หลังจากที่ผู้เฒ่าหลายคนเดินเข้ามาแล้ว ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนที่อยู่ในห้องทำงาน
ฟางเหยียนก็มองๆไป มองการแต่งกายอีกทั้งลักษณะของพวกเขา ล้วนเป็นระดับหัวหน้าทั้งนั้น ถ้าตนเดาไม่ผิดล่ะก็ พวกเขาน่าจะเป็นกรรมการของมหาลัยทุกคน
ผู้คนที่เดิมทีหน้าตาเคร่งขรึมหลังจากที่เดินเข้ามาแล้ว ก็เปลี่ยนท่าทีเป็นมิตรทันที
คนอ้วนหัวล้านที่ใส่แว่นคนนั้นที่อยู่กลางสุด ที่เป็นหนึ่งในกรรมการได้ทักทายศาสตราจารย์โจว จากนั้นก็มองฟางเหยียนแล้วถาม “ศาสตราจารย์โจว นี่คือคุณฟางที่คุณกล่าวถึงหรือเปล่า?”
ศาสตราจารย์โจวมองอธิการบดี แล้วมองไปยังผู้คนที่เดินตามอธิการบดี ศาสตราจารย์หวังไม่อยู่ แต่คนพวกนั้นเป็นคนกลุ่มเดียวกับศาสตราจารย์หวงทั้งหมด แต่ละคนดูๆแล้วท่าทางมีเมตตาและอัธยาศัยดี ต้องเป็นเรื่องอะไรที่ไม่ดีอย่างแน่นอน
“ครับ!อธิการบดีมีธุระอะไรมั้ยครับ?” ศาสตราจารย์โจวถามอย่างไม่ไว้หน้า
อธิการบดีหัวเราะ “ศาสตราจารย์โจว ฟังคุณพูดเข้าสิ ผมได้ยินเรื่องที่คุณฟางบรรยายคลาสเมื่อกี๊แล้ว ดึงดูดเสียงชื่นชมของนักศึกษาที่ไปฟังบรรยาย แล้วก็ยังมีอาจารย์บางส่วนก็มาเล่าเรื่องนี้ให้ผมฟังแล้ว สำหรับคนเก่งแบบนี้ไม่ใช่แค่คุณเท่านั้นที่อยากรั้งไว้ ผมในฐานะที่เป็นอธิการบดี ก็มาด้วยความจริงใจ”
เมื่อพูดจบ เขามองฟางเหยียน ถามอย่างหัวเราะ “คุณฟาง เพียงแค่คุณมาบรรยายของมหาลัยของเรา เราก็สามารถทำตามข้อเรียกร้องของคุณได้ทั้งหมด ผมคืออธิการบดีของมหาวิทยาลัยซีหนาน ขอเชิญคุณด้วยความสัตย์จริง กรุณาอยู่ต่อด้วยเถอะครับ!”
เมื่อพูดจบ อธิการบดีโค้งคำนับเก้าสิบองศาให้ฟางเหยียน
การกระทำนี้ทำให้คนในห้องทำงานประหลาดใจ นึกไม่ถึงว่าอธิการบดีจะมาเชิญด้วยตัวเอง แล้วยังทำกิริยาแบบนี้อีกด้วย ทุกคนอดไม่ได้ที่จะพูดคุยกันขึ้นมา เลื่อมใสและเพิ่มคะแนนให้อีฟางเหยียนขึ้นไปอีก
ฟางเหยียนมองอธิการบดี ผู้เฒ่าคนนี้เหงื่อไหลออกมาแล้ว ดูท่าทางแล้วเขาอุดมการณ์กว้างไกล แต่ในความเป็นจริงไม่รู้เลยว่าคิดอะไรอยู่
“ได้แล้วครับ อธิการบดี!นี่ผมก็กำลังคุยกับฟางเหยียนอยู่ไม่ใช่เหรอ” ศาสตราจารย์โจวเร่งอย่างรำคาญ ก็คือไม่ให้อธิการบดีทำอะไรไม่ดีตรงนี้อีก
อธิการบดีหัวเราะ “นี่ผมก็ไม่ใช่ว่ากำลังแสดงความจริงใจของพวกเราอยู่เหรอ คุณฟาง พวกเราจริงใจ เมื่อก่อนคำพูดของศาสตราจารย์โจว เป็นแค่คำพูดของเขาเอง แต่ตอนนี้ การกระทำของคุณทำให้ทางมหาลัยเลื่อมใส ถ้าคุณสามารถมาเป็นอาจารย์ของมหาลัยเราได้ เราจะให้สวัสดิการที่ดีที่สุด และความช่วยเหลือระดับสูงที่สุดสำหรับคุณ”
“ใช่ มหาลัยของเราให้ความสำคัญกับคนเก่ง เมื่ออธิการบดีได้ยินเรื่องการเรียน ก็รีบมาในทันใด” อาจารย์เก่าแก่คนหนึ่งที่อยู่ข้างๆอธิการบดีรีบพูดประจบประแจงทันที
ในขณะเดียวกันนี้ มือถือของอธิการบดีดังขึ้น ใบหน้าอิ่มเอิบนั้นของเขาชะงักไป จากนั้นก็หยิบมือถือขึ้นมา หลังจากที่มองมือถือแล้ว ก็ได้กล่าวว่า “ขอโทษนะครับ คุณฟาง ระดับสูงโทรมา ผมรับสายก่อนนะครับ”
พูดพลาง อธิการบดีก็เดินออกไป
ศาสตราจารย์โจวมองฟางเหยียน แล้วกล่าว “ไม่ต้องสนใจพวกเขา ศาสตราจารย์ฟาง ผมก็ย้ำคำเดิม ทำให้ดีที่สุด ผมหวังว่าคุณจะอยู่ที่นี่ แต่นี่ก็ต้องดูความต้องการของคุณแล้วล่ะ”
ฟางเหยียนมองศาสตราจารย์โจว เขาไม่รู้ว่าจะสรรหาคำพูดอะไรมาปฏิเสธผู้เฒ่าที่มีน้ำใจแบบนี้แล้วล่ะ หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก ฟางเหยียนเงยหน้ากล่าวอย่างจริงจังว่า “ศาสตราจารย์โจว ผมไม่มีเวลาจริงๆ”
“ศาสตราจารย์ฟาง!” อาจารย์สาวที่ยกน้ำมาให้กล่าว “ความจริงฉันคิดว่าคุณตอบรับศาสตราจารย์โจวก็ได้นะ ค่าตอบแทนที่เขาให้กับคุณถือว่าดีที่สุดแล้วค่ะ ถึงแม้คุณจะมีความสามารถไปที่ที่ดีกว่าได้ แต่มหาวิทยาลัยซีหนานเป็นบ้านเกิดของคุณ คุณพึ่งพาอาศัยอยู่ที่นี่ เป็นที่ๆคุณมีชีวิตอันสวยงามในวัยเด็ก ถ้าอยู่ที่นี่ ก็ยังใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบได้ ด้วยความสามารถของคุณในตอนนี้ บวกกับความสัมพันธ์ของศาสตราจารย์โจว ถึงตอนนั้นชื่อเสียงและผลประโยชน์จะต้องไหลมาเทมาอย่างแน่นอน”
ฟางเหยียนมองสาวสวย แล้วกล่าว “ขอบคุณครับ เรื่องนี้หยุดไว้แค่นี้แล้วกันครับ!ศาสตราจารย์โจว…”
สายตาของฟางเหยียนจ้องไปที่ศาสตราจารย์โจวอย่างไม่ละสายตา ศาสตราจารย์โจวถอนหายใจ แล้วกล่าวด้วยความเสียดายอย่างทำอะไรไม่ได้ “เสียดายคนเก่งจริงๆ ก็ไม่แปลก ต่างคนต่างความคิด!วัยรุ่นอย่างคุณไม่ว่าไปที่ไหนก็เจิดจรัสได้ทั้งนั้น”
“คุณตามผมมา!” ศาสตราจารย์โจวยืนขึ้นจากเก้าอี้ เดินออกไปโดยตรง
ฟางเหยียนก็ยืนขึ้น เดินตามศาสตราจารย์โจวไป
ขณะนี้ชายคนหนึ่งเดินมาอยู่ข้างๆสาวสวย ส่ายหน้าแล้วกล่าว “เป็นวัยรุ่นที่ไม่ไหวเลยจริงๆ ขนาดให้สวัสดิการที่คนหมู่มากทั้งชีวิตก็ยังไม่ได้ก็แล้ว นึกไม่ถึงว่ายังจะปฏิเสธอีก”
สาวสวยกล่าว “ก็ใช่ไง ฉันกำลังคิดว่าคนนี้มันบ้าหรือเปล่า!ให้สวัสดิการดีขนาดนี้ยังไม่เอาอีก”
“คุณจะไปเข้าใจอะไร สตรีภาพคนหนึ่ง แต่นี่ของเค้าเรียกว่ามองทะลุปรุโปร่ง วัยรุ่นที่เก่งกาจแบบนี้มักจะเป็นแบบนี้แหละ พวกเขาไม่สนใจพวกชื่อเสียงผลประโยชน์อะไรพวกนั้นหรอก แต่ผมเป็นแค่คนธรรมดา ทำไมศาสตราจารย์โจวไม่ให้โอกาสนี้กับผมบ้างนะ!”
หญิงสาวมองบน ทั้งสองไม่พูดอะไรต่ออีก
เมื่อมาถึงห้องทำงานผู้เชี่ยวชาญนั้นที่เจอศาสตราจารย์โจวครั้งที่แล้ว ศาสตราจารย์โจวปิดประตู จากนั้นก็พาฟางเหยียนมาห้องแยกเล็กๆห้องหนึ่ง นี่เป็นห้องทำงานที่เล็กมาก ด้านในมีโต๊ะตัวหนึ่ง เก้าอี้สองตัว แล้วห้องน้ำห้องหนึ่ง ในห้องวางของได้แค่นั้น ไม่นานสายตาของฟางเหยียนก็จับจ้องไปที่หินทิพย์ที่วางอยู่บนโต๊ะ
สีแดงหนึ่งเม็ด สีเขียวหนึ่งเม็ด สองเม็ดกำลังวางอยู่บนโต๊ะพอดี ข้างๆโต๊ะยังมีอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์อยู่หนึ่งเครื่อง
ศาสตราจารย์โจวมองหินทิพย์สองเม็ดที่วางอยู่บนโต๊ะ แล้วถาม “ศาสตราจารย์ฟาง หินทิพย์สองเม็ดนี้เป็นหินเมื่อสามหมื่นห้าพันกว่าปีก่อน ตอนนั้นอารยธรรมของมนุษยชาติยังไม่เฟื่องฟูขึ้นมา ก็หมายความว่า เป็นยุคที่เต็มไปด้วยหินทิพย์ หินก้อนหนึ่ง ล้วนมีจิตวิญญาณ มีพลังในตัวของมัน แต่ในยุคปัจจุบันนี้ ไม่มีทางหาหินทิพย์แบบนี้ได้อีกแล้ว”
“อ๋อ ใช่ คุณรู้มั้ยอะไรคือหินทิพย์?” จู่ๆศาสตราจารย์โจวก็ถามขึ้นมา
ฟางเหยียนยังไม่ทันตอบว่ารู้หรือไม่รู้ ศาสตราจารย์โจวก็แนะนำขึ้นมาเอง “หินทิพย์ที่ว่านั้นความจริงแล้วเป็นสิ่งที่มีพลังนั่นเอง เมื่อสามหมื่นปีก่อน ทรัพยากรของโลกเฟื่องฟูมาก ต่อให้เป็นหินก้อนเดียวก็มีพลัง ดังนั้นตอนนั้นจึงมีก้อนหินหลากสีมากมาย จนกระทั่งถึงตอนนี้ ทรัพยากรของโลกได้ใช้ไปเกือบหมด ดังนั้นก้อนหินจึงธรรมดาไม่ซับซ้อนแล้ว และก็ไม่มีพลังอะไรอีกต่อไป”
ฟางเหยียนพยักหน้าอย่างครุ่นคิดแล้วกล่าว “งั้นแน่ใจมั้ยว่าก้อนหินนี้ก้อนนี้มาจากเมื่อสามหมื่นกว่าปีก่อน”
ศาสตราจารย์โจวพยักหน้าอย่างมั่นใจมาก “ครับ หินทิพย์นี้เป็นหินเมื่อสามหมื่นกว่าปีก่อน และด้านในก็เต็มไปด้วยพลัง หินที่เต็มไปด้วยพลังแบบนี้น่าจะถูกขุดเจอใต้พื้นดินที่ลึกลงไป แล้วตอนที่ขุดขึ้นมาก็ไม่น่าจะมีพลังที่มากมายขนาดนั้นแล้ว ถูกโลกดูดซับไปหมดแล้ว ต่อให้มี ก็น่าจะเหลือน้อยมากหรือกลายเป็นสิ่งตกทอดจากรุ่นสู่รุ่นไปแล้วละ สิ่งที่ทำให้ผมแปลกใจก็คือ นึกไม่ถึงว่าหินก้อนนี้จะเต็มไปด้วยพลัง เหมือนกับเก็บมาได้จากในยุคนั้นเลยก็มิปราณ