงียบดั่งไร้ผู้คน
“แม่นางปั้นฉิน ท่านดูว่าเช่นนี้ใช่หรือไม่” ผู้ติดตามสองคนยกเสื่อฟางออกมาจากห้องเก็บของ
ทิ้งไว้นานนม ในห้องชื้นแฉะ ข้างบนเริ่มเน่าแล้ว ราเขียวกระจายเต็มไปหมด
“น่าจะใช่” สาวใช้กล่าวแล้วโบกมือ “รีบเอาไปให้นายหญิงเร็วเข้า”
ผู้ติดตามขานรับแบกเสื่อแล้ววิ่งออกไป
“เร็วเข้า เร็วเข้า หาอีก หาอีก” สาวใช้เร่งเร้าคนอื่นๆ
คนงานของที่พักสองคนที่ยืนอยู่ข้างๆ กอดอกหลุดหัวเราะออกมา
“เหอะๆ” หนึ่งในนั้นกล่าว “วันนี้ได้เห็นเรื่องหาดูยากแล้ว…”
“ดึกดื่นค่ำคืนเช่นนี้” อีกคนหนึ่งกล่าว มองดูทางนี้ชูคบไฟรื้อห้องค้นตู้กัน แล้วดูข้างนอกไฟจากกองไฟลุกโชน เสียงผู้คนเจี๊ยวจ๊าว “พอคนกลุ่มนี้มา ก็คึกคักเหมือนกับเปิดตลาดนัด”
พูดถึงเรื่องนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะขนลุกหนาวสั่น
ดึกดื่นค่ำคืน จะมีตลาดนัดได้อย่างไร ตลาดผี…
“…คว้านเนื้อออกมาแล้ว…”
“…มีดนั้นรนไฟด้วย เหมือนประทับตรานักโทษอย่างนั้น…”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ลอยมาจากคนที่มุงดูอยู่ข้างนอก
ตำหนักยมทูตจึงจะมีสิ่งเหล่านี้กระมัง คนงานที่พักกอดอกไว้แน่นแล้วส่ายหน้าอย่างแรง คงจะไม่ใช่โดนผีหลอกหรอกนะ
………………………………………………