ลิขิตฟ้าชะตารัก – ตอนที่ 551 โตแล้ว / ตอนที่ 552 ชำระล้างร่างกาย
ตอนที่ 551 โตแล้ว
ลูกสาวที่เอาแต่หลงใหลคลั่งไคล้รัชทายาทคนนั้นโตแล้ว!
ในยามนี้ ในใจของเขาก็ยินดีขึ้นมาเป็นอย่างมาก ตื้นตันใจเป็นที่สุด
ความตื้นตันใจเช่นนี้ก็ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
เขาเองก็ไม่พอใจการหมั้นหมายระหว่างอวี้อาเหราและจวินฉางอวิ๋นตั้งแต่แรก แต่เป็นเพราะฮ่องเต้และไทเฮาบังคับ เขาเองก็ไม่อาจพูดอะไรได้ อีกทั้งอวี้อาเหราเองก็ยังมีใจให้จวินฉางอวิ๋นมาตั้งแต่เด็ก เพราะอย่างนั้นจึงไม่ง่ายเลยที่จะปฏิเสธได้ จึงปล่อยให้มันล่วงเลยมาเป็นสิบปีเช่นนี้
ทว่าตอนนี้ นางกลับเป็นคนที่พูดขึ้นมาเอง
จวินฉางอวิ๋นเองก็ไม่ใช่คนที่จะพึ่งพาอะไรได้ หากเพื่อความสุขของผู้เป็นลูกสาว อย่างไรเขาก็ต้องหากทางขัดขวางให้ถึงที่สุด
อวี้อาเหราพยักหน้าลงอย่างหนักแน่นภายใต้สายตาสงสัยของหลิงอ๋อง “เพคะ ลูกคิดได้นานแล้ว”
“ดี เช่นนั้นก็ดี” หลิงอ๋องซาบซึ้งเสียจนน้ำเสียงดีขึ้น ไม่สงสัยในคำพูดของอวี้อาเหราว่าจริงหรือไม่ ผ่านไปหลายวันแล้วจึงมองเห็นได้อย่างชัดเจน นางพยายามที่หลีกหนีจวินฉางอวิ๋น นางเปลี่ยนไปจากเดิมไม่เหมือนเมื่อก่อนเลย เมื่อคิดได้เช่นนี้ ดูท่านางก็คงจะหมดใจไปแล้วเป็นแน่
อวี้อาเหราถามหลิงอ๋องถึงเรื่องที่คนทั้งสองคุยกันเมื่อครู่
หลิงอ๋องนิ่งไปสักครู่ จากนั้นจึงพยักหน้าเห็นด้วย
ทว่าสิ่งที่เขาสงสัยมากไปกว่านั้นก็คือ เหตุใดอวี้อาเหราถึงได้เปลี่ยนไปเป็นฉลาดมากขึ้นไม่น้อย แผนการเช่นนั้น หากเป็นลูกสาวของเขาก่อนหน้านี้ก็ไม่มีทางคิดออกมาได้แน่ หรือว่าเป็นเพราะนางตกหน้าผาหัวกระแทกถึงได้ฉลาดขึ้นมา? หากไม่เห็นใบหน้าที่เหมือนกับพระชายาแล้ว เขาก็คงคิดว่าลูกสาวของเขาได้ตายไปเสียแล้ว
ช่างทำให้ตื่นตกใจยิ่งนัก
อวี้อาเหราเห็นหลิงอ๋องยอมตกลง ก็ยิ้มออกมาขึ้นอย่างยินดี “เสด็จพ่อยอมรับก็ดีเพคะ ตอนนี้ก็ดึกแล้ว พระอง์รีบกลับไปพักเถิด ตอนนี้ได้ยินว่าสุขภาพของอนุรองไม่ค่อยดีเท่าไร ตอนนี้เพิ่งเข้าเดือนที่สาม ง่ายเหลือเกินที่ครรถ์จะเป็นอันตราย เสด็จพ่อกลับไปอยู่เป็นเพื่อนนางเถิดเพคะ หญิงตั้งครรภ์นั้นต้องการคนดูแล”
“เจ้ายังอุตส่าห์ใส่ใจอนุรองด้วยหรือ?” หลิงอ๋องเลิกคิ้วขึ้น
อวี้อาเหรายิ้ม “ลูกไม่ได้ทำเพื่ออนุรอง แต่เป็นเพราะเห็นแก่เด็กในท้องต่างหากเพคะ อนุรองไม่ถูกกับลูกเสมอมา ลูกขอไม่ปิดบังเสด็จพ่อแล้ว ทั่วทั้งจวนก็ล้วนทราบข้อนี้ดี ทว่าเด็กน้อยไร้ความผิด ไหนเลยจะต้องถูกลากเข้ามาเกี่ยวด้วย เหมือนกับเรื่องน้ำแกงตะพาบน้ำและบัวกีบม้าในครั้งก่อนนั้น เป็นเพราะอนุรองตั้งครรภ์จึงเกิดแคลงใจ คิดว่าลูกทำร้ายนาง ไม่ทันคิดเรื่องอื่น”
“อืม” หลิงอ๋องเลิกคิ้ว จนทำให้รอยย่นบนใบหน้ารวมกันเป็นหนึ่งเดียว
ดูแก่กว่าชีวิตจริง แน่นอนว่าเขาคงผ่านอะไรมาไม่น้อย นางจะต้องดูแลเขาให้ดี
หลังจากที่อวี้อาเหราเห็นหลิงอ๋องเดินไปแล้ว จึงค่อยผ่อนลมหายใจหนักๆ ออกมา
เมี่ยวอวี้เดินเข้ามาหานางตรงหน้า ก็ถามขึ้นมาอย่างเกรงใจว่า “คุณหนู ไม่เป็นไรนะเพคะ?”
“ข้าไม่เป็นไร” อวี้อาเหรายิ้มอย่างขอบคุณ “เมื่อครู่นี้โชคดีที่เจ้าหัวไว มิเช่นนั้นข้าคงโดนเปิดโปงไปจนหมดแล้ว เรื่องนี้จะให้เสด็จพ่อทรงทราบไม่ได้เป็นอันขาด”
“ไม่ได้เป็นเพราะบ่าวหัวไวหรอกเจ้าค่ะ แต่เป็นเพราะคุณหนูโชคดี มีเทพยดาคอยให้ความช่วยเหลือยามเป็นทุกข์” เมี่ยวอวี้ยิ้มแล้วส่ายหน้า
อวี้อาเหราเหยียดยิ้มมุมปาก “เจ้าอย่าได้ปากหวานพูดจาเสนาะหูเช่นนี้เลย ข้าไม่เชื่อเรื่องเทพยดาที่คอยช่วยเหลือหรอกน่า”
“บ่าวปากหวานที่ไหนเจ้าคะ” เมี่ยวอวี้ถามกลับอย่างไม่พอใจ “ท่านลองคิดดูเถิดเจ้าค่ะ บ่าวมีข้ออ้างช่วยเหลือคุณหนู แต่หากบ่าวมาไม่ทันเวลา จะช่วยเหลือได้ทันหรือ? คงเป็นเพราะคุณหนูมีเทพคอยช่วยเหลือคุ้มครอง เช่นนั้นเรื่องทุกอย่างจึงผ่านไปอย่างราบรื่น”
“เจ้านี่ช่างปากหวานนัก” ในที่สุดอวี้อาเหราจึงหัวเราะขึ้นมา
จนแม้แต่นางเองก็เกือบจะเชื่อว่าเป็นเช่นนั้นจริงๆ แล้ว
เมี่ยวอวี้หัวเราะน้อยๆ ไม่ได้เอ่ยอะไรขึ้นมาอีก
เจาเอ๋อร์เข้ามาเห็นทั้งสองกำลังหัวเราะ ก็รู้ว่าตัวเองพลาดไปแล้วจึงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อนางเห็นหลิงอ๋องเดินออกไป จึงค่อยยกน้ำร้อนเข้ามา เห็นคนทั้งสองคุยกันอยู่ ก็มองด้วยความรู้สึกแปลกใจ “คุณหนู เมี่ยวอวี้ เมื่อครู่นี้พูดเรื่องอะไรกันหรือเจ้าคะ”
อวี้อาเหราหัวเราะ “ไม่มีอะไร”
“อ้อ” เจาเอ๋อร์พ่นลมหายใจ เห็นๆ อยู่ว่าคุยกันอยู่ เมื่อเห็นคุณหนูคุยกับเมี่ยวอวี้ แล้วลืมนางไปเสีย ทันใดนั้นก็เกิดความรู้สึกผิดหวังขึ้นมาเต็มหัวใจ
ตอนที่ 552 ชำระล้างร่างกาย
อวี้อาเหรามองเห็นใบหน้าทุกข์ใจของสาวใช้ จึงถามขึ้นว่า “ไปเตรียมน้ำอาบมาหรือยัง”
“เตรียมแล้วเจ้าค่ะ” เจาเอ๋อร์พลันคิดถึงเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ จึงรีบตอบออกมาทันที
“เมี่ยวอวี้ เจ้าไปเตรียมเสื้อผ้าวางไว้ให้ข้าที” ได้ยินเช่นนั้นแล้วอวี้อาเหราก็หันไปออกคำสั่งกับเมี่ยวอวี้ทันที
“บ่าวน้อมรับคำสั่งเจ้าค่ะ” เมี่ยวอวี้ทำตามที่นางสั่ง เพียงไม่นานก็วางเสื้อผ้าที่เตรียมไว้ที่ฉากกั้นอาบน้ำ
ฝืนถูกเผาจนทำให้ห้องอุ่นสบายขึ้นมา เมื่อเห็นว่าทุกอย่างถูกเตรียมจนพร้อมแล้ว จึงค่อยหันมามองเมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์ “พวกเจ้าไม่ต้องดูแลข้า ไปเฝ้าที่หน้าห้องเถิด”
“เจ้าค่ะ บ่าวขอตัว” เมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์เดินออกไปพร้อมๆ กัน
อวี้อาเหรามองห้องที่ว่างเปล่า ทว่ากลับรู้สึกอบอุ่นนิ่งนัก นางเดินเข้าไปหลังฉากกั้น แล้วถอดเสื้อผ้าที่อยู่ติดกายออกไปจนหมด จากนั้นก็เข้าไปชำระล้างร่างกายในอ่างไม้ที่มีน้ำใส่อยู่จนเต็ม น้ำร้อนต้องผิวกาย ทำให้รู้สึกสบายตัวเป็นอย่างยิ่ง ทุกรูขุมขนในร่างกายเปิดออกด้วยความรู้สึกสบายกาย
บนผิวน้ำยังมีกลีบดอกไม้จำนวนไม่น้อยลอยล่อง ซึ่งล้วนแล้วแต่ส่งผลดีต่อร่างกายทั้งสิ้น
อวี้อาเหรามองร่างกายของตัวเองภายใต้แสงอับทึบ ส่วนที่ควรจะเต่งตึงก็เติบโตได้ดี เส้นผมสยายเคลียไหล่ งดงามเหมือนก้อนหยก ผิวกายดังหิมะ ส่วนที่จมอยู่ในน้ำร้อนแดงก่ำเล็กน้อย นางที่มองร่างกายของตนก็รู้สึกร้อนผ่าวที่ปรางแก้ม นางมีรูปร่างที่งดงามยิ่งนัก แทบจะไม่มีรอยแผลเป็นเลยในตลอดเวลาหลายเดือนที่นางอยู่ในร่างนี้
แม้ว่าจะมีหน้าตาเหมือนนางในศตวรรษที่ 21 แต่ทว่าร่างกายกลับแตกต่างกัน
นี่ก็ช่างแปลกนัก มีทั้งตัวนางที่มาจากศตวรรษที่ 21 ยังมีคุณหนูรองหลิงตัวจริง รวมแล้วมีคนที่หน้าตาเหมือนกันอยู่สามคน จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไรกัน?
นี่ก็ไม่เหมือนกับการทะลุมิติของคนอื่นๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นร่างไหน ก็ล้วนแล้วแต่มีความลับของตัวเองทั้งนั้น
แม้เพียงพิจารณาผิวเผิน แต่ตอนนี้ก็ยังมีปัญหาคาใจที่ไม่อาจจัดการได้ เพราะยังไม่ว่างที่จะคิดถึง
ยามที่นางอยู่ในช่วงเวลาผ่อนคลาย ร่างกายอยู่ในสถานะสบายที่สุดนั้น ราวกับสัมผัสได้ถึงเสียงลมพัดเข้ามาจากด้านนอก แม้ว่าจะบางเบา แต่แขนของนางก็ยังสัมผัสได้ถึงสายลมที่พัดพามาจากด้านนอกที่หนาวเย็นจนตัวสั่น
นางมองไปทางด้านหลัง เห็นว่าหน้าต่างก็ยังคงปิดอยู่ แล้วลมมาทางไหนกัน?
หรือเป็นเพราะว่านางเหนื่อยล้าเกินไป จึงทำให้เข้าใจผิดไปเอง?
นางกำลังจะนอนหลับตาลงเพื่อเพลิดเพลินไปกับอ่างน้ำอุ่นไปทั่วร่างกาย ที่ด้านหลังก็บังเกิดเสียงหัวเราะดังขึ้นอย่างชัดเจน
แม้ว่าเสียงนั้นจะไม่ดังนัก แต่นางก็ได้ยินอย่างชัดเจนกับหูของตนเอง
เพียงแต่เสียงหัวเราะนั้นสั้นกระชับยิ่งนัก อีกทั้งก็ยังยากที่จะแยกเพศ ว่าเป็นเสียงของชายหรือหญิง
“ใครน่ะ?” วินาทีที่อวี้อาเหราได้ยินเสียงหัวเราะ นางก็ระวังตัวขึ้นมาในทันที
ยามที่นางมองไปทางที่เกิดเสียงหัวเราะนั้น กลับไม่พบว่ามีใครอยู่ทางด้านหลังเลย
หรือว่านางฟังผิดไป? ไม่มีทาง อย่างไรก็เป็นไปไม่ได้!
จะต้องมีคนแน่! ทว่าตอนนี้นางอาบน้ำอยู่ จึงไม่อาจขยับตัวได้อย่างใจนึก ในใจนึกด่าทอ สมควรตายยิ่งนัก ที่เลือกที่จะเข้ามาหานางในยามนี้ อีกฝ่ายจะต้องมีฝีมือเชิงยุทธ์ที่สูงส่งเป็นแน่ มิเช่นนั้นคงไม่อาจลอบเข้าโดยไร้เสียง แม้ว่าการรักษาการณ์ของจวนหลิงอ๋องนั้นจะไม่เข้มงวดเท่ากับวังหลวง แต่ก็ไม่มีทางหละหลวมได้
ปละปนเข้ามาได้โดยไร้เสียง คนผู้นี้แน่นนอว่าจะต้องไม่ธรรมดา
เมี่ยวอวี้และเจาเอ๋อร์อยู่ด้านนอก นางก็รีบขยับปากเตรียมจะร้อง แต่อีกฝ่ายทำราวกับเดาได้ว่านางต้องการจะทำอะไร จึงเอ่ยขึ้นมาเสียก่อนที่นางจะพูด “อย่าร้อง”
เสียงนี้ เหตุใดนางถึงได้รู้สึกว่าคุ้นเคยยิ่งนัก?
อวี้อาเหราตั้งใจฟัง แต่ก็ฟังไม่ออก จึงมองไปทางด้านหลัง ทันใดนั้นจึงเห็นเงาร่างที่เดินออกมาจากด้านหลังฉากกั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่ทราบ แม้ว่าจะมองไม่เห็นหน้า แต่นางก็รู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ผ่านไปนานทีเดียวนางจึงค่อยรู้สึกตัว แล้วระมัดระวังอีกฝ่าย “เจ้าเป็นใคร? รู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ไหน เหตุใดจึงกล้าบุกเข้ามา”
นางสามารถเดาได้ว่าอีกฝ่ายจะต้องเป็นคนที่นางรู้จักแน่
“เจ้าจำเสียงข้าไม่ได้หรือ” อีกฝ่ายไม่สนใจคำพูดของนาง แต่กลับถามนางกลับ
คราวนี้อวี้อาเหราถึงค่อยฟังออก นางจึงด่าทอออกมาอย่างโกรธเกรี้ยว “ฉู่ป๋าย เจ้าคนสมควรตาย! เจ้าก็แอบมาดูข้าอาบน้ำยามดึกดื่นเช่นนี้หรือ วิปริตยิ่งนัก!”
มิน่าเล่าเหตุใดนางถึงรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่เสียงเท่านั้น เพียงแต่ร่างของเขานั้นดูผอมบาง จนทำให้เสื้อผ้าที่สวมอยู่นั้นดูหลวมโพรก ดังนั้นแน่นอนว่าหากดูไม่ออกก็ไม่แปลก