ฟางเหยียนเข้าใจเสียทีว่าหมายความว่าอะไร หวังชิงชิงได้ตกลงแต่งงานกับคนนี้แล้ว เขาจะที่หวังชิงชิงพูดได้ ว่าเธอไม่ชอบคนนี้ เพราะคนนี้คือน้องชายของเธอ ก็เพราะที่บ้านบังคับให้เธอแต่งงานเธอจึงได้หนีออกมา
แล้วทำไมเธอตกลงอีกแล้วล่ะ?
หรือคนนี้ใช้ตัวเองมาข่มขู่หวังชิงชิง? ไม่ต้องสงสัยเลย จากคำพูดเมื่อกี๊ของเขาก็ฟังได้ว่าหมายความว่าอย่างนี้ เขาใช้ความปลอดภัยของตัวเองข่มขู่หวังชิงชิง ดังนั้นหวังชิงชิงจึงต้องตกลงแต่งงานกับเขา นี่คือเหตุผลที่หวังชิงชิงขาดสารอาหารในช่วงนี้ แต่งงานกับคนที่ตัวเองไม่ชอบ ใครจะมีกะจิตกะใจทานข้าวลง
มิน่าล่ะเมื่อกี๊ตอนที่หวังชิงชิงเห็นตัวเองโน้มน้าวให้ตนออกจากดินแดนตะวันตก ที่แท้ก็กลัวโจวเจิ้งล้างแค้นตัวเองนี่เอง ช่วงนี้หวังชิงชิงน่าจะตกใจจนแย่แล้ว ไม่มีหน่วยก้านของประธานสาวเย็นชาเมื่อก่อนแต่อย่างใด
แต่นี่ไม่ใช่เหตุการณ์ที่ฟางเหยียนอยากเห็น เขาค่อนข้างชอบหวังชิงชิงคนนั้นในอดีต
ด้วยเหตุนี้เองเขามองหวังชิงชิง แล้วถาม “คุณจะแต่งงานกับมัน?”
หวังชิงชิงถูกถามจนตัวสั่น เธอมองฟางเหยียนอย่างรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก จากนั้นก้มหน้าไป เหมือนกับกลัวฟางเหยียนโกรธ หลังจากที่ลังเลไปสักพัก เธอกลืนน้ำลาย พยักหน้าแล้วกล่าว “อืม!”
คิ้วของฟางเหยียนขมวดอีกครั้งอย่างไม่รู้ตัว เขาถามว่า “คุณไม่ชอบมันไม่ใช่เหรอ? ไม่ชอบเขาแล้วทำไมยังแต่งงานกับเขาอีก?”
“ฉัน…” หวังชิงชิงหยุดพูดไป เธอกัดริมฝีปาก แววตาปรากฏเป็นน้ำตาแห่งความน้อยใจ ได้รับความเป็นห่วงจากคนที่ตัวเองชอบ แล้วยังเป็นห่วงในตอนที่คอขาดบาดตายอีก นี่ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งซาบซึ้งใจ
เมื่อเห็นเหตุการณ์นี้ ฟางเหยียนกล่าวต่อว่า “ถ้ามันเอาผมมาข่มขู่คุณ และเพราะความปลอดภัยของผมคุณถึงได้ตกลงแต่งงานกับมัน งั้น ไม่จำเป็นแล้ว! ไม่มีใครคุกคามความปลอดภัยของผมได้ คุณยังคงทำเรื่องที่คุณชอบได้เช่นเคย ถ้ามันใช้วิธีที่ต่ำช้าแบบนี้มาบีบคุณแต่งงาน ผมจะฆ่ามันเดี๋ยวนี้”
เผชิญหน้ากับกระบอกปืนหลายสิบกระบอก แล้วฟางเหยียนยังพูดอย่างบ้าคลั่งรุนแรงได้ขนาดนี้ นี่เป็นสิ่งที่คนธรรมดาทำได้เหรอ? โจวเจิ้งรู้สึกค่อนข้างเสียหน้า ตนใช้ปืนมากมายขนาดนั้นจ่อเขา เขายังแข็งกร้าวขนาดนี้
“ไอ้หน้าด้าน!” โจวเจิ้งตวาดออกมาอย่างแค้นใจ
หวังชิงชิงเตรียมจะพูดอะไร แต่ถูกฟางเหยียนขัดจังหวะไว้ “ถ้าคุณกลัวพวกเขาตระกูลโจวรังแก แล้วพวกเขาตระกูลโจวคุกคามความปลอดภัยของคุณ คุณไม่ต้องเป็นห่วง ผมสามารถพังตระกูลโจว เพื่อคุณได้!”
หวังชิงชิงได้ยินคำพูดนี้ ก็ตัวสั่น เธอไม่รู้ว่าตนควรจะซาบซึ้งหรือเป็นห่วงฟางเหยียนดี ตอนนี้มีปืนหลายสิบกระบอกจ่อที่ตัวของเขา ตอนนี้แล้ว นึกไม่ถึงว่าเขายังพูดแบบนี้ได้
เธอใจสั่น ส่ายหน้าอย่างตัวอ่อนแล้วกล่าว “คุณชายคะ คุณไปเถอะ! ฉันไม่ต้องการให้คุณทำอะไรเพื่อฉันทั้งนั้นแหละค่ะ”
“ไป! ไปไหน? ในเมื่อแกอยากล้างบางตระกูลโจว งั้นฉันก็ไม่แคร์ที่จะฆ่าแกก่อน” โจวเจิ้งโมโหจนผมตั้ง คนนี้มันเป็นต้นฉบับของการพูดจาโอหังไร้ยางอายจริงๆ น่าโมโหจริงๆ
เขาโตมาขนาดนี้ เพิ่งจะเคยเห็นคนโอหังขนาดนี้เป็นครั้งแรก นึกไม่ถึงว่าจะพูดว่าล้างบางตระกูลโจว ตระกูลโจวอยู่พื้นดินแห่งนี้มาหลายสิบปี ไม่เคยมีใครกล้าคิดแบบนี้ เขากำลังรนหาที่ตายโดยแท้จริง
“เตรียม!” โจวเจิ้งจ้องฟางเหยียนด้วยสายตาเป็นประกาย แล้วตะคอกเสียงดัง
ฟางเหยียนใช้สายตาอันเหยียดหยามอย่างหาที่เปรียบไม่ได้มองโจวเจิ้ง ถ้าโจวเจิ้งคิดว่าปืนกลหลายสิบกระบอกสามารถทำอะไรตนได้ งั้นเขาก็จะล้างบางตระกูลโจวในวันเดียวไปเลย การกระทำทั้งหมดของตระกูลโจวต่างอะไรกับการแย่งผู้หญิง ถ้าเปลี่ยนเป็นอีกคน บางทีฟางเหยียนอาจจะไม่สนใจ เพราะนี่ไม่ได้อยู่ในขอบเขตการดูแลของเขา แต่สิ่งที่พวกเขาแย่งกันคือหวังชิงชิง นี่คือลูกน้องของเขา
ไม่ว่ายังไงหวังชิงชิงก็เป็นคนที่เคยทำงานให้เขามาก่อน และท่าทีในการทำงานก็ได้รับการยอมรับจากฟางเหยียน ไม่ว่าเธอจะโดนข่มขู่ให้แต่งงานกับโจวเจิ้งเพราะตนหรือไม่ แต่เรื่องนี้เขาต้องจัดการแน่นอนแล้ว
เขาจ้องโจวเจิ้งอย่างตาแดงก่ำแล้วถาม “แกคิดว่าปืน จะคุกคามความปลอดภัยของผมได้เหรอ? ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นก็ไม่รู้ว่าฉันตายไปกี่รอบแล้วล่ะ!”
พูดจบ จู่ๆร่างกายของฟางเหยียนปรากฏพายุที่ไร้รูปขึ้น พายุนี้ปล่อยออกมาจากร่างกายของเขา ทุกๆคนล้วนรับรู้ได้ถึงแรงลม โจวเจิ้งล้วนรับรู้ได้ว่าผมของตัวเองถูกลมพัดแล้ว
ไม่เพียงแค่ผม วินาทีถัดมา แก้วที่ไฮโซหลายใบบนชั้นวางหล่นลงกับพื้น ผ้าม่านก็พริ้วไสวไปมา นี่เป็นในล็อบบี้ ต่อให้ด้านนอกพายุคลุ้มคลั่ง ด้านในก็ไม่มีทางมีปฏิกิริยาแบบนี้ได้
สิ่งเดียวที่สามารถอธิบายได้ก็คือ ในห้องมีที่มาของแรงลม
กล้ามเนื้อของแก้มทั้งสองข้างบนใบหน้าโจวเจิ้งขยับ ทำไม? ทำไมถึงได้มีพลังที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้นะ หรือคนนี้ไม่ใช่แค่ระดับต้าชี่งั้นเหรอ? นี่ไม่ใช่พลังที่ปล่อยออกมาจากคนที่เป็นระดับต้าชี่
นี่…หรือนี่เป็นระดับปรมาจารย์ในตำนานกันนะ?
ตระกูลของโจวเจิ้งเป็นตระกูลนินจา เขามีความรู้เป็นอย่างดีเกี่ยวกับนินจา เมื่อเทียบกับผู้เฒ่ามือสมัครเล่นพวกนั้น เขาเข้าใจกว่ามาก คนที่สามารถปล่อยพายุออกจากในร่างกายได้ ไม่ได้เป็นระดับต้าชี่ง่ายๆแบบนั้น
ระดับต้าชี่สามารถรวมชี่ได้ ทำให้ชี่ปล่อยออกจากร่างกายโจมตีคนได้ พ่อของเขาเคยสาธิตการปล่อยกำลังภายในออกมาครั้งหนึ่ง และต้องใช้การไหวเวียนสามถึงห้านาทีจึงจะปล่อยชี่ออกมาได้ แล้วพลังในตอนนั้นก็ไม่ได้แข็งแกร่งขนาดนั้นด้วย ก็แค่ทำให้เกิดลมขนาดเล็กเท่านั้น และพ่อของเขาพยายามสุดแรงแล้วด้วย แต่คนที่อยู่ตรงหน้า ถึงขั้นไม่มีแม้แต่การเตรียมตัว ก็ปล่อยชี่ที่แข็งแกร่งออกมาได้ เหมือนกับคลื่นที่ถาโถมเข้ามา
ถ้าเขาเป็นระดับปรมาจารย์จริง งั้นปืนพวกนี้ที่อยู่ต่อหน้าเขาก็ทั้งหมดก็เป็นแค่ของโชว์จริงๆแล้วล่ะ! บางทีเขาอาจจะมีความสามารถในการล้างบางตระกูลโจวจริงๆก็ได้ ใช่โจวเจิ้งคือลูกคนรวยโดยสมบูรณ์แบบ แต่เขาเข้าใจมากว่าใครยั่วได้ ใครยั่วไม่ได้! เมื่อนึกถึงจุดนี้ โจวเจิ้งเริ่มเกร็งขึ้นมา
ในตอนที่ฟางเหยียนกำลังจะลงมือฆ่าสวะพวกนั้น จู่ๆก็มีเสียงที่ดังสนั่นขึ้น “หยุดนะ!”
เสียงตะคอกนี้ทำให้ฟางเหยียนหยุดการโจมตีลง เมื่อเขาหยุดการโจมตีลง ลมที่แปลกประหลาดนั่นก็สลายไป แว็บเดียวในล็อบบี้ก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้ง แววตาของทุกคนมองไปที่ประตู เห็นชายหนุ่มคนหนึ่งเดินเข้ามาจากด้านนอก รูปร่างของชายคนนี้ใหญ่มาก ประมาณหนึ่งเมตรแปดสิบกว่า สวมชุดสูท ทำผมเนี้ยบมาก จากการแต่งกายอีกทั้งออร่าของเขา น่าจะเป็นคนที่มีเงินมาก
การ์ดที่ประตูหลายคนถือปืนกลขวางทางของเขาไว้ เขายกมือขึ้นอย่างไม่สนใจผลักคนพวกนั้นออกโดยตรง คนนี้ฟางเหยียนรู้จัก ก็คือชายฉกรรจ์คนนั้นที่เจอที่ประตูของตระกูลหยาง
“คุณชายเจ็ด!”