“พลตรี และแล้วก็มาถึง!” ซ่งฉาวอู่มองไปยังฟางเหยียนอย่างเคร่งเครียด ตะเบ๊ะให้ การตะเบ๊ะนี้ทำให้ทั้งสองตะลึง ดูท่าทีของซ่งฉาวอู่ เลื่อมใสคนนั้นอย่างมากเลยนะ
ดูตำแหน่งของเขา ราวกับจะสูงกว่าซ่งฉาวอู่เสียอีก!
ตำแหน่งสูงกว่าซ่งฉาวอู่ ต้องเป็นยังไงกันนะ? ถึง…สวรรค์?!
ในความคิดของพวกเขา ตำแหน่งของซ่งฉาวอู่ก็สูงส่งมากพอแล้ว แต่การปรากฏตัวของคนนั้นได้ทำให้พวกเขาเปลี่ยนความคิดใหม่อีกครั้ง ตำแหน่งสูงกว่าซ่งฉาวอู่ พวกเขาไม่รู้เลยจริงๆ
“สถานการณ์เป็นยังไงบ้างแล้ว?” ฟางเหยียนถามอย่างนิ่งสงบ จ้องไปที่ด้านในโรงพยาบาลอย่างเป็นประกาย
ซ่งฉาวอู่ขมวดคิ้ว แล้วกล่าว “ควบคุมสถานการณ์ไว้เรียบร้อยแล้ว แต่มีแพทย์ถูกฆ่าไปแล้วสามคน”
ฟางเหยียนมองกองกำลังระดับภูมิภาคหนานหลิงที่ล้อมพื้นที่ไว้ มีหนึ่งแถวขวางผู้คนที่อยู่บริเวณด้านนอก แล้วอีกกลุ่มถือปืนจ่อเข้าไปในโรงพยาบาล ในโรงพยาบาลมีเพียงคนเดียว เจตนาของพวกเขาที่มีต่อโรงพยาบาลนั้นชัดเจน นั่นก็คือจัดการเทียนขุย เทียนขุยเป็นใคร? เป็นหนึ่งในเจ็ดสมาชิกผู้ใต้บังคับบัญชาของเขา ทั้งประเทศหวานอกจากเขาแล้ว มีใครที่สั่งการได้บ้าง? ต่อให้เป็นเจ้ามังกรก็ไม่สามารถกำหนดความเป็นความตายของเทียนขุยได้ ตอนนี้ถูกกองทัพของเมืองจ่อยิงอยู่ เรียกว่าอะไรนะ? นี่มันกำลังเหยียดหยามเทียนขุยอยู่ใช่มั้ย?
ปืนของพวกเขาไม่เล็งไปด้านนอก แต่กลับเล็งไปที่ผู้ทำคุณงามความดีให้กับประเทศหวา!
ไม่ว่าเทียนขุยจะเปลี่ยนเป็นอย่างไร เขาก็ไม่อนุญาตให้ใครยิงเทียนขุยได้ทั้งนั้น นี่คือกฎเหล็กของเขา กฎเหล็กของกองทัพ
ฟางเหยียนโมโห เขากำหมัดอย่างไม่รู้ตัว หลังจากที่สูดหายใจเข้าลึกๆแล้ว ได้หลับตาลง ในหัวของเขากำลังนึกถึงฉากการเจ็บหนักของเทียนขุย แล้วยังโทรหาตัวเองทั้งๆที่บาดเจ็บจนกระดูกแตกหักไปหมดแล้ว นั่นเป็นความตั้งใจขนาดไหน นั่นเป็นความจงรักภักดีระดับไหนถึงจะแสดงความตั้งใจนั้นออกมาได้
เมื่อก่อนตอนที่อยู่ในสนามรบ หมัดเหล็กของเทียนขุยรบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง จัดการปัญหาให้ตัวเองไปแล้วไม่น้อย ปากกระบอกปืนของทหารต่างชาติเลือดเย็นจ่อไปที่เขา เขายังไม่เครียดเลยแม้แต่น้อย และยิ่งไปกว่านั้นยังไม่เคยประจบประแจงใดๆ แต่ตอนนี้ เขาถูกคนของกองทัพระดับภูมิภาคใช้ปืนจ่ออยู่! นี่มันวีรบุรุษของกองทัพนะ หรือวีรบุรุษควรจะได้รับการตอบแทนแบบนี้งั้นเหรอ?
ผ่านไปสักพัก เขาค่อยๆลืมตาขึ้นมา ตะคอกใส่ซ่งฉาวอู่ว่า “ซ่งฉาวอู่!”
ตะโกนออกมาสามคำ ราวกับใช้พลังที่มีของตัวเองทั้งหมด พลังอันบ้าคลั่งกระจายไปทุกประตูของโรงพยาบาล แล้วยังมีกลิ่นอายของการทำลายล้างอีกด้วย คนที่สังเกตการณ์อยู่ห่างล้วนได้ยินเสียงเรียกสามคำนี้ทั้งหมด
เมื่อได้ยินฟางเหยียนเรียกชื่อตัวเอง ซ่งฉาวอู่รีบยืนตรง ตะเบ๊ะ แล้วกล่าว “ครับ!”
หน้าผากของเขามีเม็ดเหงื่อไหลลงมาไม่หยุด เสียงดังสนั่นหวั่นไหว เสียงตะโกนนี้เพื่ออะไรกัน? นี่เป็นผู้สูงส่ง หรือตัวเองทำอะไรผิดงั้นเหรอ?
ถ้าผิดอะไรผิดต่อหน้าเขา ตนต้องโทษประหารชีวิต! การตายของหม่าซวี่ซงเป็นตัวแทนที่ดีมากอย่างหนึ่ง คนแบบนี้ใครกล้าแตะต้อง? แล้วใครมีสิทธิ์ยั่วโมโหเขาอีกเล่า?!
ฟางเหยียนชี้ไปที่กองกำลังของซ่งฉาวอู่ แล้วกล่าว “คุณรู้มั้ยว่าคุณกำลังทำอะไรอยู่? คุณไม่รู้ว่าคนที่อยู่ข้างในนั้นเป็นใครงั้นเหรอ?”
“ผม ผมทราบครับ!” ซ่งฉาวอู่ตอบอย่างติดๆขัดๆ
ฟางเหยียนหลับตา แล้วส่ายหน้า “ไม่ คุณไม่รู้ ถ้าคุณรู้คุณจะไม่ทำแบบนั้น! คุณจะไม่มีทางเอาปืนจ่อไปที่เขา! ซ่งฉาวอู่ ผมจะบอกให้นะ คนที่อยู่ด้านในเป็นผู้ที่ได้รับความดีความชอบในการทำสงครามให้กับประเทศหวา ไล่กองทัพต่างชาติเป็นพันเป็นหมื่นได้สำเร็จ เขาแลกชีวิตเพื่อคุ้มกันความปลอดภัยให้กับประเทศหวาของเรา วันนี้คุณใช้ปืนจ่อเข้าไปด้านใน เป็นการเหยียดหยามวีรบุรุษคนหนึ่ง”
การถามติดๆกัน ถามจนซ่งฉาวอู่ขนหัวลุก เขารีบกล่าวอย่างติดอ่าง “ขอ ขอขอโทษครับ พลตรี ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น! ผมเพียงทำเพื่อปกป้องประชาชน ผมไม่เคยคิดที่จะฆ่ารองผู้นำเทียนขุยแต่อย่างใด ต่อให้คุณมอบความกล้าให้ผม ผมก็ไม่มีสิทธิ์พอที่จะฆ่าเขาได้ครับ ผมเพียงทำเพื่อปกป้องประชาชน!”
“ปกป้องประชาชน?!” สายตาของฟางเหยียนจ้องไปที่ซ่งฉาวอู่อย่างไม่ละสายตา แล้วตะคอก “ปกป้องประชาชนแล้วสามารถใช้ปืนจ่อวีรบุรุษของกองทัพได้งั้นเหรอ? คุณรู้มั้ยประชาชนที่คุณปกป้องทั้งหมดมาจากไหน? ถ้าไม่มีเขาปกปักรักษาและทุ่มเทที่ชายแดน แล้วคุณจะปกป้องเหี้ยไรละ!”
ซ่งฉาวอู่แก้ต่างอย่างไร้พลัง “แต่รองผู้นำเทียนขุยได้ฆ่าคนแล้ว ที่ผมทำแบบนี้ก็ห้ามใจไม่ไหวเหมือนกันครับ ถ้าเขาพุ่งออกมาฆ่าคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อีกละครับ ผมคงมองดูแต่ไม่ทำอะไรก็ไม่ได้?”
“คุณหมายความว่า ถ้าเขาออกมา คุณก็ยังใช้ปืนฆ่าเขาใช่มั้ย?” ฟางเหยียนหน้าตาบูดบึ้งขึ้น
ซ่งฉาวอู่สะอึกสะอื้น แล้วตอบ “ปกป้องประชาชน คือความรับผิดชอบของเรา!”
“ความรับผิดชอบ! ตอนนี้ผมฆ่าคุณ ก็เป็นความรับผิดชอบของผมเช่นกัน คุณรู้มั้ย?”
ฟางเหยียนกัดฟันพูดประโยคนี้ออกมา ยกมือขึ้นมาชี้ไปที่หัวของซ่งฉาวอู่ การกระทำนี้ ทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของซ่งฉาวอู่ทั้งหมดตะลึง พวกเขาไม่รู้อยู่แล้วว่าฟางเหยียนคือใคร เพราะหัวหน้าสูงสุดของพวกเขาคือซ่งฉาวอู่
การเป็นทหาร จะฟังแค่คำสั่งของนานตัวเองเท่านั้น เมื่อนายถูกข่มขู่ ก็ต้องปกป้องนายแน่นอน
“แคร็กๆๆ!” เสียงหลายเสียงดังขึ้น ปืนอันเลือดเย็นจำนวนมากมายได้จ่อไปที่ฟางเหยียน
ท่าทางฟางเหยียนเคร่งเครียดขึ้น จนเห็นผ่านใบหน้าอย่างชัดเจน ซ่งฮาวอู่เบิ่งตาโต ส่งเสียงให้เก็บปืนลงไปยังกองกำลังที่ใช้ปืนกำลังจ่อไปที่ฟางเหยียน “พวกแกจะทำอะไร? วางปืนลงให้หมด!”
เขารีบพูดกับฟางเหยียนว่า “ขอโทษครับ จอมพลโผ้จวิน ลูกน้องมีตาแต่หามีแววไม่ ขอพลตรีท่านได้โปรดให้อภัยด้วยครับ”
ฟางเหยียนพยักหน้าแล้วกล่าว “ดี พาทหารที่ไม่เลวมา น่าสนใจ แม้แต่ฉันยังกล้าจ่อยิง!”
ใจของซ่งฉาวอู่เย็นไปทั้งตัว ยิ่งฟางเหยียนพูดแบบนี้มากเท่าไหร่ นั่นหมายถึงเขายิ่งโมโหมากขึ้น เขาพูดอย่างเศร้าโศก “จอมพลโพ้จวิน ลูกน้องมีตาแต่หามีแววไม่ ขอท่านได้โปรดยกโทษให้ด้วย ผมทำเพื่อประชาชนจริงๆครับ”
“ทั้งหมด เก็บปืน!” ซ่งฉาวอู่ตะคอกใส่คนที่ถือปืนทั้งหมด ยกมือขึ้นมาปาดเหงื่อที่หน้าผาก
ผู้ใต้บังคับบัญชาเหล่านี้ไม่ใช่วัยรุ่นคนนี้ได้ แต่ต้องฟังคำสั่งของซ่งฉาวอู่ แม้จะไม่เต็มใจ แต่ก็ต่างพากันเก็บปืนที่อยู่ในมือไว้ แต่ละคนมองไปยังซ่งฉาวอู่อย่างเชื่อมั่นไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใด
“พลตรี ผมทำเพื่อประชาชนจริงๆครับ อีกอย่าง ถ้ารองผู้นำเทียนขุยออกมา ผมก็ไม่มีสิทธิ์ตัดสินใจทำอะไรหรอกครับ!นี่ผมก็แจ้งให้ท่านรับทราบแล้วไม่ใช่เหรอครับ?” ซ่งฉาวอู่อธิบายอย่างเบื่อหน่าย
ในขณะนี้ แพทย์สูงอายุท่านหนึ่งเดินมาทางนี้ แพทย์สูงอายุสวมใส่แว่น หัวล้าน แต่ดูดีมาก ดูก็รู้ว่าเป็นทหาร หลังจากที่เดินเข้ามาแล้ว เขามองซ่งฉาวอู่ แล้วมองไปที่ฟางเหยียน จากนั้นยื่นมือไปที่ด้านหน้าของฟางเหยียน แล้วกล่าว “ผมคือคณบดีโรงพยาบาลเขตหนานหลิง เฉินถิงเยว่!”
ฟางเหยียนขี้เกียจจะมองเขา เพียงแค่สูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วถาม “บอกผมมา ว่าหมอสามคนนั้นทำอะไรกับเขา?