ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 253-254

ตอนที่ 253-254

ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 253 หญิงชายตัวเปล่าเล่าเปลือย / ตอนที่ 254 โรคกระหายโลหิต
ตอนที่ 253 หญิงชายตัวเปล่าเล่าเปลือย

“ซื่อจื่อของเจ้าทำไมหรือ” อวี้อาเหราเห็นเขาอึกๆ อักๆ ในใจย่อมเกิดความสงสัยขึ้นเป็นธรรมดา พยายามที่จะเยี่ยมหน้าเข้าไปในห้องเพื่อมองดู แต่ก็กลับถูกหานสือเอาตัวเข้าบังไว้ “คุณหนูรอง ตอนนี้ร่างกายของซื่อจื่อไม่ใคร่ดีนัก ไม่สะดวกที่จะพบท่าน ขอให้ท่านกลับไปก่อนเถิดนะขอรับ”

“มีอะไรไม่สะดวกกัน” อวี้อาเหราเอ่ยถามนิ่งๆ “ถ้าหากป่วยก็เรียกหมอหลวงมาดูอาการสิ”

หานสือหลุบตาลงเพื่อครุ่นคิดอยู่เป็นนาน ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกักว่า “หญิงชายตัวเปล่าเล่าเปลือยอยู่ในห้องสองต่อสองคงจะไม่เหมาะนัก ก่อนหน้านี้ก็เคยได้ให้ท่านหมอมาดูอาการแล้ว คงไม่รบกวนคุณหนูรองขอรับ”

“หญิงชายตัวเปล่าเล่าเปลือย?” น้ำเสียงของอวี้อาเหราติดจะขึ้นจมูก “ก่อนหน้านี้ก็ไม่เห็นว่าซื่อจื่อของเจ้าจะกังวลเรื่องนี้เลย สิ่งที่ควรหรือไม่ควรจะได้เห็นข้าก็เห็นมาจนหมดแล้ว ตอนนี้จะมาปกปิดเพื่ออะไรกันอีก รีบหลีกทางให้ข้าเร็วเข้า อย่ามาขวางทางข้า!”

“คุณหนู ท่าน…” หานสือเหงื่อผุดพราย อะไรที่กล่าวว่าเห็นในสิ่งที่ควรเห็นและไม่ควรเห็น คุณหนูดีๆ ที่ไหนบ้างจะกล้าพูดเช่นนี้

“แค่กๆ” อวี้อาเหรารู้ตัวว่าตัวเองปากไวเกินไปแล้ว เช่นนั้นจึงรีบจ้องมองอีกฝ่ายด้วยความสงสัย “หานสือ ที่เจ้าขวางข้าเช่นนี้ก็เป็นเพราะด้านในมีสิ่งที่ข้าไม่สมควรเห็นใช่หรือไม่”

“ไม่มีขอรับ” หานสือส่ายหน้า

“เช่นนั้นก็ถอยไปสิ!” อวี้อาเหราไม่ทนอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้นางก็ถูกเรื่องที่ได้เผชิญมาก่อนหน้านี้บีบคั้นจนแทบจะบ้าแล้ว ไหนเลยจะมีเวลามาสนใจเรื่องของคนอื่นได้อีก ที่เขาขัดขวางนางเช่นนี้ก็คงเพราะมีเรื่องอะไรที่ไม่ต้องการให้นางรู้เป็นแน่

“คุณหนูรองโปรดระงับโทสะด้วยขอรับ” หานสือกล่าวแล้วก้มหน้าลง ทว่าร่างกายกลับไม่ขยับถอยห่างแม้เพียงครึ่งก้าว

อวี้อาเหราบันดาลโทสะ จากนั้นก็ค่อยๆ กดเก็บความโกรธกล่าวขึ้นว่า “ไม่ให้เข้าก็ไม่เข้า ทำราวกับกลัวว่าข้าจะเข้าไปขโมยของในจวนเซิ่นอ๋องของพวกเจ้าอย่างนั้นล่ะ ต่อไปนีหากเชิญข้ามาข้าก็จะไม่มาอีกแล้ว”

เมื่อกล่าวจบ นางก็หมุนกายแล้วจากไป

อาศัยช่วงที่หานสือตกตะลึงอยู่นั้นเอง นางก็รีบพุ่งกายไปข้างหน้า ศีรษะของนางกระแทกเข้ากับแผ่นอกอันแข็งแรงกำยำราวกับกำแพงเหล็กของหานสือโดยพลัน เขาเองก็มองลูกเล่นของนางออกเสียนานแล้ว เช่นนั้นจึงไม่ยอมหลงกล เมื่อเห็นว่านางลูบศีรษะของตัวเองด้วยความเจ็บปวด เช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากขึ้นว่า “คุณหนูรองอย่าทำให้ข้าน้อยต้องลำบากใจเลยนะขอรับ ไม่ว่าจะพูดอย่างไรข้าน้อยก็ไม่อาจให้ท่านเข้าไปได้ หากมีเรื่องอะไร พรุ่งนี้ค่อยมาอีกครั้งเถิดนะขอรับ”

“ฉู่ป๋าย เหตุใดเจ้าถึงออกมาล่ะ…” อวี้อาเหราเงยหน้าขึ้นแล้วร้องเข้าไปในห้อง หานสือได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจจนต้องหันหน้ากลับไปมองโดยพลัน และนางก็รีบอาศัยโอกาสนี้ลอบเข้าไป ทว่าเมื่อเลิกม่านออกนั้นกลับเห็นว่าฉู่ป๋ายนั่งก้มหน้าอยู่บนเตียงนิ่งไม่ขยับไปไหน เส้นผมสีขาวสยายยาวไปทั่วแผ่นหลัง

พวกเขาทั้งสองต่างตกตะลึงในทันที

“เจ้า…” เมื่ออวี้อาเหราเพิ่งจะก้าวเข้าไป ฉู่ป๋ายก็เงยหน้าขึ้นมองนางด้วยความเงียบงันทันที ช่วงเวลานั้น กลับเกิดเป็นความสั่นสะท้านอยู่ในส่วนลึก ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยเส้นเลือดมากมาย เป็นสีแดงก่ำจนดูเหมือนดวงตาของสัตว์ป่า ไร้ซึ่งแววตาและความรู้สึก ราวกับสัตว์ร้ายที่หิวโหยกำลังจ้องมองเหยื่ออันโอชะ

ใบหน้าซีดเผือด แตกต่างไปจากยามปกติราวกับคนละคน

ริมฝีปากแดงก่ำราวกับเลือดสดๆ ช่วงเวลาที่หยุดนิ่งนั้น เห็นแม้กระทั่งหยดเลือดที่ยังไม่แห้งเหือดไหลออกมาจากมุมปากของเขา

อวี้อาเหรามองจนตัวสั่นไหว น้ำเสียงเปลี่ยนไปเป็นแหบแห้งโดยพลัน “จะ…เจ้า นี่เจ้าเป็นอะไรไป”

“คุณหนูรอง รีบถอยออกมาขอรับ!” หานสือที่เห็นเช่นนี้ก็พลันตื่นตระหนกอยู่หลายส่วน ไม่มีท่าทีนิ่งสงบเหมือนที่เคยเป็นมาก่อน ดวงตาเบิกกว้างขึ้น ราวกับพบเจอกับสิ่งมีชีวิตที่น่าหวาดกลัว

สมองของอวี้อาเหราหยุดประมวลผลไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินเสียงร้องตื่นตระหนกของหานสือก็ลืมที่จะตอบสนอง ยังคงยืนนิ่งงันอยู่ที่เดิมไม่ขยับ ด้วยเพราะตกใจกับสภาพเช่นนี้ของฉู่ป๋ายไปเสียแล้ว

นี่เขาเป็นอะไรไป

ตอนที่ 254 โรคกระหายโลหิต

“คุณหนูรอง ท่านรีบออกมาเถิดนะขอรับ ตอนนี้ซื่อจื่อก็อันตรายเกินไปแล้ว” หานสือเมื่อเห็นว่านางยังคงยืนนิ่งไม่เคลื่อนไหว ก็อดไม่ได้ที่จะสูดหายลึกๆ รีบเอ่ยประโยคเดิมซ้ำขึ้นมาในทันที ก่อนจะหันไปมองสภาพของซื่อจื่อในตอนนี้อีกครั้ง ตอนนี้ก็ยากที่จะรับรองได้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้วจริงๆ

“หานสือ นี่ซื่อจื่อของเจ้าเป็นอะไรกันแน่” อวี้อาเหราถูกเขาร้องเรียนจนได้สติขึ้น ทันใดนั้นก็รู้ได้ทันทีว่านี่ก็ไม่ปกติเสียแล้ว

ดวงตาของคนธรรมดาไหนเลยจะสามารถเปลี่ยนไปเป็นสีแดงได้ถึงเพียงนี้

ใบหน้าของคนธรรมดาไหนเลยจะซีดขาวได้ถึงเพียงนี้

ริมฝีปากของคนธรรมดาไหนเลยจะกลายเป็นสีแดงถึงเพียงนี้

ย่อมไม่มีทางแน่!

หานสือปิดปากไม่พูดถึงเรื่องนี้ “คุณหนูรองท่านรีบออกไปเถิด หากช้าไปกว่านี้จะไม่ทันการนะขอรับ ซื่อจื่ออาจจะทำร้ายท่านได้”

“หากเจ้าไม่ยอมบอกว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ข้าก็จะไม่ยอมไปไหนทั้งนั้น” อวี้อาเหราตัดสินใจแล้วว่าไม่ว่าอย่างไรนางจะต้องรู้ให้ได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่ว่าหานสือจะพูดอย่างไรนางก็ไม่มีทางออกไป จนทำให้อีกฝ่ายปวดหัว จำต้องอธิบายขึ้นมาอย่างไม่มีทางเลือก

“ซื่อจื่อป่วยเป็นโรคกระหายโลหิตตั้งแต่เด็ก อาการจะกำเริบทุกครั้งที่เข้าสู่ฤดูหนาว หากได้เจอผู้ใดก็จะสังหารเสียสิ้น แม้จะมีอาการเพียงแค่เล็กน้อยแต่ก็ทำให้ซื่อจื่อต้องทนทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก ตอนนี้อาการนับว่ายังดีที่ซื่อจื่อยังคงไม่สูญเสียการควบคุมสติไปจนหมด แต่หากรออีกสักพักจนอาการกำเริบขึ้นมา ซื่อจื่อจะทำสิ่งใดเขาก็คงไม่รู้ตัวแล้ว ถ้าหากไม่เห็นเลือดก็จะไม่สามารถฟื้นฟูสติขึ้นมาได้ เพราะอย่างนั้นข้าน้อยจึงขอร้องคุณหนูรองว่าอย่าได้เข้ามา”

“ที่ใบหน้าของเขาขาวซีดถึงเพียงนี้ก็เป็นเพราะโรคนี้อย่างนั้นหรือ”

“ไม่ใช่ขอรับ” หานสือส่ายหน้า “โรคนี้เพียงแค่ทำให้ซื่อจื่อกระหายโลหิตทุกครั้งที่เข้าสู่ช่วงฤดูหนาว ในยามปกติก็จะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อปีนั้นที่ซื่อจื่อได้พยายามที่จะควบคุมอาการของโรคนี้ก็ได้ทุ่มกำลังฝึกวิชาเผาไหม้ตัวตนที่แสนอันตรายอย่างยากลำบาก ถึงแม้จะอันตราย แต่ก็สามารถยับยั้งอาการของโรคกระหายโลหิตได้ หลายปีมานี้ก็ถือว่าดีขึ้นบ้าแล้ว แต่ก็เพราะว่าฝึกวิชานี้ ทำให้ต้องควบคุมเปลวเพลิงน้ำแข็งไม่ให้ลุกไหม้ ดังนั้นใบหน้าจึงขาวซีดผิดปกติ”

“ในเมื่อควบคุมได้แล้วทำไมถึงได้กำเริบอีกล่ะ” อวี้อาเหราตื่นตระหนก

“นี่ก็เป็นเพราะว่าเมื่อหลายวันก่อนซื่อจื่อได้ช่วยคุณหนูเอาไว้ ซื่อจื่อได้ถ่ายทอดลมปราณเข้าสู่ร่างของท่านจนทำให้ไม่อาจควบคุมไว้ได้ โรคกระหายโลหิตและลมปราณของวิชาเผาไหม้ตัวตนในร่างจึงปะทุขึ้นในเวลาเดียว ทำให้อาการแย่ลงกว่าเดิมขอรับ”

“เพราะว่าเขาช่วยข้า?” อวี้อาเหรายืนนิ่งอยู่ที่เดิม คิดไม่ถึงเลยว่าเพื่อช่วยชีวิตตนเองในครั้งก่อนทำให้ฉู่ป๋ายต้องเสี่ยงชีวิตจนเขาต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ และครั้งนั้นนางก็ยังโกรธเขาเพราะเรื่องของอวิ๋นเซิ่นอีก

ราวกับมีน้ำชาร้อนๆ รินรดลงบนหัวใจของราง นางเริ่มที่จะแยกแยะออกแล้วว่าอะไรเป็นอะไร

และตอนนี้นางก็กลับเชื่อคำสั่งของหนิงจื่อเย่ ฆ่าเขาอย่างนั้นหรือ?

เขาที่ตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ เดิมทีก็ไม่จำเป็นให้นางลงมือก็เกรงว่ายากที่จะรอดได้แล้ว…

อวี้อาเหรามองฉู่ป๋ายอย่างเงียบงัน ใบหน้าหล่อเหลาสง่างามของของเขาค่อยๆ บิดเบี้ยวมากยิ่งขึ้น เส้นเลือดบนหน้าผากของเขาเครียดเขม็ง กัดริมฝีปากอย่างอดกลั้น ทั้งๆ ที่ท่าทางเช่นนี้ช่างดูโหดร้ายและอันตรายยิ่งนัก แต่เมื่อนางได้เห็นใบหน้างดงามและความอดทนอดกลั้นของเขาเช่นนี้แล้ว ในใจของนางก็รู้สึกขมขื่นขึ้นมาในทันที

ไม่สิ เขาช่วยชีวิตนางหลายครั้งต่อหลายครั้ง แล้วนางจะหลงลืมบุญคุณฆ่าเขาได้อย่างลงคอเชียวหรือ

อย่าได้กล่าวเลยว่าด้วยความสามารถของนางแล้วไม่มีทางที่จะทำได้ ทว่าแม้แต่ความคิดที่จะยกมีดขึ้นจ่อคอเขาก็ยังไม่กล้า

ทันใดนั้นเอง ในที่สุดฉู่ป๋ายก็ไม่อาจต้านทานความกระหายเลือดอย่างรุนแรงของตัวเองได้อีกแล้ว ท่าทางของเขาค่อยๆ ดุดัน เดินเข้าทางพวกเขาอย่างเชื่องช้า

ลิขิตฟ้าชะตารัก

ลิขิตฟ้าชะตารัก

Status: Ongoing

ตอนที่ 1 – 100 อ่านนิยาย ตอนที่ 101 – 200 อ่านนิยาย

วิญญาณของ อวี้อาเหรา หญิงสาวจากศตวรรษที่ 21 ได้ทะลุมิติเข้ามาอยู่ในร่างของคุณหนูรองแห่งจวนหลิงอ๋องที่มีร่างกายอ่อนแอ ซ้ำยังถูกองค์รัชทายาทที่นางรักมานานหลายปีผลักตกเหวจนตายอย่างไร้เยื่อใย! หลังจากที่อวี้อาเหราได้เข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้ว ด้วยสภาพร่างกายของร่างเดิมทำให้นางต้องทนรับกับอาการป่วยไข้หลังจากที่ถูกน้ำซัดไปเป็นเวลานาน แต่นับว่าสวรรค์ยังมีเมตตานัก ที่ทำให้นางรอดชีวิตมาได้ด้วยความช่วยเหลือของ ฉู่ป๋าย ซื่อจื่อผู้โดดเด่นแห่งจวนเซิ่นอ๋อง

ต่อหน้าบุรุษผู้โดดเด่นเช่นเขา นางไหนเลยจะกระโจนเข้าหาเฉกเช่นสตรีนางอื่น สิ่งที่นางทำนั้นคือการหลีกเลี่ยงเขาให้ไกลที่สุด แต่ใครเล่าจะรู้ว่าเรื่องไม่คาดฝันได้เกิดขึ้นเสียแล้ว…

“คุณหนู ท่าน…ท่านตั้งครรภ์แล้ว!” เสียงสาวใช้เอ่ยบอกด้วยความตกใจ

“เหลวไหล! ข้ายังไม่เคยข้องเกี่ยวกับบุรุษใด แล้วจะตั้งครรภ์ได้อย่างไรกัน!” อวี้อาเหราเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไม่พอใจ ฉับพลันนั้นเซิ่นซื่อจื่อที่นั่งอยู่ข้างกายจึงเอ่ยขึ้น

“หากว่าเจ้าลำบากใจนัก เช่นนั้นข้าจะรับเป็นพ่อของเด็กให้เอง”

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท