น้ำเสียงของหลินชื่อที่พูดออกมานี้ ทำไมถึงได้เหมือนกับใครบางคนที่กำลังฮึกเหิมถือเหนือกว่า!
แทบจะไม่อธิบายอะไรเลย ปฏิเสธไปอย่างเดียว
คล้ายกับการกระทำของใครบางคน!
เมื่อเผชิญหน้ากับเรื่องจริง ก็เลือกที่จะทำเป็นไม่รู้เรื่อง หรือไม่ก็แกล้งโง่มึนงงไป หลินชื่อก็ทำหน้าทำตาแบบนี้
ทุเรศมาก!
ทุกคนก็ตกใจและไม่สบายใจไปตามกัน สีหน้าที่มองไปยังหลินชื่อ ค่อนข้างเหม่อลอย
ผู้อาวุโสรองก็ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็เอ่ยปากถามว่า “ผู้อาวุโสใหญ่ ที่คนใช้ชื่อเสี่ยวหยู่พูดมานั้น มีเรื่องแบบนี้อยู่จริงหรือเปล่า? คุณวางยาทำร้ายเจ้าสำนักจริงๆ ใช่ไหม? ฆ่าปิดปากเสี่ยวหยู่จริงๆ ใช่ไหม? แล้วก็ให้เธอมารับโทษแทนใช่ไหม?”
หลินชื่อพูดกัดฟันอยู่คำเดียว “ข่าวปลอม!”
ผู้อาวุโสรองก็ยิ่งอึ้ง แล้วก็มองไปยังเสี่ยวหยู่ ถามว่า “เสี่ยวหยู่ รู้ไหมว่าตัวเองกำลังพูดอะไรอยู่? รู้ไหมว่าที่เธอเพิ่งพูดออกมานี้ เพียงพอที่จะทำให้เธออยู่ในจุดที่ต้องตายอย่างช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลย!”
เสี่ยวหยู่ที่ก้มหน้าอยู่ ก็เงยหน้าขึ้นมาทันที พูดทั้งน้ำตาว่า “ต้องตายอย่างช่วยเหลืออะไรไม่ได้เลยงั้นหรือ? ฉันเคยผ่านความตายมาแล้ว จะกลัวอะไรกับอีกแค่นี้? จุดนี้ทำไมคุณไม่ลองไปถามหลินเทียนดูล่ะ!”
นั่นน่ะสิ!
ถ้าเสี่ยวหยู่พูดโกหก แล้วทำไมหลินเทียนถึงได้ถูกคนนอก2คนกระทืบเสียจนบาดเจ็บขนาดนี้ แถมยังถูกจับมัดไว้อีก?
ก่อนหน้านี้ทุกคนคิดว่าหลินเทียนใช้กำลังของตัวเองคนเดียวเพื่อป้องกันไม่ให้คนนอกบุกรุกเข้ามา พอไม่ระวังก็เลยถูกลอบโจมตีและถูกจับมัดไว้ แต่พอเสี่ยวหยู่เล่าเรื่องราวความลับสุดยอดออกมา ทุกคนก็นึกขึ้นได้ หลินเทียนไปเพื่อฆ่าปิดปากนี่เอง!
ทุกคนก็อยากถามหลินเทียน แต่ก็พบว่าเขาได้สลบไปแล้ว จะให้พูดก็คงเป็นได้ได้ยาก
“ทุกท่าน สิ่งที่ควรพูดก็ได้พูดจนจบแล้ว ขอยืมคำของผู้อาวุโสใหญ่มาใช้หน่อยแล้วกัน ที่บอกว่า ข่าวลือจะถูกสยบด้วยคนฉลาด จะพิจารณากันอย่างไร ผมคิดว่าทุกคนคงรู้” นิ่งไปครู่หนึ่ง ฟางเหยียนก็พูดต่ออีกว่า “เดิมทีผมสามารถฆ่าล้างทั้งสำนักฉิวหลงได้เลย แต่ผมทำแบบนั้นไม่ได้ อย่างที่หนึ่ง เพราะฉู่หยางมีบุญคุณกับผม เอาขลุ่ยวิเศษมาให้ผมดูแลไว้ นี่เป็นบุญคุณ ผมจะตอบแทนด้วยการทำชั่วตอบแทนไม่ได้ อย่างที่สอง สำนักฉิวหลงไม่ได้ชั่วช้าอะไรขนาดนั้น เป็นแค่ปลาเน่าตัวเดียวที่ทำให้ปลาทั้งกระชังเน่า ผมไม่อยากฆ่าผู้บริสุทธิ์ แล้วกลายเป็นคนชั่วดั่งฉายาที่คนอื่นเขาเรียกกัน อย่างที่สาม ผมรู้จักกับซ่งหยิง ไม่ควรจะฆ่าคนเป็นผักปลา”
“ผมจอมพลโผ้จวิน บริสุทธิ์ใจ ผมไม่ได้ฆ่าเจ้าสำนักของพวกคุณ ถ้าผมเดาไม่ผิดล่ะก็ เจ้าสำนักของพวกคุณคงจะไปปฏิเสธข้อเสนอของเพลิงเสวน สุดท้ายก็ถูกฆ่าปิดปาก ดังนั้นก็เลยโยนความผิดมาให้ผม แน่นอนว่า ผมไม่ได้พูดเพื่อให้ตัวเองพ้นผิด ผมเป็นถึงจอมพลโผ้จวินของประเทศหวา คงไม่อยากจะมาทำเรื่องที่คนชั่วมันทำกันแบบนี้หรอก”
พอพูดออกมา คนทั้งหมดก็อึ้งไป!
เทียนขุยก็มองฟางเหยียนอย่างอับอาย เขาเพิ่งรู้ว่าความพยายามอย่างลำบากใจของฟางเหยียน เหตุผลที่ไม่ลงมือเข่นฆ่า ไม่ใช่เพราะมีใจให้กับซ่งหยิง แต่เป็นเพราะเห็นแก่ส่วนรวม
จอมพลโผ้จวินก็ได้ปฏิเสธเรื่องที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนฆ่าเจ้าสำนัก!
ทั้งสั้นและชัดเจนได้ใจความ!
หลินชื่อก็กระตุกตา ใบหน้าก็ยังทำเหมือนไม่รู้เรื่องนั้น แต่ในใจกลับร้อนลุ่มเกินจะเปรียบ ตัวตนของฟางเหยียน เพียงพอที่จะทำให้หลินชื่อกังวล เดิมที่เขายังนึกว่าไอ้หมอนี่คือคนที่แอบอ้างว่าเป็นจอมพลโผ้จวิน แต่คิดไม่ถึงว่า ท่าทางป่วยๆ อย่างไอ้หมอนี่ จะเป็นจอมพลโผ้จวินจริงๆ !
เพลิงเสวนได้สั่งกับเขาไว้ว่า ก่อนที่ยังไม่สามารถควบคุมทั้งสำนักฉิวหลงได้นั้น จะต้องอดกลั้นเอาไว้ ทางที่ดีอย่าไปหาเรื่องกับจอมพลโผ้จวิน แต่ว่าตอนนี้ จอมพลโผ้จวินมาหาเรื่องถึงที่แล้ว!
ถึงว่าอายุเท่านี้กลับมีแผนการลึกซึ้ง มีความกล้าเกินใคร ไม่ธรรมดาจริงๆ เขาคือจอมพลโผ้จวินตัวจริง คือนายพลห้าดาว ชายผู้ที่ไม่เคยแพ้พ่ายในสงคราม ชายผู้ที่เก่งราวกับเทพ ชายผู้ที่ทำให้เพลิงเสวนต้องปวดหัว!
จอมพลโผ้จวิน!
ชายผู้ที่คนทั้งประเทศต้องยอมสยบ!
ตอนนี้เขาได้มาที่นี่แล้ว!
จะให้หลินชื่อไม่กังวลได้อย่างไร!
แต่เขาจะร้อนรนไม่ได้ ยิ่งจะเผยไต๋ออกมาก็ไม่ได้ด้วย แค่เพียงปฏิเสธไปอย่างเดียว เขาก็จะได้อยู่กับสำนักฉิวหลงไปตลอด ถ้ายอมรับความผิด เขาก็จะสูญเสียทุกอย่างไป และบ้านแตกสาแหรกขาด พอถึงตอนนั้น เขาก็จะไม่ใช่คนที่ควบคุมสำนักฉิวหลงในตำแหน่งสูงสุดอีกต่อไป แต่เป็นหนูตามถนนที่ทุกคนอยากจะไล่ทุบ
หลังจากตั้งสติ หลินชื่อก็พูดเสียงนิ่งว่า “น่าขำ มึงพูดจาปั่นหัวทุกคนอีกแล้วงั้นหรือ? บ้าบอสิ้นดี!มึงบอกว่ามึงคือจอมพลโผ้จวิน แล้วมีอะไรมายืนยัน? พูดพล่อยๆ มึงคิดจะกลับขาวเป็นดำได้อย่างนั้นหรือ? อยากจะใส่ร้ายกูงั้นสิ? ไม่คิดดูหน่อย ว่าพวกมึงอาจจะเป็นพวกเดียวกันก็ได้? เป็นพวกที่เหลือของซ่งอู่ฮุย!”
พอพูดออกไป สถานการณ์ที่เอียงไปฝั่งฟางเหยียน ก็พลิกกลับมา!
แผนของหลินชื่อ ก็คือใส่ร้ายกลับไป และไม่ยอมรับอะไรทั้งสิ้น!
หมอนั่นเป็นเพียงคนนอก แค่ปากมันปากเดียว ก็คิดจะปั่นหัวทุกคนได้งั้นหรือ?
มันจะไม่น่าขำไปหน่อยหรือไง!
จะให้คนมาหัวเราะเยาะสำนักฉิวหลงหรือไง?
คิดว่าคนทั้งสำนักฉิวหลงกินแต่ข้าวไม่มีสมองหรือไง?
“จอมพลโผ้จวินจะต้องมีหลักฐานมาแสดงให้มึงดูอีกหรือ?” เทียนขุยหัวเราะเยาะพูดว่า “ตัวจริงอยู่นี่ พวกมึงยังจะให้จอมพลโผ้จวินมายืนยันตัวตนอีกหรือไง? มึงคิดว่ามึงเป็นใคร? ถ้าไม่ใช่เพราะจอมพลโผ้จวินมีใจเมตตา พวกมึงได้กลายเป็นวิญญาณใต้ดาบกูไปหมดแล้ว!”
ผู้อาวุโสรองก็ตวาดกลับไปว่า “บังอาจนะมึง มึงรู้ไหมว่ากำลังพูดอะไรอยู่!”
“บังอาจงั้นหรือ!” เทียนขุยหัวเราะเย็นพูดว่า “จอมพลโผ้จวินทำขนาดนี้ มึงคิดว่าความอดทนของจอมพลโผ้จวินมีไม่จำกัดหรือไง?”
“เฮ้ย ไปจับตัวไอ้โจรชั่วนี้ไว้ แล้วตบปากมัน ให้มันรู้จุดจบที่มาหาเรื่องกับสำนักฉิวหลง!”
ไม่นานก็มีคนเดินไปทางเทียนขุย แต่ยังไม่ได้เข้าใกล้เทียนขุย ก็ถูกเตะกระเด็นออกมาแล้ว!
โหดร้ายมาก!
ความโกรธของคนทั้งสำนักฉิวหลง ก็ถูกจุดขึ้นมาอีกครั้ง นี่มันคือการเหยียดหยามชัดๆ จะให้สำนักฉิวหลงเอาหน้ไปไว้ที่ไหน!
ผู้อาวุโสรองก็หน้าแดงก่ำ กัดฟันพูดว่า “พวกเรา ฆ่าพวกมันเสีย”
คน300กว่าคนก็ขยับตัว ตอนนี้ หลินชื่อก็ดีใจ เขาก็หวังว่าจะให้คนพวกนี้ลงมือ ขอเพียงฆ่าจอมพลโผ้จวินได้ เพื่อให้ตนเองได้นั่งอยู่ในสำนักฉิวหลงอย่างมั่นคง
“จอมพลโผ้จวิน ไอ้พวกหัวแข็งพวกนี้ไม่ควรได้มีชีวิตอยู่ต่อไป!”
เทียนขุยกำลังจะลงมือ แต่ก็ถูกฟางเหยียนห้ามไว้ “เรื่องมันยังไม่ถึงทางตัน ไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้ ต่อจากนี้ก็คอยดูละครฉากสนุกก็แล้วกัน!”
“ละครฉากสนุกงั้นหรือ?” เทียนขุยพูดอย่างสงสัย “มีละครสนุกอะไรให้ดู?”
ฟางเหยียนยิ้มตอบไม่พูด แล้วก็ไม่สนใจกับพวกคนของสำนักฉิวหลงที่บุกมา แล้วก็เดินไปยังฝั่งหลินเทียนอย่างไม่สนใจใคร แล้วก็หยิบเข็มเงินออกมาปักลงไปหลายครั้ง แล้วดึงออกมา
แล้วก็มองคนของสำนักฉิวหลงที่บุกเข้ามาใกล้ ความกล้าแบบนี้ ทำให้พวกคนของสำนักฉิวหลงต้องอึ้งไปเหมือนกัน ในใจของเขา คนพวกนี้สร้างความกลัวอะไรให้ไม่ได้เลยหรือ?
มันเสแสร้ง!
คิดว่าสำนักฉิวหลงเป็นพวกไม่เอาไหนหรือไง?
มีเพียงหลินชื่อที่หน้าบึ้ง ที่ลงมือไปเมื่อครู่นั้น เขาเห็นหมดแล้ว โดยเฉพาะตอนที่ปักเข็มลงไปบนตัวหลินเทียนนั้น ในใจของเขาก็เกิดลางสังหรณ์อะไรไม่ดีบางอย่างขึ้นมา
“ฆ่าให้หมด อย่าให้เหลือแม้แต่คนเดียว!”
คนทั้งหมดของสำนักฉิวหลงก็ไม่กังวลอะไรอีกแล้ว บุกเข้าไปหาทั้งสองคนอย่างสบายใจ
เหมินถงและเสี่ยวหยู่ก็ตกใจจนเอ๋อไป เหมินถงก็ยิ่งมีน้ำอะไรเหม็นๆ ไหลออกมาจากขาด้วย ฉี่ราดอีกแล้ว ตกใจจนฉี่ราด!
ฟางเหยียนก็ยังคงมีสีหน้าท่าทางที่สบายๆ เหมือนเดิม แม้แต่หนังตาก็ไม่ขยับเลย พวกเขาที่เคยได้เห็นสงครามใหญ่ๆ มาจนคุ้นเคยแล้ว จะกลัวกับสิ่งพวกนี้ได้อย่างไรกัน? ความเลือดร้อนของเทียนขุยก็พลุ่งพล่านขึ้นมาในตอนนี้ เขาเอาลิ้นเลียปากตัวเอง แล้วก็เผยรอยยิ้มให้กับสถานการณ์ที่รอมานานแล้ว!
ตั้งแต่ที่ออกมาจากกองทัพ เขาก็ได้ออกจากชีวิตที่ต้องสู้รบอย่างเดือดดาล ความชอบที่อยู่ในสายเลือดแบบนี้ จะให้ลืมได้อย่างไร?
ถ้าไม่ใช่เพราะฟางเหยียนห้ามไว้ บางทีเขาคงจะได้สัมผัสกับการเข่นฆ่าที่คุ้นเคยแล้วก็ได้
จากที่ทุกคนบีบบุกเข้ามา หลินเทียนที่สลบไสลไป ก็ตื่นฟื้นขึ้นมาทันที ลุกขึ้นมากะทันหัน เหมือนกับหุ่นเชิด ที่ถูกคนดึงเชือกให้ลุกขึ้น
พอหลินเทียนมีท่าทางแปลกๆ ไป ก็ได้หยุดคนของสำนักฉิวหลงทั้งหลายที่บุกเข้ามา ทุกคนจ้องไปที่หลินเทียนอย่างมึนงง ไม่รู้ว่าเขาจะทำอะไรกันแน่?
เขาก็ยังคือหลินเทียน แต่ว่าดวงตาทั้งสองไร้ความรู้สึก เหมื่อลอย โดยเฉพาะปาก ขยับขึ้นลง แต่ไม่มีเสียง เหมือนกับกำลังบ่นอะไรอยู่
หลินชื่อก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อยๆ ความไม่สบายก็ยิ่งมากกว่าเดิม โดยเฉพาะการเป็นห่วงหลินเทียน
ยังไม่ทันให้เขาได้สั่งบุกต่อไป หลินเทียนก็พูดเรื่องทั้งหมดออกมา ราวกับเครื่องจักรที่ถูกสั่งให้ทำ โดยควบคุมตัวเองไม่ได้เลย!
พอพูดถึงตอนท้าย ทุกคนก็อึ้งโง่กันไปหมด!
หลินเทียนเอาเรื่องที่หลินชื่อทำทุกอย่าง รวมถึงเรื่องที่ฆ่าซ่งหมิงฮุย และโยนความผิดให้กับจอมพลโผ้จวินพูดออกมาจนหมด และพูดเรื่องที่วางยาพิษฆ่าเจ้าสำนักซ่งหยิงออกมาเองด้วย
แต่ว่า ไม่ได้พูดจุดประสงค์ของเพลิงเสวนออกมา น่าจะเป็นเพราะว่าไม่รู้
การเปลี่ยนแปลงวันนี้ มันเปลี่ยนกลับไปกลับมา แต่ละข่าวเด็ดกว่ากันเรื่อยๆ เลย!
ถ้าคนอื่นๆ พูดมาเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น แล้วเรื่องที่หลินเทียนพูดล่ะ?
นี่มันเป็นการฆ่าญาติเชิดชูคุณธรรมเลยนะเนี่ย!