ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 377 พูดให้ดีๆ / ตอนที่ 378 คนลามกหน้าหม้อ
ตอนที่ 377 พูดให้ดีๆ
“เจ้าปล่อยมือนะ” อวี้อาเหราที่ได้สติกลับคืนมาถลึงตาจ้องมองเขา
ฉู่ป๋ายยิ้มเล็กน้อย แต่ยังทำเหมือนว่าไม่ได้ยินเสียงนางเข้ามาในหู ยังคงเล่นผมของนางตามอำเภอใจต่อไป เขาม้วนเส้นผมยาวของอวี้อาเหราด้วยนิ้วชี้จนมันกลายเป็นก้อนกลม เส้นผมสีดำห่อหุ้มนิ้วมือขาวเรียวของเขาเสียจนมิด เมื่อม้วนจนเต็มแล้วก็คลายออก แล้วก็ม้วนเข้ามาใหม่
อวี้อาเหราหมดคำจะเอ่ย “เจ้าอย่าเล่นได้ไหม โตเป็นผู้ใหญ่ถึงเพียงนี้แล้วนะ”
“ไม่ได้” ฉู่ป๋ายตอบด้วยท่าทีจริงจังอยู่บ้าง
“จริงสิ ร่างกายของเจ้าก็ยังไม่แข็งแรงเลยมิใช่หรือ เหตุใดถึงมาที่นี่ได้ หรือว่าต้องการหยกเลือด?” นางคร้านที่จะสนใจชายหนุ่มที่ทำตัวเป็นเด็กๆ ผู้นี้เต็มทีแล้ว เช่นนั้นอวี้อาเหราจึงเปลี่ยนเรื่องคุย
“เช่นนั้นข้าก็จะถามเจ้าบ้าง วันนี้ที่เจ้าพบกับรัชทายาท เจ้าก็สวมเสื้อผ้าตัวนี้หรือไม่” ฉู่ป๋ายไม่ตอบแต่กลับถามนางกลับ หากมองเพียงสีหน้าของเขาแล้วก็ไม่อาจมองเห็นถึงสีหน้าท่าทีที่ไม่ปกติ ราวกับว่าเขากำลังถามถึงเรื่องธรรมดาๆ ทั่วไป น้ำเสียงของเขาไม่มีอะไรที่ผิดปกติ
อวี้อาเหราชะงักไป จากนั้นก็ตีมือที่กำลังเล่นผมของนางอยู่ ก่อนเลิกคิ้วขึ้นสูง จากนั้นก็กลอกตามอง “เจ้าจะสนใจทำไมว่าข้าสวมเสื้อผ้าแบบไหน!”
“พูดดีๆ” น้ำเสียงของฉู่ป๋ายเข้มขึ้นอยู่บ้าง ปล่อยให้นางตีไปแต่ก็ไม่ยอมปล่อยมือออกจากเส้นผมของนาง
พูดดีๆ? อวี้อาเหราถูกประโยคแปลกประหลาดเช่นนี้ทำให้ชะงักงันไป นางนั้นก็บุ้ยปากแล้วกล่าวว่า “แน่นอนว่าข้าต้องสวมเสื้อตัวนี้ เจ้าก็คิดว่าคนป่วยหนักเช่นนี้จะเปลี่ยนเสื้อผ้าได้หรือ”
มือที่จับเส้นผมของนางอยู่หยุดชะงักในทันที อวี้อาเหราจึงร้องออกมาด้วยความเจ็บ
ชายผู้นี้คิดจะทรมานนางให้ตายหรืออย่างไรกัน?! ช่างร้ายกาจยิ่งนัก!
ฉู่ป๋ายปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “ต่อไปก็แต่งตัวดีๆ ด้วย”
“ข้าจะสวมเสื้อผ้าเช่นไรแล้วมันเกี่ยวอะไรกับเจ้า” อวี้อาเหรารำคาญ หรือนางจะแต่งตัวอย่างไรก็ต้องตามใจเขาหรือ จะเอาแต่ใจตัวเองเกินไปหรือเปล่า? ช่างน่าขันยิ่งนัก! สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นเย็นชา ส่องประกายรังสีความอันตรายไปทั่วห้อง นางจึงเปลี่ยนคำพูด “ข้ารู้แล้ว”
แต่ไหนแต่ไรมานางก็ไม่ใช่คนดื้อรั้น สมควรจะพูดว่านางนั้นเป็นคนรู้ดีว่าเวลาไหนควรจะทำตัวเช่นไร เมื่อเห็นสีหน้าของฉู่ป๋ายแล้วก็รีบเปลี่ยนคำพูดทันที ทำให้เขาพออกพอใจ ไม่เหลือบคราบคนที่เคยควบคุมจวินฉางอวิ๋นเสียจนอยู่หมัดก่อนหน้านั้นแล้ว
ฉู่ป๋ายเล่นผมของนางอย่างพึงพอใจต่อไป บางครั้งเขาก็ปรายตามองอวี้อาเหราที่กำลังเคลิบเคลิ้ม มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย เป็นรอยยิ้มที่หาได้ยากยิ่งนัก เขาไม่ใช่คนที่จะหัวเราะออกมาโดยง่าย แต่วันนี้เขากลับยิ้มแย้มหัวเราะออกมาหลายครั้ง คงจะเพราะถูกอกถูกใจจริงๆ
“ที่ข้าถามเจ้าเมื่อครู่นี้เล่า” อวี้อาเหรานึกถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ จึงเอ่ยขึ้นเพื่อถามเขาอีกครั้ง
ฉู่ป๋ายกล่าวว่า “ไม่ใช่เพราะหยกเลือดหรอก เพียงแต่ได้ยินว่าก่อนหน้านี้ฉู่เกอมาที่นี่หรือ”
“ใช่” อวี้อาเหราลังเลเล็กน้อยแล้วจึงพยักหน้า
“เจ้าก็สอนนางให้มาเกลี้ยกล่อมข้าอย่างนั้นหรือ” ฉู่ป๋ายจ้องมองนาง ใบหน้าหล่อเหลาไร้รอยราคีของเขาเผยให้นางเห็นอย่างเต็มที่ อวี้อาเหราถูกจ้องมองเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ก่อนจะก้มหน้าลงเงียบๆ พลางถอยหลังออก กระแอมไปเบาๆ “เจ้าอย่าเข้ามาใกล้ถึงเพียงนี้ได้หรือไม่”
“ใกล้อย่างไรกัน” ทันใดนั้นฉู่ป๋ายก็เข้าใกล้ไปอีกนิด จนปลายจมูกแทบจะชนเข้ากับจมูกของนาง
อวี้อาเหราตกใจเสียจนถอยไปด้านหลัง สีหน้าขาวซีดลงอย่างเห็นได้ชัด ทันใดนั้นใบหน้าก็แดงก่ำขึ้นมาในทันที ทั้งยังร้อนฉ่าเสียจนน่าตกใจ นางลอบกำหมัด พยายามที่จะสงบสติอารมณ์แล้วมองเขา เขาเป็นเหมือนดอกฝิ่นไม่มีผิด ที่ปล่อยกลิ่นหอมรัญจวนออกมา แต่กลับแฝงไปด้วยปริศนาที่อันตรายถึงชีวิต แต่นางก็ไม่มีทางเลือก จำต้องสูดดมเข้าไป
ตอนที่ 378 คนลามกหน้าหม้อ
สวรรค์! นางรู้สึกราวกับกำลังจะหายใจไม่ออก นางสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ จากนั้นจึงค่อยรู้สึกดีขึ้นมาหน่อย
ใจของนางที่เคยนิ่งสงบ ในยามนี้กลับถูกเขาโจมตีเสียจนเหมือนทหารแตกทัพแพ้พ่าย
ฉู่ป๋ายชื่นชมใบหน้าแดงก่ำของนางเสียจนพอใจแล้ว เช่นนั้นจึงค่อยถอยหลังจากไป แต่แล้วก็ยังคงเล่นผมของนางต่อไป เอ่ยปากพูดเสียงเบาๆ กระทบใบหูของนาง “เจ้าคิดจะเกลี้ยกล่อมข้าอย่างไร”
“ไม่ใช่เสียหน่อย เหตุใดข้าจะต้องเกลี้ยกล่อมเซิ่นซื่อจื่อด้วยเล่า” อวี้อาเหรายิ้มอย่างกระวนกระวาย นางปั้นยิ้มออกมาได้อย่างไรกัน แม้แต่นางเองก็ยังรู้สึกฝืนทน เมื่อเห็นฉู่ป๋ายมีสีหน้าไร้ความรู้สึก จึงทำได้แต่เพียงก้มหน้าแล้วพูดความจริงออกมา “ใช่แล้ว ข้าให้นางเกลี้ยกล่อมเจ้าให้บอกถึงวิธีการปลดกำไลหยกเลือดออก เรื่องอื่นข้าไม่ได้ทำเลยนะ”
“เจ้าอยากปลดเอากำไลหยกเลือดออกถึงเพียงนี้เชียว?” ฉู่ป๋ายขมวดคิ้ว มองไม่ออกว่ากำลังอยู่ในอารมณ์ใดกันแน่
“แน่นอนสิ!” อวี้อาเหรารีบพยักหน้าลงอย่างแข็งขัน ไม่ได้สังเกตถึงสีหน้าที่หมองคล้ำลงเรื่อยๆ ของเขาเลยแม้แต่น้อย
มุมปากของฉู่ป๋ายยกโค้งขึ้น “ถ้าเช่นนั้นข้าจะปลดออกให้เจ้าเอง”
“เจ้าพูดจริงหรือ” อวี้อาเหรารู้สึกเหนือความคาดหมาย
“จริงสิ” ฉู่ป๋ายพยักหน้าอย่างจริงจัง
อวี้อาเหรายื่นมือไปหาเขาด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ดีเลย เจ้าก็รีบปลดออกเสียสิ”
“แต่เจ้าก็รู้ดีว่าหยกเลือดนี้เป็นสมบัติล้ำค่า หากจะปลดออกก็คงต้อง…” ฉู่ป๋ายเงยหน้าขึ้นด้วยท่าทางมีนัยยะ จากนั้นก็มองนางด้วยแววตาจริงจัง ราวกับมีคำพูดที่ยากเหลือเกินที่จะพูดออกมา
อวี้อาเหรารอไม่ไหว “มีอะไรก็รีบพูดมาเถิด อย่ามัวอมพะนำอยู่เลย”
“อมพะนำ?” สีหน้าเรียบเฉยของฉู่ป๋ายยิ่งเข้มมากขึ้นไปอีก แต่เขาก็ไม่สนใจคำพูดของนาง ริมฝีปากบางของเขาเข้าไปใกล้ใบหูของนาง แล้วพูดต่อว่า “หากต้องการจะปลดออก จำต้องใช้การรวมกันของธาตุหยินและธาตุหยางจึงจะใช้ได้…”
การรวมกันของธาตุหยินและธาตุหยาง?! การรวมกัน!
“แค่กๆ” อวี้อาเหรากระแอมไอขึ้นมาทันที ผ่านไปนานก็ยังไม่ดีขึ้น หากเป็นหญิงสาวทั่วไปคงไม่ทราบว่าการรวมกันของธาตุหยินและธาตุหยางหมายความว่าอย่างไร แต่นางเล่าเป็นใครกัน? นางเป็นผู้ที่มาจากศตวรรษที่ 21 อันเป็นยุคแห่งข่าวสารข้อมูล เหตุใดจะไม่รู้ว่าการรวมกันของธาตุหยินและธาตุหยางหมายความว่าอย่างไร
หยินหยางรวมตัว? คิดจะล้อนางเล่นอย่างนั้นหรือ?
ทันใดนั้นสีหน้าของอวี้อาเหราก็เปลี่ยนไปเป็นแดงก่ำจนร้อนฉ่า หากนำไข่ไก่สดๆ มาวางไว้ตรงหน้าของนางในตอนนี้แล้วล่ะก็ จะต้องสุกอย่างรวดเร็วเป็นแน่ นางจ้องมองฉู่ป๋ายทั้งที่ใบหน้ายังคงแดงก่ำด้วยความอาย พูดไม่ออกแม้แต่ครึ่งคำ
“เจ้ายังจะถอดมันออกอยู่หรือไม่? หากต้องการ แน่นอนว่าข้าคงฝืนใจยอมทำเพื่อเจ้า” ฉู่ป๋ายถามขึ้นมาอีกครั้ง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกล้ำกลืนและไร้เดียงสา แต่รุกเร้าถามเอาอย่างหนัก ราวกับหากไม่ได้ยินคำตอบจากนางก็ไม่ยอมหยุดยาม
ฝืนใจกับมารดาเจ้าน่ะสิ! คำด่าทอมากมายปลิวว่อนอยู่ในหัวของอวี้อาเหรา ยังถือว่าไม่เป็นไร ที่เขาดึงเอาเรื่องมาใส่หัวนางในครั้งนี้ แต่ที่น่าสงสารที่สุดก็คือเวลานี้นางกลับกระโจนลงไปในแผนการของเขาเสียเต็มเปา!
เจ้าเคยรู้สึกว่าตัวเองผ่านเรื่องซวยๆ ไปแล้ว แต่กลับพบว่ามีเรื่องที่เกินบรรยายรออยู่ข้างหน้าหรือไม่?
ตอนนี้นางตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้น!
“ต้องการหรือไม่” ฉู่ป๋ายมองเข้ามาในดวงตาของนางด้วยสายตาเปลือยเปล่าไร้ซึ่งสิ่งใดมาแต่งเติม
“ไม่ต้องการ!” อวี้อาเหรามองมาที่เขาเหมือนคนปัญญาอ่อน ถามเรื่องลามกเช่นนี้ต่อหญิงสาวที่ยังไม่ออกเรือนแต่กลับทำสีหน้าเรียบเฉยไม่เปลี่ยนแปลง แม้ว่าจะเป็นในยุคปัจจุบันก็ตามที ก็ไม่มีชายหนุ่มปกติคนใดถามเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาหรอก นอกเสียจากจะเป็นพวกเจ้าชู้ไก่แจ้ แต่ฉู่ป๋ายก็ไม่น่าจะเป็นพวกหน้าหม้อจอมลามกกระมัง?