คาบเรียนหนึ่งไม่นานก็สอนจบแล้ว นักศึกษาด้านล่างต่างพากันมองฟางเหยียนแบบตื่นตะลึงมาก รู้สึกว่าฟังยังไม่จุใจเลย แม้แต่นักศึกษาที่ห่วยสุดของชั้นเรียนยังถูกวิธีการสอนหนังสือของฟางเหยียนเมื่อสักครู่ดึงดูดเอาไว้ได้
ทั้งชั้นเรียน หลังจากที่เสียงกริ่งดังขึ้น ล้วนยังไม่ยอมออกไปจากที่นั่ง ยังคงมองฟางเหยียนแบบตกตะลึงพรึงเพริด
มองเห็นฉากแบบนี้เข้า ศาสตราจารย์โจวอดขมวดคิ้วไม่ได้ นี่คือกระบวนการที่ตนเองทำไม่ได้ ถ้าที่มหาวิทยาลัยมีอาจารย์แบบนี้มาสอนหนังสือ นั่นจะเป็นภาพเหตุการณ์อย่างไรกัน?
ภาพแบบนั้น เป็นสิ่งที่ศาสตราจารย์โจวไม่กล้าจินตนาการ
ซ่งหยิงมองฟางเหยียนด้วยความแปลกประหลาดสุดๆ เธอไม่รู้จริงๆ ว่าคนคนนี้จะเป็นอาจารย์ที่ดีเลิศเช่นนี้ ถึงแม้ศาสตราจารย์โจวจะเก่งกาจมาก แต่ถ้าเทียบกับฟางเหยียนแล้ว วิธีการสอนหนังสือไม่ได้ยอดเยี่ยมเท่าฟางเหยียนจริงๆ
พูดอีกแบบคือฟางเหยียนโยนเนื้อหาในแบบเรียนทิ้งไปหมด แต่เขาพูดเนื้อหาที่ควรพูดทั้งหมดออกมาแล้ว การเรียนประวัติศาสตร์ นั่นคือกำลังเรียนสิ่งในอดีต ฉะนั้นจึงทำให้คนรู้สึกจืดชืดมาก และไร้อารมณ์
แต่ว่าฟางเหยียนกลับพูดเรื่องประวัติศาสตร์ออกมาได้เหมือนตัวเขาเองกำลังมีตัวตนในยุคสมัยนั้น
มองนักศึกษาที่ไม่ยอมออกไปกัน ฟางเหยียนจึงพูดขึ้นว่า “ผมเพิ่งสอนหนังสือเป็นครั้งแรก ตรงไหนที่พูดไม่ดี ขอให้ทุกคนอภัยด้วย”
พึ่งพูดจบ เสียงปรบมือกึกก้องดังขึ้นมาจากด้านล่างอยู่พักหนึ่ง นักศึกษาสาวไม่น้อยกอดหนังสือเรียนขึ้นมาบนเวที ขอให้ฟางเหยียนช่วยเซ็นชื่อให้
ฟางเหยียนโดนนักศึกษาที่บุกจู่โจมเข้ามากะทันหันทำเอางุนงงไป นี่ช่างบ้าคลั่งเหลือเกิน ตนเองไม่ใช่ดาราดัง ยิ่งไม่ใช่อาจารย์ตัวจริงด้วย นักศึกษาเหล่านี้เป็นอะไรกัน? หรือว่าตนเองสามารถพิชิตนักศึกษาได้แล้ว
“ซ่งหยิง ไปกินข้าวที่ร้านอาหารตะวันตกด้วยกันกับฉันได้มั้ย?” ถึงแม้ว่าหยางยีเฟิงจะตื่นตกใจเช่นกัน แต่ที่สำคัญสุดยังเป็นการจับซ่งหยิง
ซ่งหยิงกอดหนังสือไว้ ดวงตาไม่หนีไปจากฟางเหยียนที่อยู่บนเวลาสักวินาที ส่ายหน้าตอบ “ไม่ได้!”
พูดจบเธอก็เดินเข้าไปที่เวทีอย่างเหม่อลอย เขายังจำฉันได้หรือไม่? เมื่อวานคือเขาที่ดึงมือของฉันไว้ คุ้มครองฉันไว้? ซ่งหยิงถามตนเองกลับไปกลับมาแบบนั้นไม่เลิก
ผู้ชายที่หน้าตาเคร่งขรึมคนนี้ คาดไม่ถึงเป็นอาจารย์ที่ปรากฏตัวกะทันหันขนาดนั้น นี่ทำให้เธอแปลกใจมาก อยู่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้ ความรู้จิตวิทยาที่เธอเรียนมาทั้งหมด เห็นได้ชัดว่าอ่อนกำลังไร้ประโยชน์มากแค่ไหน
“อาจารย์ อาจารย์ฟาง!” ซ่งหยิงเดินมาถึงบนเวทีบรรยาย เรียกฟางเหยียนแล้ว”
ตอนที่มองเห็นซ่งหยิง ฟางเหยียนจำเธอได้แล้ว เป็นเด็กสาวที่ถูกลูกน้องแก๊งเสือดาวดำรังแกเมื่อวานคนนั้น
“เธอเรียนอยู่ห้องนี้?” ฟางเหยียนถามขึ้น ถึงแม้ว่าจะพูดจาไร้ความรู้สึก แต่เขากลับจำตนเองได้
ในใจซ่งหยิงดีใจอยู่บ้าง แต่คำพูดต่อมาของฟางเหยียนกลับทำให้เธอกระอักกระอ่วนขั้นสุด “เธอมาให้ฉันเซ็นชื่อให้เหรอ?”
ซ่งหยิงขมวดคิ้วเล็กน้อย ถึงจะพูดอย่างไรตนเองก็เป็นดาวของคณะจิตวิทยา จะมาขอลายเซ็นเขาได้อย่างไรล่ะ
เธอส่ายหน้าตอบ “ไม่ใช่ ฉันเพียงอยากชวนคุณไปทานข้าวค่ะ”
หลังจากคำพูดนี้ออกไป ทั้งห้องเรียนก็เริ่มฮือฮาขึ้นมาแล้ว
“โอ๊ะๆๆ ดาวคณะจิตวิทยาซ่งหยิงอยากชวนอาจารย์ฟางไปกินข้าวแล้ว”
คำพูดนี้ลอยเข้าไปในหูของหยางยีเฟิง เขาอารมณ์เสียไปหมดแล้ว ตนเองชวนเธอไปกินข้าวแต่โดนปฏิเสธ คาดไม่ถึงเธอจะไปหาคนคนนี้แทน แถมยังชวนเขากินข้าวก่อนด้วย หรือว่าตนเองแย่ขนาดนั้นเลยเหรอ?
ทว่าเกิดเหตุในชั้นเรียน เขาจึงไม่กล้าทำอะไรเป็นธรรมดา
ได้ยินเพื่อนนักเรียนในชั้นฮือฮากันอย่างนั้น ซ่งหยิงรีบพูดอธิบายแบบหน้าแดง “ไม่ใช่แบบนั้น เพียงแค่เมื่อวานอาจารย์ฟางช่วยฉันไว้ที่สถานีรถโดยสาร ฉันเลยอยากเลี้ยงข้าวเขา”
พอได้ยินคำนี้ ชั่วพริบตาเดียวหยางยีเฟิงก็เบิกดวงตาโต รีบเข้ามาสอบถาม “เธอเป็นอะไรรึเปล่า? ซ่งหยิง ใครรังแกเธอ? ทำไมเธอถึงไม่โทรศัพท์หาฉันล่ะ”
ที่บ้านหยางยีเฟิงรวยพอสมควร จึงรู้จักคนมีอิทธิพลที่หนานหลิงบางส่วน
ซ่งหยิงตอบว่า “เป็นพี่น้องของลูกพี่แก๊งเสือดาวดำ หยางซ่าวหาน”
พอได้ยินหยางซ่าวหานคุณชายรองของแก๊งเสือดาวดำ หยางยีเฟิงหวาดกลัวในชั่วขณะนั้น
ยังไม่รอให้หยางยีเฟิงพูดอะไร ฟางเหยียนตอบซ่งหยิงแล้วบอกว่า “ขอโทษนะ ฉันอาจจะไม่มีเวลา”
ฟางเหยียนปฏิเสธเธอแล้ว
นี่คือสาวงามที่คนมากมายเท่าไรเรียงแถวมายังขอไม่ได้ แต่ว่าฟางเหยียนปฏิเสธเธออย่างคาดไม่ถึง
แม้แต่สาวงามคณะจิตวิทยายังถูกปฏิเสธ ยังมีใครสามารถทำให้ผู้ชายคนนี้หวั่นไหวได้ล่ะ? พอนึกถึงตรงนี้ นักศึกษาที่เดิมที“มีปณิธานอันยิ่งใหญ่”อยากจะจีบฟางเหยียน ล้วนไม่มีความมั่นใจแล้ว
เวลานี้ศาสตราจารย์โจวเดินเข้ามาจากด้านนอก บนหน้ามีรอยยิ้มที่ชื่นชมและเลื่อมใสเรียกขึ้น “อาจารย์ฟาง”
ฟางเหยียนเห็นศาสตราจารย์โจวเข้า รีบพูดว่า “ศาสตราจารย์โจว ขอโทษนะครับ ผมสอนหนังสือไม่ค่อยเป็น”
“ไม่ๆๆ!” ศาสตราจารย์โจวรีบโบกมือ พูดแบบไม่มีปิดบังสักนิด “คุณเป็นอาจารย์ดีเยี่ยมที่สุดที่ผมเคยเจอมา พูดได้ว่าทั้งประเทศหวา ผมยังเป็นอาจารย์แบบคุณไม่ได้เลย”
“อาจารย์ฟาง คุณตามผมมาเถอะ” ศาสตราจารย์โจวแสดงท่าทีให้ฟางเหยียนตามเขาไป
ฟางเหยียนไม่ได้มองซ่งหยิงสักแวบ เดินตามศาสตราจารย์โจวไปแล้ว
มองภาพด้านหลังของฟางเหยียนจากไป ชั่วขณะนั้นหัวใจของเธอก็หนักหน่วงลงมา แต่พอคิดดูแล้ว เขาเป็นนักศึกษาของอาจารย์โจว ต่อไปยังมีโอกาสได้เจอหน้ากันอีกแน่ คิดถึงจุดนี้ เธอจึงเดินออกจากห้องเรียนไป
มาถึงห้องทำงานอาจารย์ ศาสตราจารย์โจวพูดว่า “คุณฟาง ต้องขอโทษจริงๆ เมื่อกี้ผมเข้าใจผิด ผมคิดว่าคุณคือเสี่ยวโจวผู้ฝึกสอนของผมล่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ!” ฟางเหยียนตอบแบบไม่สนใจ
ตอนที่เขากำลังเตรียมพูดเรื่องที่เขาเข้ามา ศาสตราจารย์โจวก็พูดต่อไปอีก “ขอโทษนะคุณฟาง คุณเรียนจบมาจากมหาวิทยาลัยไหน? ผมดูอายุของคุณ น่าจะยังไม่จบปริญญาโทมั้ง? หรือว่าไปเรียนที่ต่างประเทศมาเหรอ?”
ฟางเหยียนตอบ “ผมไม่เคยเรียนมหาวิทยาลัยครับ! จบมัธยมปลายก็ไปเป็นทหารเลย”
“อะไรนะ?” ชั่วขณะนั้นศาสตราจารย์โจวเบิกดวงตาโต พูดว่า “นี่เป็นไปได้อย่างไรกัน? ระดับของคุณไม่ใช่ระดับมัธยมปลายเด็ดขาด ระดับการสอนของคุณนี้ ที่ประเทศหวานั่นคืออยู่ในระดับหนึ่งเลยนะ งั้นคุณต้องผ่านการสอนหนังสือมาก่อนสินะ?”
ฟางเหยียนตอบอีก “ศาสตราจารย์โจวครับ นี่คือการสอนหนังสือครั้งแรกของผม ก่อนหน้านี้ผมไม่เคยสัมผัสการสอนมาก่อนเลยครับ”
“คุณพระ!” ศาสตราจารย์โจวร้องอุทานออกมาสองคำนั้นโดยตรง จากนั้นพินิจพิเคราะห์ฟางเหยียนอย่างแปลกใจอีกครั้ง นี่ไม่ใช่เพียงครั้งเดียวที่เป็นการใช้สายตาที่มองลึกซึ้งมากแบบนี้มองฟางเหยียน
ครุ่นคิดตั้งนาน เขาก็ลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ด้วยความฮึกเหิมมาก ส่ายหน้าพูดทอดถอนใจ “นี่ช่างน่ามหัศจรรย์เหลือเกิน ดูแล้วระดับการสอนประเทศหวาของเราต้องได้รับการพัฒนาคุณภาพแล้ว”
คนทั้งห้องทำงานล้วนมองศาสตราจารย์โจวที่กำลังจะคลุ้มคลั่งขึ้นอย่างมึนงง
คนหนุ่มตรงหน้าผู้นี้พึ่งอายุยี่สิบกว่าเอง จะสามารถมีระดับการสอนอะไรได้ ศาสตราจารย์โจวคนนี้ต้องบ้าไปแล้ว
เห็นฟางเหยียนไม่ได้พูดอะไร ศาสตราจารย์โจวก็ถามต่อไป “คุณฟาง งั้นคุณยินยอมอยู่สอนหนังสือต่อที่มหาวิทยาลัยของพวกเราหรือเปล่า?”
ศาสตราจารย์โจวเชื้อเชิญคนนี้อยู่สอนหนังสือที่มหาวิทยาลัยด้วยตนเอง? เขาบ้าไปแล้วเหรอ?
จากนั้นศาสตราจารย์โจวรู้สึกว่าไม่จริงใจพอ จึงพูดขึ้นอีก “คุณวางใจได้ ผมจะไปติดต่อกับหน่วยงานการศึกษา ให้พวกเขามอบฐานะของผู้เชี่ยวชาญให้คุณ”
ในฐานะของผู้เชี่ยวชาญ นี่ไม่ใช่ค่าตอบแทนขอบคนทั่วไป ทั้งมหาวิทยาลัยซีหนาน ยังมีผู้เชี่ยวชาญไม่ถึงสิบคน
นี่เอามาไว้บนตัวของคนทั่วไป อาจจะต้องฮึกเหิมถึงขั้นบ้าคลั่ง แต่ว่าอาชีพนี้ในสายตาของฟางเหยียน กลับไม่คุ้มค่าให้พูดถึง เขารีบพูดว่า “ขอโทษครับ ศาสตราจารย์โจว ผมคิดว่าคุณเข้าใจผิดแล้ว ผมมาที่นี่เพราะมีธุระมาหาคุณ ผมไม่ได้สนใจการสอนเรื่องนี้เลย ยิ่งไปกว่านั้นผมไม่มีระดับของผู้เชี่ยวชาญด้วยครับ”
ศาสตราจารย์โจวถือโอกาสจับมือของฟางเหยียนไว้ พูดด้วยความตื่นเต้นสุดๆ “ผมบอกว่าคุณคือผู้เชี่ยวชาญก็คือผู้เชี่ยวชาญ ขอเพียงคุณยินยอม ผมสามารถช่วงชิงคำเรียกของผู้เชี่ยวชาญนี้มาให้คุณได้ คุณยังเป็นอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของประเทศหวาของพวกเรา คุณกลายเป็นต้นแบบของทั้งหน่วยงานการศึกษา ผู้สอนทั้งหมดล้วนต้องเรียนรู้วิธีการสอนหนังสือของคุณ”