ตอนที่ 511 ถอนหมาก
ไทเฮาเกิดพูดไม่ออกขึ้นมากะทันหัน ทำได้แต่เพียงหยิบเม็ดหมากขึ้นมาแล้ววางบนกระดาน
จากนั้นอวี้อาเหราจึงเดินหมากหนึ่งตา
ไทเฮาจึงวางหมากลงอีกเม็ด แต่สุดท้ายก็ถูกอวี้อาเหราห้ามเอาไว้ “ช้าก่อนเพคะไทเฮา ตาเมื่อครู่นี้ไม่นับ ยังคิดไม่ถี่ถ้วน พระองค์ยอมให้หม่อมฉันเดินอีกตาเถิดเพคะ”
“ได้อย่างไรกัน?” จวินเสวียนจีท้วงขึ้นมา อวี้อาเหราช่างกล้าหาญยิ่งนัก คนที่นางเดินหมากด้วยเป็นถึงไทเฮา เป็นผู้สูงศักดิ์อย่างหาที่เปรียบไม่ได้ ยังกล้าที่จะขอให้ไทเฮายอมอ่อนข้อให้ ในโลกนี้ใครจะกล้าพูดเช่นนี้กับไทเฮาบ้าง แม้แต่ฝ่าบาทยังไม่กล้าเลยด้วยซ้ำ
อวี้อาเหราบุ้ยปากอย่างแสนงอน “ไทเฮา หม่อมฉันเพิ่งเคยเดินหมากเป็นครั้งแรก แน่นอนว่าเดินไม่เป็น พระองค์ให้หม่อมฉันเดินใหม่เถิดนะเพคะ”
ไทเฮามองนาง จากนั้นก็มองไปทางจวินสวียนจี สีหน้ามีความลังเลเล็กน้อย
“เสด็จย่า…” จวินเสวียนจีไม่ค่อยเห็นด้วยนัก มีที่ไหนที่จะยอมให้อีกฝ่ายเดินเปล่า อย่างนั้นก็ไม่ถือว่าเป็นการเดินหมากหรอกมิใช่หรือ
“ไทเฮา…” อวี้อาเหรากะพริบตาขณะที่มองไปที่นาง
ไทเฮาจ้องหน้านางอยู่นาน ในที่สุดก็ยอมให้นาง “ก็ได้ ยอมให้เจ้าเป็นครั้งสุดท้ายนะ”
“เพคะ ขอบพระทัยไทเฮา” อวี้อาเหราหยิบเม็ดหมากขาวของตัวเองกลับมาอย่างยินดี ลังเลอยู่เป็นนานจึงวางหมากลงไป ไทเฮาไม่พูดอะไรอีก และเดินหมากต่อ
แต่หมากตานี้ช่างเดินยากเดินเย็นเหลือเกิน
ยังไม่ทันวางหมาก นางก็หยิบหมากคืนมาหลายต่อหลายครั้ง สุดท้ายแล้วก็ยังแพ้เสียอีก
อวี้อาเหราพูดขึ้นอย่างน่าสงสาร “ไทเฮา ทรงดูเถิดเพคะ หม่อมฉันโง่ถึงเพียงนี้ แม้แต่เดินหมากก็ยังไม่เป็น พระองค์คงจะไม่ทรงยอมแพ้ในตัวอาเหรานะเพคะ”
“ไม่หรอก เรามาเดินกันต่อเถิด ต่อไปข้าจะสอนเจ้าว่าจะต้องวางหมากอย่างไรจึงจะชนะ อีกอย่าง เจ้าก็ห้ามถอนหมากอีก มีใครบ้างเล่าที่เดินหมากแล้วถอนหมากคืนเช่นเจ้า” ไทเฮาว่าขึ้นอย่างใจกว้าง สุดท้ายก็พูดเสริมขึ้นมาอีกหนึ่งประโยค ไม่ยอมให้นางถอนเม็ดหมากคืนจนทำให้หมากกระดานนั้นเดินตั้งนานจึงจบลง หากช้ากว่านี้อีกก็จะถึงเวลาอาหารกลางวันแล้ว
เวลาเที่ยงวันช่างมาถึงเร็วนัก
อวี้อาเหรารับปาก “หม่อมฉันทราบแล้วเพคะไทเฮา ต่อไปจะไม่ถอนหมากคืนแล้วเพคะ”
“อืม ถ้าเช่นนั้นเรามาเล่นกันต่อเถิด” ไทเฮาอธิบายไปพลางเดินหมากไปพลาง เพื่อสอนให้อวี้อาเหรารู้จักการเดินหมากให้ชนะ แต่เมื่อเดินหมากผ่านไปหนึ่งกระดานทุกก้าวล้วนแล้วแต่เดินผิดทั้งนั้น สุดท้ายก็ทำให้รูปแบบแผนการเล่นค่อยๆ เปลี่ยนไป และก็แพ้ในที่สุด
ไทเฮาที่แต่เดิมนั้นมีน้ำอดน้ำทน เมื่อเห็นอวี้อาเหราแพ้ติดๆ กันหลายๆ ครั้งเข้าก็พูดขึ้นอย่างอดรนทนไม่ได้ “เมื่อครู่นี้เราเพิ่งบอกมิใช่หรือว่าจะต้องวางหมากอย่างไร เหตุใดถึงชอบเดินผิดอยู่เรื่อย?”
“ไทเฮา” อวี้อาเหราก้มหน้าลง แล้วพูดขึ้นโดยใช้น้ำเสียงเชิงตำหนิตัวเอง “ต้องโทษที่หม่อมฉันโง่ แม้แต่เดินหมากก็ยังไม่เป็น เชิญไทเฮาลงโทษหม่อมฉันเถิดเพคะ อาเหราทำให้ไทเฮาที่ทรงสู้อุตส่าห์สั่งสอนต้องผิดหวัง”
ไทเฮาได้ยินคำพูดที่แสนจริงใจของนางแล้ว ในใจก็รู้สึกอ่อนไหวเป็นอย่างมาก จึงหันไปสั่งจวินเสวียนจี “เจ้ามาสอนอาเหราแทนย่าที”
จวินเสวียนจีมีทีท่าไม่ยินยอมนัก เมื่อครู่นี้นางก็เห็นแล้วว่าอวี้อาเหราเดินหมากเป็นอย่างไร นางเป็นเพียงคนโง่เขลาเกินว่าจะอธิบายได้เลยมิใช่หรืออย่างไร ในเมื่อนางโง่ถึงเพียงนี้ แม้นางที่มีฝีมืออ่อนกว่าไทเฮา นางก็คงไม่อาจเอาชนะได้ ในใจของนางตำหนิไปหลายคำ ไม่รู้ว่าจะใช้คำใดมานิยามฝีมือการเดินหมากอันไม่ได้เรื่องของอวี้อาเหรา
เจาเอ๋อร์กำลังตั้งใจมองอยู่อีกด้านก็อดหน้าแดงแทนอวี้อาเหราไม่ได้ แต่นางยังคงนั่งอยู่บนเก้าอี้ ไม่มีความรู้สึกอับอายเลยแม้แต่น้อย แม้เดินหมากก็ยังแพ้ ช่างน่าขายหน้านัก จากนั้นนางก็นึกขึ้นมาได้ แม้ว่าก่อนหน้านี้ที่เดินหมากกับเซิ่นซื่อจื่อ นางจะมีฝีมือห่วยมากก็จริง แต่ก็ไม่ได้เลวร้ายถึงเพียงนี้มิใช่หรือ?
หรือว่า นางตั้งใจที่จะทำให้ไทเฮาและพวกเห็นเป็นเช่นนั้น
ตอนที่ 512 เชิญรัชทายาท
จวินเสวียนจีนั่งลงแทนที่ไทเฮา แล้วหยิบเม็ดหมากขึ้นมาเล่นกับอวี้อาเหราเพราะอับจนหนทาง
ไทเฮามองอยู่ข้างๆ นางก็ไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งหรอก
และหากแพ้ ก็เท่ากับจวินเสวียนจีเอาชนะนางได้
ผ่านไปนาน ในที่สุดก็มาถึงเวลาอาหารกลางวัน นางจึงหยุดลง
ไทเฮามีสีหน้าไร้เรี่ยวแรง ไม่รู้ว่าจะต้องสอนอย่างไรจึงจะได้เรื่องได้ราว
อวี้อาเหราไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย หากจะบอกว่านางเสแสร้ง นางจะแกล้งทำเป็นเล่นไม่เก่งด้วยเหตุใดกัน? แต่หากไม่ใช่เช่นนั้น เหตุใดนางจึงโง่เขลาเช่นนี้เล่า โง่เสียจนไม่รู้จะบรรยายอย่างไรเลยทีเดียว
เมื่อสาวใช้เดินเข้ามารายงานว่าอาหารกลางวันพร้อมแล้ว ไทเฮาจึงค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมา “เลิกเรียนก่อนเถิด กินข้าวกันได้แล้ว”
“เพคะ” อวี้อาเหราตอบรับอย่างโล่งอก ราวกับไม่รู้ว่าตัวเองก่อเรื่องอะไรเอาไว้บ้าง
เรื่องนี้ ทั้งไทเฮาและจวินเสวียนจีล้วนแล้วแต่เป็นผู้เชี่ยวชาญ คนทั้งสองมาร่วมกันสอนนางยังเล่นไม่เป็น แค่คิดก็รู้แล้วว่านางเล่นได้แย่เพียงใด ไม่ผิด อวี้อาเหราตั้งใจที่จะทำให้ดูไม่เก่ง เพราะไม่อยากให้ไทเฮาพอพระทัยในตัวของนาง ทางที่ดีที่สุดก็คือตัดกำลังใจของไทเฮาเสีย เพื่อนางจะได้คิดว่านางไม่เหมาะสมกับตำแหน่งพระชายารัชทายาท ว่าที่มารดาของแผ่นดิน
เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว นางจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับจวินฉางอวิ๋นอย่างไรเล่า
เมื่อทุกคนเดินเข้ามาในตำหนัก ไทเฮาเห็นไก่อบพริกแดงวางเอาไว้บนโต๊ะหนึ่งถ้วย ก็หันไปสั่งองครักษ์ของตัวเอง “ปกติแล้วรัชทายาทชอบทานอาหารจานนี้ เจ้าไปดูที่วังตะวันออกทีว่าเขาอยู่หรือไม่ หากอยู่ก็เชิญเขามาทานอาหารกับเราที่นี่ มาทานอาหารเป็นเพื่อนเรา”
“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์รับคำสั่งแล้วจึงถอยออกไป
จวินเสวียนจีตั้งใจจะประจบประแจง “เสด็จย่าช่างเอาใจใส่องค์รัชทายาทยิ่งนัก เห็นแล้วเสวียนจีก็อดที่จะอิจฉาไม่ได้”
ไทเฮายิ้มเล็กน้อย “รัชทายาทไม่มีมารดาตั้งแต่เล็ก ฮองเฮาเองก็มาด่วนจากไปเสียก่อน ช่างโชคไม่ดีเหลือเกิน แน่นอนว่าย่าต้องรักและเอาใจเขามาก ไม่เหมือนกับเจ้า ที่ตั้งแต่เล็กก็มีพระสนมซูเฟยเลี้ยงดูมา ทำให้ย่าวางใจได้มาก”
“ก็ใช่นะเพคะ” จวินเสวียนจีพยักหน้าเห็นด้วย
หลังจากองครักษ์เดินออกไปสักพัก เพียงไม่นานจวินฉางอวิ๋นก็ถูกเรียกตัวมา
จวินฉางอวิ๋นจัดการเสื้อผ้าให้เรียบร้อยแล้วจึงทำความเคารพไทเฮา “หลานถวายพระพรเสด็จย่า”
“ไม่ต้องมากพิธี” ไทเฮาโบกมืออย่างยินดี พลางพูดขึ้นว่า “วันนี้ย่าเห็นว่ามีของที่เจ้าชอบ จึงอดไม่ได้ที่จะให้คนไปเรียกเจ้ามา มากินข้าวกับย่าและอาเหราเถิดมา”
“พ่ะย่ะค่ะ” จวินฉางอวิ๋นยืดกายขึ้น จากนั้นก็เดินไปนั่งข้างๆ ไทเฮา
ในยามนี้ อวี้อาเหราก็เข้าใจขึ้นมาทันทีว่าแท้จริงแล้วไทเฮาคงไม่ได้เรียกจวินฉางอวิ๋นมาเพราะเหตุผลง่ายๆ ว่ามีอาหารที่เขาชอบหรอก เป็นเพราะต้องการที่จะให้นางและเขามีช่วงเวลาอยู่ด้วยกัน นั่งด้วยกัน และไม่รู้ว่าจะทำเรื่องอะไรขึ้นมาอีก เมื่อคิดเช่นนี้ ในใจนางก็รู้สึกตรงกันข้าม ไม่อยากที่จะนั่งเสียเวลากับจวินฉางอวิ๋นเลยแม้แต่น้อย
แต่ก็เป็นความรังเกียจของคนทั้งคู่ ที่ต่างฝ่ายต่างก็ไม่ชอบหน้ากัน แต่เป็นเพราะไทเฮาต้องการที่จะจับคู่ให้กับคนทั้งสอง จึงไม่อาจขัดได้ ดังนั้นจึงต้องทำทีฝืนยิ้มออกมา
เมื่อไทเฮาเห็นดังนั้น ก็รีบย้ายไปยังที่นั่งว่างข้างๆ ตัว แล้วกล่าวว่า “อาเหรา มานั่งที่ของเราเถิดมา”
อวี้อาเหราจึงนั่งลงไป โดยแทรกกลางระหว่างจวินฉางอวิ๋นและไทเฮา รู้สึกฝืดฝืนเป็นอย่างยิ่ง
ไทเฮาคีบเนื้อปลาให้นาง แล้วจึงอธิบายว่า “เนื้อปลานี้เป็นห้องเครื่องหลวงเป็นผู้ทำ ไม่ด้อยไปกว่ารสชาติอาหารที่จวนหลิงอ๋องแน่ เจ้ารีบชิมดูเถิด ไม่รู้ว่าจะถูกปากถูกใจเจ้าหรือไม่ หากไม่ชอบ เราจะสั่งให้คนทำอาหารที่เจ้าชอบเอาไว้ให้”