คำพูดของบางคนที่นั่งโต๊ะเดียวกันกับฟางเหยียนเป็นแบบนี้!
“ที่ว่าคุณนายถังเป็นโรค มีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริง และมีแพทย์ที่มีชื่อเสียงจำนวนไม่น้อยก็เคยทำการรักษามาแล้ว ได้ยินมาว่าไม่รู้เสียด้วยซ้ำว่าเป็นโรคอะไร นึกไม่ถึงว่าวันนี้มีคนที่รู้ว่าเป็นโรคอะไร ได้เจอกับหมอที่เก่งจริงๆแล้วใช่มั้ย?“
“ใครจะรู้ล่ะ ยุคนี้ คงไม่ได้เจอเข้ากับพวกต้มตุ๋นหรอกนะ?จะมีเทพหมออะไรที่ไหนกันเล่า! แล้วยังเก่งกาจพอๆกับจู่เห้ออีกด้วย”
“ผมว่าก็ไม่แน่นะ แม้แต่ท่านถังยังเรียกว่าเทพหมอเลย แล้วยังเก่งกาจพอๆกับท่านจู่เห้ออีก ต้องมีความสามารถบ้างแหละ”
“ถ้ามีความสามารถจริง ผมก็หวังว่าท่านถังจะแนะนำให้ผมรู้จักด้วย ผมมักจะรู้สึกว่าเจ็บเอวเจ็บหลังอยู่ตลอดเวลา หวังว่าเขาจะจับชีพจรให้ผม แล้วดูว่าเป็นเพราะอะไร”
“ผมเองก็มีปัญหาเหมือนกัน มักจะเจ็บที่หัวใจ ตอนเจ็บเจ็บจนผมเกือบตาย ถ้าได้เจอกับเทพหมอแบบนี้ ผมก็ไม่อยากพลาดโอกาสมีค่าแบบนี้อยู่แล้ว ต้องทำความรู้จักกันสักหน่อย”
ในขณะที่ทุกคนกำลังวิจารณ์อยู่นั้น และกำลังเฝ้าคอยอยู่นั้น จู่ๆบนเวทีก็มีเสียงของผู้หญิงดังขึ้น “ฟางเหยียน!”
มองไปตามเสียง ก็ได้เห็นใบหน้าเคร่งเครียดของถังยู่
ถังยู่ที่อยู่บนเวทีเพ่งมองไปยังตำแหน่งที่ฟางเหยียนอยู่ คนนั้นช่างพิสดารจริงๆ อ่านชื่อเขาก็แล้ว นึกไม่ถึงว่ายังจะนั่งใจเย็นอยู่ได้ ความจริงแล้วเขาหาตัวได้ง่าย แต่งตัวแบบนั้น มองไปที่ผู้คนก็เจอแล้ว เพราะเขามีลักษณะเฉพาะไม่เหมือนใคร มีเพียงเขาที่แต่งกายแบบนั้นมาร่วมงานวันเกิดของคุณปู่ของตน
เธอก็ไม่รู้เช่นกันว่าทำไมต้องเรียกเขา โดยรวมแล้วคือเห็นฟางเหยียนไม่ยืนขึ้น เธอจึงอดไม่ได้ที่จะเรียกออกมา
เมื่อฟางเหยียนได้ยินเสียงเรียกของถังเสี่ยนจง จึงได้ชะงักไป เพราะไม่ทันได้ตั้งตัว แต่หลังจากที่ได้ยินเสียงเรียกของถังยู่แล้วนั้น เขาก็ได้สติกลับมา!
ฟางเหยียนค่อยๆยืนขึ้น พยักหน้าให้ถังเสี่ยนจง จากนั้นก็นั่งลง นี่ถือว่าให้เกียรติตนได้แสดงตัว!ความจริงแล้วเขาเองไม่ชอบงานลักษณะนี้มาก แต่จะให้ถังเสี่ยนจงขายหน้าก็ไม่ได้ ถังเสี่ยนจงกับตนไม่ได้เป็นศัตรูอะไรกัน ก็แค่โฆษณาเรื่องของตนด้วยความหวังดีก็เท่านั้น เขามองว่า ฟางเหยียนก็คือเทพหมอ เลยอยากขยายเส้นสายของเขาในวงการนี้ให้กว้างขวางขึ้น การดึงดูดของเขามีมากมายขนาดนั้น จากการแนะนำลักษณะนั้น นำพาการค้ามาให้เขาจำนวนไม่น้อยโดยปริยาย
แต่เขาไม่รู้ ว่านี่เป็นการเพิ่มงานที่ไร้สาระให้กับฟางเหยียน ฟางเหยียนไม่ชอบพบปะผู้คนในฐานะแพทย์ ถ้าไม่เจอกับคนไข้ที่ต้องรักษาให้ได้ เขาไม่มีทางออกหน้ารักษาด้วยตัวเองแน่นอน
ครั้งที่แล้วหลินถงโรคกำเริบ ถ้าตนไม่ลงมือรักษา ไม่แน่หมอที่ไม่เก่งคนนั้นอาจจะสร้างปัญหาอะไรขึ้นก็เป็นได้ ตอนนี้ เขาเสียใจมากที่ได้รักษาหลินถงหาย!
เมื่อยืนขึ้น ทุกคนก็รู้แล้วว่าเทพหมอที่ถังเสี่ยนจงพูดถึงนั้นคือเขา
คนจำนวนไม่น้อยเห็นการแต่งกายของเขาแล้ว แต่ไม่ได้ดูถูกเขาอีกต่อไป การพูดการจาก็เปลี่ยนไป ล้วนพูดเป็นผู้สูงส่งจริงๆไปแล้ว ไม่ทำชั่วเหมือนกับมนุษย์ทั่วไป อยู่แดนที่สูงขึ้นไปอีกแดน เทพหมอ ไม่ได้มีเพียงแค่ความสามารถในการรักษาทางการแพทย์เท่านั้น ยังมีแดนเป็นของตัวเองอีกด้วย แน่นอนว่ายังมียืนกรานดันทุรังบางส่วนคิดว่าฟางเหยียนคือพวกต้มตุ๋นแห่งยุทธภพ
หนึ่งในนั้น ที่น่าประหลาดใจที่สุดคือกลุ่มผู้เฒ่าที่นั่งโต๊ะเดียวกัน ดวงตาของพวกเขาแต่ล่ะคนใกล้จะถลุนออกมาแล้ว
ยังไงก็ไม่คาดคิด ว่าคนนี้จะเป็นแขกวีไอพีที่ถังเสี่ยนจงเชิญมาจริงๆ
เมื่อกี๊พวกเขาพูดกระแนะกระแหนฟางเหยียน และเตรียมจะไล่ฟางเหยียนให้ไปนั่งโต๊ะอื่น ไม่คาดคิดว่าพวกเขาจะเจอกับเทพหมอ มิน่าล่ะที่เขาแสดงท่าทางไม่เหมือนมนุษย์ทั่วไปตลอดเวลา ที่แท้คนนี้ก็มีแดนจริงๆนี่เอง ท่าทีนั้นของฟางเหยียน ทำให้พวกเขาต้องก้มหน้าลงไปอย่างละอายทุกคน แอบสบสายตากัน ไม่รู้ควรจะทำอย่างไรดี
สองคนนั้นที่พูดว่าเจ็บเอง เจ็บหัวใจยิ่งไม่กล้าสบตาฟางเหยียนเข้าไปใหญ่ ใช้ข้ออ้างในการไปเข้าห้องน้ำแล้วเดินจากไป
ฟางเหยียนยังคงนิ่งสงบอย่างเคย เขาไม่คิดที่จะไปหาเรื่องคนพวกนั้น
ผู้เฒ่าสวมชุดคอจีนที่เพิ่งพูดไปนั้นก็กล่าวอย่างอับอายว่า “เทพหมอฟาง เมื่อกี๊ผมดูอะไรไม่ลึกซึ้ง ขอเทพหมอฟางให้อภัยผมด้วยครับ!ถ้าท่านถังรู้เรื่องนี้เข้า ผมไม่รู้จริงๆว่าต่อไปจะเผชิญหน้ากับท่านถังได้อย่างไร”
อายุปูนนี้ ทำเรื่องไร้สาระได้ขนาดนี้ มันช่างน่าอับอายจริงๆ ถังเสี่ยนจงเป็นผู้นำตระกูลของตระกูลอันดับหนึ่งแห่งหนานหลิง แทบจะผูกขาดการค้าเกือบทั้งหมด แม้ผู้เฒ่าเหล่านั้นจะบอกว่าตัวเองมีอำนาจบารมี แต่ก็ยังต้องพึ่งบารมีของถังเสี่ยนจงอยู่ดี ถ้าทำผิดกับถังเสี่ยนจงเพราะเรื่องนี้ ก็ถือว่าไม่คุ้มค่าสุดๆ
ฟางเหยียนมองไปที่ผู้เฒ่า แล้วกล่าว “ไม่เป็นไร!”
สามคำ พูดอย่างสบายๆ ไม่มองพวกเขา ท่าทีแบบนั้น ทำให้พวกเขารู้สึกอัปยศจริงๆ
ฟางเหยียนไม่ได้สังเกตผู้เฒ่าพวกนี้ขนาดนั้น แต่มองไปยังถังเสี่ยนจงที่อยู่บนเวที
ถังเสี่ยนจงถือไมค์ เตรียมที่จะพูดอะไรบางอย่าง จู่ๆก็มีผู้เฒ่าคนหนึ่งวิ่งเข้ามา นั่นคือพ่อบ้านของตระกูลถัง เห็นเขาวิ่งเข้ามาอย่างโซซัดโซเซ ถังเสี่ยนจงเกิดการสงสัยขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ปกติเหล่าเห้อทำอะไรมีขอบเขต เขาไม่มีทางทำเรื่องกะทันหันขนาดนั้น เขาจึงเงียบเพื่อรอเหล่าเห้อพูด
“คุณท่าน ข้างนอกมีกองทัพมา!บอกว่ามาเพื่ออวยพรวันเกิดให้คุณท่าน” เหล่าเห้อกล่าวอย่างตัวสั่น
กองทัพ?ถังเสี่ยนจงชะงัก เขาไม่เคยรู้จักกับคนในกองทัพ แล้วจะมีคนของกองทัพมาอวยพรถึงที่ได้อย่างไรกัน?อีกอย่าง มีการอวยพรที่ไหนที่พาคนของกองทัพมา?
“มีกี่คน?” ถังเสี่ยนจงถามอย่างนิ่งสงบ
เหล่าเห้อตอบ “ประมาณกว่าร้อยคนได้ครับ! คือเยอะอะครับ แล้วยังมีคนต่างชาติบางส่วนอีกด้วย!”
“อะไรนะ?” ถังเสี่ยนจงยิ่งงงเข้าไปใหญ่ ยังมีคนต่างชาติด้วย!กองทัพของประเทศหวาจะมีคนต่างชาติเข้าร่วมด้วยไม่ได้ นี่มันกองทัพอะไรกัน?ในขณะที่ถังเสี่ยนจงกำลังมึนงงไม่เข้าใจอยู่นั้น ทันใดนั้นชายร่างกำยำคนหนึ่งเดินอย่างเสียงดังเข้ามาในห้องโถง เขาสวมชุดกองทัพสีเขียนทั้งตัว สูงประมาณหนึ่งเมตรเก้าสิบเซนติเมตร สวมรองเท้าคอมแบท คิ้วหนาตาคม บนใบหน้ามีแผลบากที่ลึกและชัดเจนสองจุด ร่างกายกำยำ กล้ามเนื้อเป็นมัด ดูๆแล้วเหมือนวัวอย่างไรอย่างนั้น เขายืนอยู่ในห้องโถง ไม่ขยับ มองไปรอบๆภายในห้องโถง แล้วยืนอยู่ในห้องอย่างนั้น ทันใดนั้นก็ทำให้บรรยากาศภายในห้องเยือกเย็นลง เขามาพร้อมกับกลิ่นอายแห่งความตาย มองเขาแว็บเดียวก็รู้ว่าคนนี้เคยฆ่าคนมาก่อน!
ถ้าคนทั่วไปสบตากับเขา อาจจะรู้สึกหวาดกลัว!
เขาได้เดินไปข้างหน้าอีกหลายก้าว แล้วเดินไปที่ถังเสี่ยนจงโดยตรง
ถังเสี่ยนจงชะงักอย่างเห็นได้ชัด แล้วถาม “คุณเป็นใคร?”
ผู้ชายไม่พูดอะไร เหล่าเห้อกลับตาลุกโต แล้วกล่าวอย่างติดอ่างว่า “คือ คือ คือพวกเขานั่นแหละครับ”
ถังเสี่ยนจงไม่รู้จักคนนี้ และเขาก็ไม่เคยพูดคุยกับคนนี้มาก่อนแต่อย่างใด
ดูจากท่าทีของเขาแล้ว ต้องมาไม่ดีแน่นอน!