เห็นฟางเหยียนไม่พูดไม่จา หัวหน้าแผนกเจียงจึงสบตากับคุณถัง คิดว่าเขากำลังไตร่ตรองอยู่หรือเปล่า ดังนั้นหัวหน้าแผนกเจียงจึงยิ่งกล่าวอย่างตื่นเต้นเข้าไปใหญ่ว่า “เทพหมอฟาง ประเทศหวาขาดแคลนอัจฉริยะอย่างคุณ เพียงแค่คุณโทรมา ผมรับรองว่าทำได้ อายุปูนนี้แล้ว ผมอยากเห็นแพทย์แผนจีนของประเทศหวาว่าเก่งกาจขนาดไหน ผมอยากบอกให้โลกรู้ ว่าแพทย์แผนจีนของประเทศหวาเก่งกาจมากจริงๆ”
ฟางเหยียนมองไปที่ทั้งคู่ มองไปยังหัวหน้าแผนกเจียงที่ตื่นเต้นจนน้ำตาจะไหลออกมา แล้วกล่าว “ขอโทษครับ หัวหน้าแผนกเจียง คุณถัง!ที่ว่าจะให้แพทย์แผนจีนของประเทศหวารุ่งเรืองนั้น ยังไกลเกินกว่าที่ผมจะทำได้ ในโลกนี้มีหมอฝีมือเก่งๆมากมาย ทั้งหมดล้วนแฝงตัวอยู่ในโลก ทำสิ่งเล็กๆ ช่วยเฉพาะคนที่เรียบง่ายที่สุดเท่านั้น พวกเขาไม่หวังชื่อเสียงผลกำไร ทำเพื่อช่วยคนเพียงเท่านั้น ช่วยคนโดยไม่แบ่งแยกประเทศ ผู้ที่เรียนแพทย์น่าจะเข้าใจจุดนี้ดีที่สุด ทำไมแพทย์แผนจีนและแพทย์แผนตะวันตกยังคงดำรงอยู่?เหตุผลที่มันยังคงดำรงอยู่ก็เพื่อรักษามนุษย์ ดังนั้นเราไม่จำเป็นต้องไปโต้แย้งกันว่าอะไรดี อะไรไม่ได้ อีกอย่างการสะเทือนโลก และความรุ่งเรืองอันล้ำเลิศทางการแพทย์ของประเทศหวาที่หัวหน้าแผนกเจียงพูดไว้ทั้งหมดนั้น เป็นเรื่องที่ดีแน่นอน แต่เรื่องนี้หนทางยังอีกยาวไกล ผู้น้อยอย่างผมอาจจะทำไม่ได้”
คำพูดของฟางเหยียนพูดจนผู้เฒ่าทั้งสองหน้าร้อนผ่าวๆ พวกเขาได้สบตากันอีกครั้ง จากนั้นก็หลบสายตาอย่างอับอาย ใช่ การช่วยคนทำไมต้องแบ่งแยกประเทศด้วยล่ะ ทั้งหมดล้วนทำเพื่อช่วยมนุษย์ ไม่มีประโยชน์ที่จะมาแยกแพทย์แผนจีนแพทย์แผนตะวันตกใดๆทั้งนั้น
แต่รู้เรื่องแบบนี้ตั้งแต่ยังวัยรุ่น นี่เป็นการปฏิบัติตนอย่างหนึ่ง เป็นการปฏิบัติที่ผู้เฒ่าที่อายุหลายสิบปีสองคนก็ทำไม่ได้ หัวหน้าแผนกเจียงหยิบแก้วเหล้าขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยความขายหน้า แล้วกล่าวอย่างเสียงสั่นว่า “เทพหมอฟางไม่เพียงมีทักษะทางด้านการแพทย์เป็นเลิศ ปฏิบัติตัวได้อย่างน่านับถืออีกด้วย วัยรุ่นก็มีความคิดที่ไม่เห็นแก่ผลประโยชน์แล้ว สมแล้วที่เป็นเทพหมอ ผมมีอายุมีหลายสิบปี ยังคงอยู่ในโลกแห่งการแก่งแย่งชิงดี วันนี้ได้ยินคำพูดของเทพหมอฟาง รู้สึกละอายใจอย่างยิ่ง ผมอยู่มาแปดสิบปีถือว่าเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ เฮ้อ เทพหมอฟางพูดไว้ไม่มีผิด คนเก่งของประเทศหวาต่างอยู่ในท้องที่ คนที่อยู่ในโรงพยาบาลก็เป็นแค่ตัวตลกก็เท่านั้น!”
เมื่อพูดจบเขาได้ดื่มลงไปอย่างเร็วอีกกรึบ ความจริงในใจของเขารู้สึกเสียดายมาก เทพหมออย่างฟางเหยียน อายุน้อยแบบนี้ เพียงแค่เขาเข้าสู่วงการแพทย์ ไม่ช้าไม่เร็วก็จะสะเทือนไปทั้งวงการ ทำให้เกิดความผันผวนขึ้นในวงการ เพียงแต่ไม่คาดคิดว่าเขาจะไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ขนาดนี้ และก็ไม่แปลกใจเลย ที่แพทย์เก่งของประเทศหวาล้วนเป็นแบบนี้ ปกปิดตัวตนที่แท้จริงไว้นานแล้ว
ต้นไม้ใหญ่ต้านลม บางทีคนที่มีแดน จะไม่มีทางปรากฏกายออกมาเองล่ะมั้ง!
ฟางเหยียนอายุน้อยขนาดนั้น ก็มีแนวทางปฏิบัติตนแบบนี้แล้ว ชั่งน่าเลื่อมใสจริงๆ ดูๆแล้วตอนนี้หัวหน้าแผนกเจียงก็เข้าใจแพทย์แผนจีนที่เก่งกาจว่าทำไมถึงได้เก่งกาจแล้ว ผลประโยชน์เป็นเรื่องรองลงมา สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการบำเพ็ญบารมี ถ้าพวกเขาเห็นแก่ผลประโยชน์ ก็จะไม่มีทักษะการแพทย์แบบนี้แล้ว ดังนั้นที่เรียกว่าผู้เก่งกาจว่าผู้เก่งกาจ มันมีเหตุผลในตัวของมัน
ถังเสี่ยนจงก็มองฟางเหยียนอย่างอับอายแล้วกล่าว “ที่แท้หมอเทพฟางก็ไม่ธรรมดา ได้รู้จักกับน้องชายอย่างแบบนี้ เป็นโชคดีของผมจริงๆ!ผมขอดื่มให้คุณครับ”
คำพูดนี้จริงถ่องแท้ ได้รู้จักกับฟางเหยียน เป็นความโชคดีของผู้เฒ่าทั้งสองจริงๆ ได้ทำความรู้จักกับเทพสงครามผู้เรืองรอง หรือไม่ใช่ความดีที่เขาสะสมมาตั้งแต่ชาติที่แล้วหรอกเหรอ ต้องรู้ไว้ ว่าคนธรรมดาไม่มีสิทธิ์ได้ทำความรู้จักกับฟางเหยียน
ความจริงแล้วฟางเหยียนไม่ได้ไม่เห็นแก่ชื่อเสียงแล้วผลประโยชน์ เพียงแต่ชื่อเสียงและผลประโยชน์ของเขามันมีมากเกินไปแล้ว ประเทศหวาเขาถูกขนาดนามว่าโจมพลโผ้จวิน เทียบเคียงได้กับกษัตริย์และขุนนาง กุมอำนาจใต้หล้า อยากได้อะไรก็ได้อย่างนั้น พูดได้แค่ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของฟางเหยียน ดังนั้นเขาจึงไม่สนใจเรื่องสะเทือนโลก สะเทือนวงการแพทย์ที่หัวหน้าแผนกเจียงกล่าวไว้แม้แต่น้อย ถ้าอยากจะขัดคอผู้เฒ่าทั้งสองจะพูดมั่วๆไม่ได้ ต้องพูดประโยคนั้นถึงจะทำให้ทั้งสองคนยอมรับได้
หลินถงมองไปยังทั้งสองที่ถูกพูดจนเลื่อมใส แล้วมองไปที่ฟางเหยียนที่พูดให้ทั้งสองเลื่อมใส แล้วกล่าว “ที่แท้เทพหมอฟางก็เก่งกาจจริงๆ หญิงน้อยฟังจนมึนงงไปหมดแล้วค่ะ แต่ฉันคิดว่าการกระทำของคุณเป็นสิ่งที่พวกเราควรจะเรียนรู้ ฉันขอดื่มให้คุณค่ะ”
เธอพูดจบ ได้ยกแก้วแต่ยังไม่ดื่ม ฟางเหยียนจึงพูดว่า “นี่เป็นแค่การใช้ชีวิตของแต่ล่ะคนที่ไม่เหมือนกันเท่านั้น!”
เมื่อพูดจบเขาก็ยกแก้วขึ้น ทั้งสี่ดื่มพร้อมกันอีกครั้ง
เมื่อดื่มเสร็จ ก็วางแก้วลงไป หลินถงถาม “อ้อ พวกคุณได้ยินเรื่องการแต่งงานของตระกูลฟางแห่งเมืองเจียงตูและตระกูลตงฟางหรือยัง?”
หัวหน้าแผนกเจียงไม่สนใจเรื่องทางโลก เมื่อได้ยินก็ไม่รู้สึกแปลกใจอะไร เขาสนใจเพียงฟางเหยียนเท่านั้น แววตาของเขาเลื่อมใสต่อฟางเหยียนอย่างเต็มเปี่ยม ตัวเองอายุแปดสิบปีแล้ว ถือว่าเป็นบุคคลที่คุณธรรมและบารมีสูงส่ง แต่การปฏิบัติตัวน่าละอาย กว่าวัยรุ่นคนนี้จริงๆ
ถังเสี่ยนจงหลับตาลงแล้วกล่าว “ตระกูลฟางแห่งเจียงตูแต่งงานกับตระกูลตงฟาง ไม่ค่อยเกี่ยวข้องอะไรกับพวกเรามากนัก!เดิมทีพวกเขาก็ยิ่งใหญ่อยู่แล้ว ยิ่งใหญ่กับยิ่งใหญ่ร่วมมือกัน ก็มีแต่จะยิ่งยิ่งใหญ่ขึ้นไปอีก ตระกูลฟางก็แค่จะก้าวไประดับโลกก็เท่านั้น”
“อืม!” หลินถงค่อยๆพยักหน้า จากนั้นก็มองไปที่ฟางเหยียน
ตั้งแต่ต้นจนจบ ฟางเหยียนก็ยังคงนิ่งสงบ มองไม่เห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย เหมือนเขาจะไม่ค่อยสนใจหัวข้อการสนทนานี้สักเท่าไหร่ ก็เป็นแบบนี้จริงๆ เขาไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆต่อหัวข้อการสนทนานี้
ช่วยไม่ได้ หัวข้อนี้จึงต้องยุติการพูดคุยลง!
ขณะนี้ หญิงสาวที่แต่งกายอย่างอ่อนเยาว์สมวัยคนหนึ่งได้เดินเข้ามาที่พวกเขา หญิงสาวสวมชุดเอี๊ยม พูดผมหางม้า ใส่เสื้อทีเชิ้ตสีขาว ดูๆแล้วสุภาพเรียบร้อย และสดใสร่าเริง
เมื่อมาถึงต่อหน้าทุกๆคน เธอก็ทักทาย จากนั้นมองไปที่ฟางเหยียน ด้วยสายตาเขินอาย จากนั้นโค้งคำนับแล้วกล่าว “เรื่องเมื่อวาน ขอบคุณมากนะคะ ฟางเหยียน“
ฟางเหยียนมองไปที่ถังยู่ หัวเราะ แล้วกล่าว “ชุด น่ารักมากเลยนะ!”
เธอเลือกชุดนี้อยู่นานแสนนานถึงจะตัดสินใจสวมใส่ออกมา เธอลองใส่กระโปรง กระโปรงสั้นกระโปรงยาว และได้ลองใส่ชุดกี่เพ้า ชุดทำงาน สุดท้ายพบว่า ชุดนี้ค่อนข้างเหมาะกับวัยของเธอ!อย่างน้อยความสดใสที่ออกมาจากตัวเธอหลินถงไม่มีทางเทียบได้ นี่เป็นเพียงสิ่งเดียวที่หลินถงไม่สามารถเทียบกับตัวเองได้
ถังยู่หน้าแดงขึ้นมา เธอมองตัวเองตั้งแต่หัวจรดเท้า แล้วกล่าว “ขอบคุณค่ะ!”
ถังเสี่ยนจงยิ้ม แล้วกล่าว “รีบนั่งเถอะนะ!”
นั่งลงได้สักพัก ถังยู่เพิ่งจะสังเกตเห็นการแต่งกายของหลินถง หลังจากที่มองอย่างละเอียดแล้ว ก็ได้ถามไปว่า “พี่สะใภ้ การแต่งกายวันนี้ไม่ค่อยเหมาะสมกับพี่สักเท่าไหร่นะ?”
ความจริงเธอตั้งใจจะกระแนะกระแหนหลินถง หลินถงเพียงแค่มองเธอ แต่ไม่ได้ตอบใดๆ
ถังยู่มองไปที่ฟางเหยียนอีกครั้ง แล้วถาม “ฟางเหยียน คุณไม่เห็นเหรอว่าหลินถงแต่งกายเหมือนคุณเลยหนะ?”
ทุกคนที่นี่ล้วนเรียกฟางเหยียนเทพหมอฟางว่าคุณฟาง มีเพียงถังยู่ที่ตรงๆแล้วเรียกชื่อของฟางเหยียน แต่ฟางเหยียนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร
ฟางเหยียนแสยะยิ้มไม่พูดอะไร ถังยู่ได้ถามอีกว่า “ฟางเหยียน คุณคิดว่าฉันกับหลินถงใครแต่งตัวสวยกว่ากัน?