ซ่งอู่ฮุยยอมรับแล้วงั้นเหรอ?
ทำไมเขาถึงไม่ปริปากอธิบายเลยล่ะ?
หรือว่าที่คนเฝ้าประตูพูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องจริง!
ทุกคนต่างทำตัวไม่ถูกกันหมดแล้ว!
สมคบคิดกับเพลิงเสวน!
เพลิงเสวนเป็นใคร พวกเขาคนในสำนักฉิวหลงต่างรู้ดี นั่นเป็นปีศาจที่ฆ่าคนโดยไม่แม้แต่กะพริบตา เรื่องที่ทำเรียกได้ว่าเขียนออกมาไม่หมดเลยทีเดียว ทำข้อตกลงกับปีศาจแบบนี้ ซ่งอู่ฮุยจะพาสำนักฉิวหลงลงเหวหรือยังไง?
เป็นที่ทราบกันดีว่า คนที่ซ่งอู่ฮุยดึงมาเป็นพวก กลายเป็นกลุ่มที่ใหญ่สุดในสำนักฉิวหลงแล้ว แต่เขายังคงไม่พอใจในสิ่งที่ตัวเองมี กล้าคิดจะทำร้ายผู้อาวุโสใหญ่และคนอื่น ๆ ให้ถึงตาย เลยหาคนเฝ้าประตูคนหนึ่งมาใส่ร้าย
แต่คิดไม่ถึงเลยจริง ๆ!
ว่าคนเฝ้าประตูจะสำนึกได้!
เปิดโปงเรื่องที่ซ่งอู่ฮุยตั้งใจทำ!
นี่มันพลิกผันเร็วเกินไปแล้ว!
คนที่ติดตามซ่งอู่ฮุย ต่างสติหลุดกันหมดแล้ว!
เมื่อต้นไม้ล้ม พวกลิงค่างก็กระเจิงไปคนละทิศละทาง!
คำพูดนี้พูดไว้ไม่ผิดเลยสักนิด
คนที่คอยติดตามซ่งอู่ฮุยทำเรื่องชั่วช้า ต่างจ้องมองหลินชื่อตาปริบ ๆ พวกเขาไม่อยากกลายเป็นคนที่ทำผิดต่อสำนักฉิวหลง! ไม่ต้องพูดก็เข้าใจกันดี ว่าต้องการกลับสู่สำนักฉิวหลง ไม่อยากกลายเป็นสุนัขรับใช้ของซ่งอู่ฮุย แยกตัวออกจากสำนักฉิวหลง!
หลินชื่ออยากยกโทษให้พวกเขาอยู่แล้ว แต่สุดท้ายก็หันไปมองซ่งหยิง : “นายน้อย คุณคิดว่ายังไง? จะยอมรับพวกเขาที่ไม่รู้เรื่องราวหรือเปล่า?”
ซ่งหยิงไม่ได้ตอบคำถาม สายตาของเธอจ้องมองไปที่ซ่งอู่ฮุย แล้วพูดด้วยเสียงสั่นเครือ เอ่ยถามทีละคำทีละประโยค : “อารอง อาสมคบคิดกับเพลิงเสวนจริงเหรอ? เพื่อครอบครองสำนักฉิวหลง?”
ซ่งอู่ฮุยหลับตาสนิท แต่ที่มุมตามีน้ำตาไหลออกมาทั้งสองข้าง
“พูดสิ!”
ซ่งหยิงตะคอกด้วยความโกรธ นอกจากตะโกนจนเสียงแหบแห้งแล้ว ก็ยังตัวสั่นไปทั้งตัวอีกด้วย เห็นได้ชัดว่า เธอเองคิดไม่ถึงเลย ว่าอารองจะกล้าทำเรื่องไร้ซึ่งคุณธรรมจริยธรรมอย่างนี้ เพื่อแย่งชิงอำนาจ ถึงกับสมคบคิดกับคนนอก เพื่อทำให้สำนักฉิวหลงแตกแยก!
“ผิดถูกรู้ดีอยู่แก่ใจ อธิบายไปก็ไร้ประโยชน์” ซ่งอู่ฮุยจู่ ๆ ก็ลืมตาขึ้นมา แล้วจ้องมองไปที่ซ่งหยิง เอ่ยพูดด้วยเสียงขรึม : “บางครั้งสิ่งที่ได้ยินสิ่งที่ได้เห็นอาจไม่ใช่เรื่องจริง แต่ฉันคิดไม่ถึงเลยว่า แกกลับเชื่อได้ลง”
ซ่งหยิงตะคอกออกมาอย่างดุดัน : “ถึงขนาดนี้แล้วอายังไม่สำนึกผิดอีกเหรอ ยังบิดเบือนข้อเท็จจริงอีกใช่ไหม?”
“คนที่บิดเบือนข้อเท็จจริงไม่ใช่ฉัน แต่เป็นคนอื่น น่าเสียดาย ที่แกยอมเชื่อคนนอก แต่ไม่ยอมเชื่อคนในครอบครัวของตัวเอง แกจะให้ฉันอธิบายยังไง? ในเมื่อทุกคนตัดสินกันไปแล้ว”
“อา!” ซ่งหยิงโมโหจนพูดไม่ออก แม้แต่อธิบายเขาก็ไม่อยากอธิบายแล้วใช่ไหม? “อาทำให้ฉันผิดหวังมากเหลือเกิน!”
“ซ่งหยิง แกถูกคนอื่นหลอกแล้วยังไปเข้าข้างคนอื่นอีกเหรอ ฉันเป็นพี่ชายแกนะ ฉันเคยทำร้ายแกเมื่อไหร่กัน” ซ่งหัวหลินยังพยายามต่อสู้จนถึงที่สุด ตะโกนจนเสียงแหบเสียงแห้ง : “พ่อ รีบอธิบายไปสิ หรือจะให้พวกมันบิดเบือนความจริงอย่างนี้?”
ซ่งอู่ฮุยหลับตาลง ไม่ยอมเอ่ยปากพูดอะไรอีกแล้ว
ทำให้ซ่งหัวหลินยิ่งร้อนใจเข้าไปใหญ่ มองไปทางพ่อของตัวเองที มองไปทางน้องสาวของตัวเองที สุดท้ายได้จ้องเขม็งไปที่หลินชื่อ แล้วตะคอกด้วยความโกรธ : “เป็นแก เป็นแกแน่นอน โหดเหี้ยมจริง ๆ!”
หลินชื่อส่ายหน้าอย่างเอือมระอา หลินเทียนกลับไม่ทนอีกต่อไปแล้ว ชี้หน้าซ่งหัวหลินแล้วตวาดด้วยความโมโห : “แม่งอย่ามาทำตัวเป็นหมาบ้ากัดคนไปทั่ว กูทนมึงมานานแล้วนะ!”
“เชี้ยเอ้ย! มึงแม่งเป็นเชี้ยอะไร ถ้าพูดไม่หยุด กูจะจัดการมึงให้ตาย!”
“มาดิวะ กูก็อยากจะดู ว่ามึงแม่งจะทำให้ใครตายได้ คิดว่าตัวเองเป็นคุณชายจริง ๆ เหรอ? อย่าลืมนะ ว่าตอนนี้มึงเป็นคนร้ายของสำนักฉิวหลง ไอ้คนทรยศ ตอนนี้กูมีสิทธิ์ฆ่ามึงให้ตาย!”
คนทรยศ!
ซ่งหัวหลินที่เดิมทีคิดจะบุกเข้าไปก็ใจสั่นขึ้นมา ยืนชะงักอยู่ที่เดิม แววตาดูเลื่อนลอย คำว่าทรยศสองคำนี้ เหมือนเสียงฟ้าผ่าที่กระทบโดนเขาอย่างจัง!
อะไรที่เรียกว่าบิดเบือนข้อเท็จจริง อะไรที่เรียกว่าปั้นน้ำเป็นตัว เขาเพิ่งรู้ว่าสองพ่อลูกหลินชื่อทำตัวไร้ยางอายได้ถึงใจจริง ๆ!
ไร้ยางอาย!
ไร้ยางอายสุด ๆ!
แต่ไม่ว่าเขาจะพูดว่าร้ายสองพ่อลูกหลินชื่อยังไง ซ่งหัวหลินก็ตระหนักถึงการถูกเล่นงานอย่างร้ายกาจ พวกเขาได้ถูกตราหน้าว่าเป็นคนทรยศที่สมคบคิดกับเพลิงเสวน!
สถานะของพวกเขาสองพ่อลูก ตกต่ำลงทันที เหมือนตกลงไปในแท่นบูชา!
ตอนนี้พวกเขากลายเป็นคนร้าย เป็นคนทรยศของสำนักฉิวหลง ไม่ใช่คนที่มียศถาบรรดาศักดิ์ ไม่ใช่คนระดับสูงในสำนักฉิวหลงที่ได้รับการเคารพอีกแล้ว พวกเขาสองคนในตอนนี้กลายเป็นหนูข้างถนนที่ผู้คนต่างรังเกียจเดียดฉันท์
หลินเทียนพูดด้วยท่าทางจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม : “ไอ้ขี้ขลาด มึงแม่งน่าอายจริง ๆ จนกูรู้สึกเปลืองตัวที่ต้องมาเสวนากับมึง แล้วอีกอย่างนะ ฉันคิดไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าพวกแก จะกล้าทำเรื่องที่ทำลายผลประโยชน์ของสำนักฉิวหลง!”
ซ่งหัวหลินตะคอกด้วยความโกรธ : “แม่งมึงเอ้ย ใครทำวะ มึงไม่ได้รู้อยู่แก่ใจหรือไง?”
“เป็นหมาบ้าตัวหนึ่งจริง ๆ ด้วย!”
“เชี้ยเอ้ย!”
“พอได้แล้ว!” ซ่งหยิงตวาดออกมาด้วยความโมโห
ทั้งสองหยุดด่าทอโต้เถียงกัน แต่หลินเทียนผิดหวังเล็กน้อย เขาจงใจยั่วโมโหซ่งหัวหลิน เพื่อฉวยโอกาสฆ่าเขาซะ หลีกเลี่ยงปัญหาที่จะเกิดขึ้นในภายภาคหน้า แต่เขาคิดไม่ถึงว่า ซ่งหัวหลินจะขี้ขลาดเหมือนหมาตัวหนึ่ง!
ซ่งหยิงไม่ปรายตามองทั้งสองคนเลยแม้แต่น้อย ได้แต่จ้องมองไปที่ซ่งอู่ฮุย เอ่ยถามด้วยเสียงเคร่งขรึม : “อารอง ฉันขอถามคำหนึ่ง อาสมคบคิดกับเพลิงเสวนหรือเปล่า!”
ซ่งอู่ฮุยยังคงหลับตานิ่งเงียบ ไม่คิดจะปริปากอธิบายเลยสักนิด
ตอนนั้น ซ่งหยิงไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ เธอเข้าใจแล้ว!
เรื่องที่อารองซ่งอู่ฮุยสมคบคิดกับเพลิงเสวน เป็นเรื่องที่ยืนยันได้ชัดเจนแล้ว!
ทันใดนั้น ซ่งหยิงกลับมาเย็นชาอีกครั้ง รู้สึกเหนื่อยล้าทั้งกายและใจ “จับตัวซ่งอู่ฮุยและซ่งหัวหลินไปขังไว้ รอให้ฉันฝังศพพ่อเสร็จ ค่อยกลับมาจัดการ!”
หลินชื่อพยักหน้า “มาจับตัวซ่งอู่ฮุยสองพ่อลูกนี่ไปขังซะ!”
ไม่นาน ซ่งอู่ฮุยสองพ่อลูกก็ถูกจับตัวไป กลางเขาเหลือเพียงลูกศิษย์ที่ยังสับสน ลูกศิษย์เหล่านี้ล้วนเป็นคนที่ติดตามซ่งอู่ฮุย ใช้หัวแม่เท้าคิดยังรู้เลยว่า ซ่งอู่ฮุยสองพ่อลูกมีโทษถึงตาย ตอนนี้ถึงตาพวกเขาแล้ว!
หลินชื่อมองไปที่ซ่งหยิง แล้วโค้งคำนับพลางเอ่ยพูด : “นายน้อย แล้วจะจัดการกับพวกนั้นยังไงครับ?”
“เห็นแก่ที่พวกนั้นไม่รู้เรื่องที่แท้จริง แต่ถูกซ่งอู่ฮุยสองพ่อลูกหลอกล่อให้เชื่อฟัง กลายเป็นเครื่องมือของพวกเขา ฉันจะไม่ถือสาเอาความเรื่องที่ผ่านมา แต่หากมีครั้งต่อไป ต้องลงโทษสถานหนัก!”
ทุกคนโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก แล้วขอบคุณที่ซ่งหยิงเมตตา
“นายน้อย คุณช่างใจดีมีเมตตาจริง ๆ”
“ผู้อาวุโสใหญ่ ชมเกินไปแล้ว” ซ่งหยิงไม่มีอารมณ์มาพูดจาเอาใจ เมื่อเทียบกับเรื่องของซ่งอู่ฮุย เธอยิ่งรู้สึกหนักใจ เพื่อแย่งชิงตำแหน่ง ถึงกับทำได้ทุกอย่างเลยเหรอ? แม้แต่สมคบคิดร่วมมือกับพวกองค์กรชั่วร้ายอย่างเพลิงเสวน!
นี่เป็นคนในครอบครัวนะ!
เธอคิดยังไงก็คิดไม่ออก ว่าทำไมอารองถึงได้ทำอย่างนี้
“ผู้อาวุโสใหญ่ จัดการฝังศพพ่อฉันก่อนเถอะ ส่วนเรื่องอื่นไว้รอจัดการเรื่องนี้เสร็จค่อยว่ากัน”
“ไปได้!”
ขบวนแห่ศพเดินหน้าอีกครั้ง คนของซ่งอู่ฮุยที่ได้รับการยกโทษเหล่านั้น ก็เข้าร่วมขบวนด้วย!
กลุ่มคนที่ซ่งอู่ฮุยสองพ่อลูกรวบรวมกันมาได้สลายตัวกันหมดแล้ว และตอนนี้ ผู้อาวุโสใหญ่หลินชื่อมีอำนาจผูกขาดแต่เพียงผู้เดียว กลายเป็นผู้ที่มีอิทธิพลมากที่สุดในการควบคุมดูแลสำนักฉิวหลง ส่วนองครักษ์เจ้าตระกูล พวกนั้นไม่ได้สำคัญอะไรอีกแล้ว!
หลินเทียนเอ่ยพูดเสียงเบา : “พ่อ พ่อช่างวางแผนได้เฉลียวฉลาดรอบคอบจริง ๆ ผมนี่นับถือจนแทบอยากก้มลงกราบเลยทีเดียว”
“เทียนเอ๋อร์ ถึงแม้พูดกันว่าผู้ที่กระทำการใหญ่ไม่ใส่ใจกับเรื่องเล็กน้อย แต่คำพูดนี้กลับใช้ไม่ได้ ความสำเร็จจำเป็นต้องมีเงื่อนไข นั่นก็คือ ใส่ใจในรายละเอียดเล็กน้อย คนเฝ้าประตูถูกพวกเราซื้อตัวไว้นานแล้ว เพียงแต่ฉันจงใจปล่อยให้มีช่องโหว่ เพื่อตกปลา ฉันคิดว่าต้องรออีกนานกว่าปลาใหญ่ตัวนี้จะโผล่ขึ้นมาบนผิวน้ำ คิดไม่ถึงเลยว่าซ่งหัวหลินจะใจร้อน ขึ้นมาติดเบ็ดซะเอง”
“ถึงแม้ขึ้นมาติดเบ็ดซะก่อน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าผลลัพธ์จะออกมาดีอย่างน่าเหลือเชื่อ ตอนนี้พวกเรามีอำนาจผูกขาดแล้ว ความวุ่นวายภายในกลับเป็นปกติ และพวกเราก็ได้ผลลัพธ์ที่พวกเราต้องการได้แล้ว”
“ต้องบอกเลยว่า ตาเฒ่าซ่งอู่ฮุยคนนี้มีความสามารถมาก ความคิดลึกล้ำคาดเดาได้ยาก แต่ดันมีลูกชายที่โง่จริง ๆ!”