เหลียงจงโมโหเกรี้ยวกราด ตะคอกใส่พนักงานที่อยู่ปลายสาย “อะไรคือเบื้องบนสั่งการมา มึงบอกกูมาว่าใครสั่งการ หลายปีมานี่กูแม่งจ่ายภาษีให้มึงยังน้อยไปใช่มั้ย? แค่ประโยคเดียวของเบื้องบนก็…”
“ตูดๆๆ!” เมื่อพูดถึงจุดนี้ ฝั่งนู้นไม่ไว้หน้าเขาแล้ว ตัดสายทิ้งทันที แม้แต่พนักงานของธนาคารก็ไม่ให้เกียรติเขาแล้ว นี่มันเสือลำบากก็อาจถูกสุนัขรังแกไม่ใช่เหรอ
นึกถึงท่าทีเมื่อก่อนของธนาคาร นบน้อมถ่อมตัวเลยละ ตนเข้าไปในธนาคารได้รับบริการอย่างvip ไม่เอาชามาให้ก็เอาน้ำมาให้ แต่ตอนนี้ นึกไม่ถึงว่าจะกล้าตัดสายตน นี่มันแม่งกลับตาลปัตรไปแล้วเหรอ?
เหลียงจงขึ้นรถอย่างเกรี้ยวกราด เพิ่งจะนั่งรถ ยังไม่ทันได้หายใจ โทรศัพท์เข้าอีกแล้ว
“ประธานเหลียง ธุรกิจทั้งหมดของตระกูลเหลียงวันนี้ดิ่งลงอย่างรวดเร็ว ถ้าดิ่งลงแบบนี้ ไม่ถึงสามชั่วโมง บริษัททั้งหมดของเหลียงซื่อกรุ๊ปของเราจะล้มละลาย” โทรศัพท์จากผู้จัดการบัญชีของบริษัทโทรมาอย่างร้อนรน
เมื่อเหลียงจงได้ยินประโยคนี้ ทำเอาตัวเองตกใจจนเหงื่อไหลทั้งตัว นี่มันเป็นใครที่น่ากลัวได้ขนาดนี้กันนะ สามชั่วโมง ใช้เวลาเพียงแค่สามชั่วโมงเท่านั้นก็สามารถทำให้ตนล้มละลายได้? เดิมทีเขาคิดว่าธุรกิจของตัวเองมั่นคงดั่งภูเขาไท่ซานแล้วเซียว ตอนนี้เขาเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองไร้เดียงสาขนาดไหน จะมีธุรกิจที่แข็งแกร่งไม่ล้มเลยได้ที่ไหน เพียงแค่ดูว่าคุณทำผิดต่อใครเท่านั้นแหละ
“ประธานเหลียง คุณฟังอยู่มั้ย?” พนักงานบัญชีร้อนใจจนไม่ไหวแล้ว
เหลียงจงทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงตัดสายทิ้ง ตอนนี้ เขาก็ไม่มีทางออก เขาไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่
รถออกไปได้ไม่ถึงห้านาที มีสายเข้าอีกครั้ง ตอนนี้เหลียงจงหมดหนทาง เขามองเบอร์โทรที่ปรากฏบนหน้าจอมือถือ ไม่รับก็ไม่ได้ ด้วยเหตุนี้เองเขาทำได้เพียงรับสายด้วยอาการสั่นแล้วกดเปิดลำโพง
“เสี่ยวเหลียง แกอยู่ไหน?” เป็นเสียงคนแก่เข้มงวดคนหนึ่ง เมื่อฟังแล้วเสียงของเขาค่อนข้างโกรธ
“ลุง ลุงหู” เหลียงจงเรียกชื่อนี้ออกมาด้วยอาการสั่น นี่คือคนที่ริเริ่มธุรกิจมาพร้อมกับพ่อของเขา เป็นคนดุร้ายเช่นกัน หลังจากที่พ่อของเขาเสียชีวิตไปแล้ว คนนี้จึงได้กลายเป็นคนที่เขาให้ความเคารพและกลัวมากที่สุด
“ตอนนี้แกอยู่ไหน?” น้ำเสียงของลุงหูไม่ดีเป็นอย่างมาก เสียงถามนี้ราวกับตะคอกออกมา
เหลียงจงร้อนรนจนเหงื่อไหลเต็มตัว แต่เขาก็มิกล้าเชื่องช้า รีบกล่าว “ผม ผมผมผมอยู่ที่เมืองจินโจว”
“ฉันไม่สนว่าแกจะไปยั่วโมโหใคร? ถ้าแกไม่จัดการเรื่องนี้ให้ดี แล้วบริษัทล้มละลายละก็ อย่าคิดจะกลับมาที่หนานหลิงอีก” พูดจบ ลุงหูที่อยู่ปลายสายตัดสายทันที
เขาแข็งทื่อ ถูกเรื่องต่างๆถาโถมเข้ามาติดๆกันจนมึนไปหมด
ตอนนี้ เขามั่นใจแล้ว ว่าเป็นเขา เขาคนนั้น ฝีมือของสามีเย่ชิงหยู่ แค่สายเดียวของเขา ทำให้ธุรกิจของตนล้มละลายได้จริงๆ พระเจ้า นี่ต้องเป็นระดับไหนกันนะ เมืองจินโจว ทำไมถึงได้มีคนแบบนี้
ในหัวของเขาในผุดภาพอันบ้าระห่ำของฟางเหยียนเมื่อกี้ขึ้นมาอีกครั้ง ใช่ ตนเหยียบเข้ากับตอแล้วละ เป็นความผิดของตัวเองทั้งหมด โทษตัวเองที่ดูถูกคนอื่น จึงได้ยั่วโมโหคนแบบนี้เข้าให้
สิ่งที่นาโมโหที่สุดคือ ตนยังใช้เงินในการจัดการคนแบบนี้อีกด้วย ไร้เดียงสา ตนแม่งไร้เดียงสาเกินไปแล้ว! คนแบบนี้ไม่มีเงินเหรอ? สิ่งที่พวกเขาขาดแคลนก็มีแค่ความเคารพเท่านั้นแหละ ตนไม่เพียงเหยียดหยามเขา แล้วยังยุ่งกับภรรยาของเขาอีก
สมควรตาย! สมควรตาย!
เหลียงจงยังคงช็อกไม่หาย ทำใจอยู่ประมาณยี่สิบนาที เขาจึงได้พูดอย่างตื่นตระหนกกับคนขับรถ “กลับไป ไปที่ตงข่ายกรุ๊ป”
นั่นเป็นคนที่เขาแตะต้องไม่ได้ เขาต้องกลับไปขอโทษ ถ้าบริษัทเกิดอะไรขึ้น ก็มีเพียงความตายเท่านั้นที่รอเขาอยู่ เมื่อนึกถึงจุดนี้ เหลียงจงเดือดเนื้อร้อนใจ เขาได้เตรียมตัวเตรียมใจในการขายหน้าแล้ว และเตรียมที่จะคุกเข่าขอโทษต่อหน้าฟางเหยียนแล้ว
เมื่อมาถึงตงข่ายกรุ๊ป เหลียงจงเดินเข้าไปในบริษัทอย่างตัวสั่น เมื่อเห็นเหลียงจง คนจำนวนไม่น้อยต่างตาโตคาดไม่ถึงกัน เป็นไปได้ไง เหลียงจงกลับมาจริงๆได้อย่างไรกัน
เหลียงจงมองไปยังพนักงานต้อนรับธรรมดา แล้วถาม “คุณผู้หญิง มิทราบว่าประธานเย่กับสามีของเธออยู่มั้ย?”
เหลียงจงในตอนนี้ ได้ทิ้งความบ้าระห่ำเมื่อกี้ แล้วกลับมาอบอุ่นอย่างมาก ดูเรียบง่ายและเป็นกันเองมากขึ้น
หญิงสาวคนนั้นมองไปที่เหลียงจงอย่างประหลาดใจ พูดอย่างช้าๆว่า “ประประธานเย่ ของเราได้ออกไปกับสามีของเธอแล้วค่ะ ตอนที่คุณเพิ่งมาถึงไม่นาน พวกเขาเพิ่งจะออกไป คุณฟางให้ฉันบอกคุณว่า ไม่ต้องหาพวกเขาแล้ว นี่เป็นสิ่งที่คุณก่อขึ้นมาเอง”
เหลียงจงถอนหายใจ แล้วถาม “งั้นคุณบอกผมได้ไหมว่าพวกเขาไปทางไหน?”
หญิงสาวชี้ไปที่ด้านนอกของบริษัท “ไม่ทราบค่ะ น่าจะออกไปออกไปทานข้าวมั้งคะ หรือกลับบ้าน”
เหลียงจงส่งเสียงอ๋อออกมา แล้วจึงออกไป เขาต้องหาเย่ชิงหยู่และฟางเหยียนให้เจอให้ได้
เมื่อเห็นเหลียงจงออกไป หญิงสาวหลายๆคนของบริษัทเกาะกลุ่มกันกล่าวด้วยความประหลาดใจสุดๆ “นี่มันเจ๋งเกินไปแล้ว สามีของประธานเย่เก่งขนาดนั้นเลยเหรอ? พูดว่าประธานเหลียงจะกลับมา แล้วเขาก็กลับมาจริงๆด้วย! แล้วยังบอกว่าภายในครึ่งชั่วโมง นี่ยังไม่ถึงครึ่งชั่วโมงเลย เทพมากอะ นี่มีญาณรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าจริงๆนะเนี่ย!”
“เขากลับมาก็ไม่รู้จะดีหรือจะร้าย บางทีอาจกลับมาเพื่อหาเรื่องฟางเหยียน?”
“หาเรื่อง! แกไม่เห็นสีหน้าของประธานเหลียงเหรอว่าแย่ขนาดไหนแล้ว? นั่นเป็นใบหน้าของคนที่กลับมาหาเรื่อง?”
“พูดอีกก็ถูกอีก แกว่าธุรกิจของเหลียงจงล้มละลายแล้วจริงๆหรือเปล่า?”
“เป็นไปได้อย่างไรกัน? เหลียงจงเป็นใคร เศรษฐีอันดับสองของเขตซีหนานเลยนะ แล้วจะล้มละลายได้ยังไงกัน ต่อให้ฟางเหยียนเก่ง ก็ไม่มีทางแค่สายเดียวก็ทำให้ธุรกิจของเหลียงจงล้มละลายได้หรอก แกไร้เดียงสาเกินไปละ แค่นี่ก็ยังเชื่อด้วยเหรอ?”
“แต่สามีของประธานเย่ก็บ้าระห่ำดีนะ นึกไม่ถึงว่าจะทำร้ายร่างกายเหลียงจง แล้วยังกล้าพูดข่มขู่เขาอีกด้วย เมื่อกี้แกไม่เห็น เหลียงจงตกใจไปแล้ว ถ้าสามีในอนาคตของฉันเอาใจใส่และบ้าระห่ำขนาดนั้นก็ดีสิ”
“น้อยๆหน่อย ชะตาชีวิตอย่างแกไม่ต้องคิดมากขนาดนั้นหรอก รู้มั้ยว่าประธานเย่ของเราเป็นใคร? คุณหนูของตระกูลเย่ ผู้หญิงอย่างพวกเราทำได้เพียงมองความสุขของความคิด อีกอย่าง แกรับความลำบากที่ประธานเย่ของเราต้องเผชิญได้เปล่าละ?
หญิงสาวหลายคนพูดพลางอาลัยอาวรณ์
เมื่อกี้ตอนที่ฟางเหยียนจากไป พูดกับหน้าฟร้อนท์ไว้จริงๆ ว่ารอให้เหลียงจงกลับมาแล้วบอกว่าไม่ต้องหาตนแล้ว ให้เขากลับไปได้เลย! แต่ยังไงก็ไม่คาดคิดว่าจะศักดิ์สิทธิ์ขนาดนั้น ยังไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เหลียงจงก็กลับมาแล้ว
หลังจากที่ฟางเหยียนพาเย่ชิงหยู่ออกไปจากบริษัทแล้วนั้น ก็ได้ตรงไปยังภัตตาคารที่ทานข้าว สถานที่แห่งนี้เรียกว่าหอตระกูลหง ถือว่าเป็นร้านอาหารที่ธรรมดาของเมืองจินโจว ตอนนี้เป็นเวลารับประทานอาหาร ด้านในมีคนทานอาหารจำนวนไม่น้อย
ฟางเหยียนจับแขนเย่ชิงหยู่หาที่นั่งแล้วนั่งลง เพิ่งจะนั่งลง เย่ชิงหยู่จึงได้ถามด้วยความช็อก “ฟางเหยียน คุณรู้หรือเปล่าว่าเมื่อกี้ทำอะไรลงไป?คนที่คุณทำร้ายคือเหลียงจงของหนานหลิงนะ”
ฟางเหยียนเทน้ำชาให้เย่ชิงหยู่ เงยหน้ามองตาของเธอ กล่าวอย่างหนักแน่น “ผมบอกแล้ว ว่าใครก็รังแกคุณไม่ได้ ไม่ว่าใครก็รังแกไม่ได้ทั้งนั้น แค่เหลียงจง มันรังแกคุณก็ต้องได้รับการลงโทษ นี่เป็นสิ่งต้องได้รับ ทำผิดแล้วก็ต้องได้รับการลงโทษ นี่เป็นกฎเหล็กที่ถูกตั้งไว้ ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้”