ฟางเหยียนยิ้มเยาะกับสิ่งนี้ ไม่ได้สนใจ คนที่อยากฆ่าเขามีเยอะมาก ต่างก็ตายอยู่ตรงหน้าเขาจนหมด เพียงแค่ตระกูลโจว เขายังไม่วางไว้ในสายตา ไม่เพียงพอที่จะหวาดกลัว ถ้าหากว่าเป็นอย่างที่ชิงตี้บอก ทำลายทิ้งแล้วยังไง?
ล่อเหยื่อเข้าถ้ำ?
พวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่เขาฟางเหยียนคนนี้เล่นเหลือ ตระกูลโจวอย่างเขายังคู่ควร?
ฆ่าทำลาย?
ถ้าหากว่าฟางเหยียนอย่างเขากลัว ก็ไม่มีทางมาด้วยตัวเองแล้ว เขาแค่อยากจะบอกกับองค์กรสัตว์เพลิงว่า เขาเพียงคนเดียว สามารถทำลายองค์กรสัตว์เพลิงได้!
“เจ้าตระกูลโจว ไม่เจอกันนาน ก็ยังดูสบายดีเหมือนเดิมเลยนะ”
โจวปินคางยิ้ม “เพราะบุญของจอมพลครับ ประชาชนสงบสุข อยู่อย่างสุขสบาย พวกเราจึงจะสามารถดูสบายดีสบายใจได้ครับ”
พูดแล้วโจวปินคางก็โค้งตัวพูดเชิญว่า “จอมพล เชิญครับ”
ทั้งสามเดินเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลโจวที่ยิ่งใหญ่ สิ่งเดียวที่รู้สึกได้คือเงียบสงบ ไม่มีใครซุ่มโจมตีอยู่ และก็ไม่มีอันตรายสักอย่าง แม้แต่คนใช้ชายหญิงเห็นพวกเขาทั้งสามก็โค้งทำความเคารพ ท่าทางเป็นมิตร
โจวปินคางเดินไปด้วยแนะนำคฤหาสน์ให้ทั้งสามคนฟังไปด้วย ดูใจกว้าง มีความมั่นใจ ดูไม่เหมือนกับแสดงเลยสักนิด
เมื่อเทียนขุยมั่นใจว่าไม่มีอันตรายใดๆ ก็ถามเสียงเบาว่า “จอมพลโผ้จวินครับ ผิดปกติเกินไปแล้วครับ”
ฟางเหยียนได้ยินอย่างนั้นก็พยักหน้า ครั้งก่อนที่ได้พบเจอกับโจวปินคาง เขาก็รู้แล้วว่าโจวปินคางเป็นคนฉลาด โดยเฉพาะหลังจากที่ตัดมือของโจวเจิ้งทิ้งแล้ว เขาแสดงออกอย่างนิ่งสงบ นี่คือความมั่นใจและความกล้าที่ตระกูลใหญ่ควรจะมี
และผู้นำแบบนี้ ความคิดที่มีจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
“ดูอะไรก็อย่าได้ดูเพียงแค่ภายนอก จะต้องดูสาระสำคัญของเรื่องจากภายใน นายไม่รู้สึกหรอ? รอบด้านมีกลิ่นอายที่แข็งแกร่งอยู่?”
จริงอย่างที่ว่า สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่ความจริง บางครั้งดวงตาก็สามารถหลอกกันได้ และในตอนที่สับสนไม่รู้ควรทำยังไง จะต้องถามจิตใจตัวเองเยอะๆ มีเพียงสิ่งที่มั่นใจในจิตใจเท่านั้น ที่จะเป็นความจริง
“จอมพลโผ้จวิน ความหมายของคุณคือ มีคนแอบมองดูพวกเรา? คนๆนี้น่าจะเป็น….”
ฟางเหยียนไม่ได้พูดอะไร เพราะว่าโจวปินคางหันหน้ามาแล้ว และพูดอย่างเคารพอีกครั้งว่า “จอมพล เชิญครับ”
นี่คือห้องรับแขก มีชื่อว่า รับแขกรอบด้าน
นี่คือห้องรับแขกที่ไม่ใหญ่ พื้นที่เพียงหลายสิบตารางเมตรเท่านั้น ที่ตรงกลางคือโต๊ะกลมขนาดใหญ่ แสดงออกถึงเจ้าบ้านและแขกที่มีเกียรติเท่าเทียมกัน ไม่ได้มีการแบ่งระดับ นี่มีความแตกต่างกับโต๊ะสี่เหลี่ยมอย่างมาก โต๊ะสี่เหลี่ยมมีตำแหน่งที่แบ่งระดับชั้นอย่างชัดเจน
โจวปินคางเลือกห้องรับแขกแห่งนี้ ทุกคนต่างก็ไม่เข้าใจ ต่างก็ไม่รู้ว่าเขาคิดจะทำอะไรกันแน่
ไม่พูดไม่ได้ โจวปินคางให้ความสำคัญกับมารยาทมาก แม้จะเป็นโต๊ะกลม เขาก็ยังจัดเตรียมที่ตรงกลางไว้ให้กับฟางเหยียนเหมือนเดิม ส่วนคนที่เหลือก็นั่งถัดมาเรื่อยๆ และเขาก็นั่งอยู่ตรงข้ามกับฟางเหยียน แบบนี้คุยกันสะดวก เห็นได้ชัดว่า โจวปินคางเตรียมคำพูดไว้แล้ว
ภายในห้องรับแขกมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ให้ความสดชื่น ทำเอาผู้คนมีความรู้สึกสดชื่นปรีดา
เมื่อนั่งลงแล้ว โจวปินคางชี้น้ำชาร้อนๆที่อยู่บนโต๊ะกลม พูดอย่างเคารพว่า “จอมพลครับ คุณยังไม่เคยชิมชาแมลงที่ขึ้นชื่อของดินแดนตะวันตกใช่มั้ยครับ”
ชาแมลง ชื่อเต็มก็คือถั่งเช่า นี่คือยาแผนจีนที่มีชื่อเสียง และขั้นตอนการผลิตชาแมลงก็มาจากการนำถั่งเช่าที่ขึ้นชื่อมาเป็นวัตถุดิบในการผลิตชานี้ ไม่บอกก็รู้ว่าราคาของชาแมลงนั้นสูงมากแค่ไหน ราคาตลาดเพียงครึ่งกิโลกรัมก็ราคาหลักล้านแล้ว เรียกได้ว่าเป็นสมบัติในกลุ่มชา ระดับความล้ำค่าไม่ต้องพูดถึงก็รู้
ฟางเหยียนชิมหนึ่งคำ แล้วค่อยๆวางแก้วชาลง “ชาเป็นชาที่ดี แต่ไม่รู้ว่า คนจะเป็นคนที่ดีรึเปล่า”
เห็นได้ชัดว่าตรงเข้าประเด็นแล้ว!
โจวปินคางยิ้ม “จอมพลครับ ตั้งแต่วันนั้นที่หลานสาวผมทำเรื่องโง่เง่าลงไป ตระกูลโจวของผมก็ถ่อมตัวลงเยอะ จากนั้นก็จำกัดลูกน้องในมือ ว่าห้ามทำเรื่องไม่ดี จะได้เห็นผลลงโทษในทันที ตระกูลโจวของผมตั้งแต่บนลงล่าง ต่างก็ได้รับบทเรียนแล้ว และก็ทำตัวดีขึ้น และก็ยิ่งไม่ได้ทำเรื่องที่ทำร้ายประชาชน นี่คือขีดจำกัดและนี่ก็คือหลักการ สิ่งที่มีหลักการ พวกผมไม่สามารถแตะต้องได้ และก็ไม่กล้าแตะต้องด้วย”
โจวปินคางพูดได้ตรงจุดอย่างดีมาก และในคำพูดก็แสดงถึงท่าทางของตัวเอง
ที่จอมพลมา ล้วนเป็นเรื่องที่หลอกลวงทั้งนั้น ตระกูลโจวของเขาไม่ได้สานสัมพันธ์กับองค์กรสัตว์เพลิง พวกนี้ล้วนเป็นข่าวปลอมทั้งนั้น
แปะๆๆ!
ฟางเหยียนปรบมือสามที ยิ้มอ่อนๆ รอยยิ้มเย็นชามาก “เจ้าตระกูลโจวมีความกล้าที่ไม่ธรรมดาจริงๆ คำพูดเดียวก็แสดงออกถึงจุดยืนของตัวเองได้แล้ว และก็แสดงออกด้วยว่าผมสร้างเรื่องขึ้นมา?”
“จอมพลเข้าใจความหมายของกระผมผิดแล้วครับ กระผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” โจวปินคางหวาดหวั่น “จอมพลเป็นถึงผู้ที่มีความกล้าฉลาดหลักแหลมของประเทศหวา และองค์กรสัตว์เพลิงก็เป็นองค์กรที่อยู่มานานหลายพันปี การกระทำของพวกเขาเรียกได้ว่าทำเรื่องเลวร้ายมากมาย ทำเอาผู้คนหวาดกลัว ส่วนจอมพลที่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งของประเทศหวา จะต้องไม่สามารถทนต่อองค์กรที่ทำร้ายประชาชนแบบนี้ได้อย่างแน่นอน ตั้งแต่ที่จอมพลเริ่มโจมตีกลับองค์กรสัตว์เพลิง องค์กรสัตว์เพลิงก็เริ่มดิ้นรนกัน”
“เหตุผลที่ดิ้นรนคืออะไรก็ไม่จำเป็นต้องพูดแล้ว กระผมสงสัยว่าการกระทำขององค์กรสัตว์เพลิงคือยืมมือคนอื่นฆ่าคน ตระกูลโจวของผมแสดงออกถึงความซื่อสัตย์ ต้องไม่ยินดีและไม่กล้าที่จะต่อกรกับประชาชนอยู่แล้ว เพราะว่าแบบนั้นก็จะเป็นการหาเรื่องตายเอง พวกผมก็เป็นส่วนหนึ่งของประเทศหวา รู้ดีว่าตัวเองกำลังทำอะไรครับ”
ฟางเหยียนไม่ได้ขัดเขา นั่งฟังเงียบๆจนจบ
“จอมพลครับ ตระกูลโจวเป็นตระกูลสูงส่งก็จริง แต่พวกเราก็มีขีดจำกัดและมีหลักการ การกลั่นแกล้งผู้คนนั้นเคยเกิดขึ้น พวกผมก็ใช้กฎบ้านทำการลงโทษ ไม่มีเมตตา พวกผมจะทำเรื่องที่รู้ว่าผิดได้ยังไง นี่มันจะเป็นการนำพาตระกูลโจวของพวกผมไปถึงจุดสิ้นสุดไม่ใช่หรือไงครับ?”
โจวปินคางจ้องฟางเหยียน ไม่พูดอะไร สิ่งที่ควรพูดเขาก็พูดหมดแล้ว ที่เหลือก็รอจอมพลสั่งการ
ฟางเหยียนกำลังจะพูด ชิงตี้กลับยิ้มเยาะและเอ่ยปาก
“เจ้าตระกูลโจวอยากใช้คำพูดพวกนี้พลิกวิกฤติหรอคะ?”
คนที่สามารถมาพร้อมกับจอมพลได้ ฐานะตำแหน่งจะต้องไม่ต่ำแน่ ดังนั้นโจวปินคางจึงพูดอย่างเคารพว่า “ในโลกนี้มีความมืดก็ต้องมีความสว่าง ความยุติธรรมอยู่ในใจคน คนฉลาดไม่เชื่อข่าวลือครับ”
ชิงตี้ยิ้มเยาะ “พูดได้ดีคนฉลาดไม่เชื่อข่าวลือ พลิกเหตุการณ์แบบนี้ เป็นการกระทำของตระกูลโจวงั้นหรอ?”
คำพูดนี้พูดออกไป องศาภายในห้องรับแขกก็ลดลงอย่างกะทันหัน
บรรยากาศกลายเป็นน่าอึดอัดขึ้น!
โจวปินคางไม่สั่นสะท้านและยิ้มออกมา “คุณผู้หญิง คำพูดของคุณนี้ออกจะสรุปมั่นใจไปหน่อยมั้งครับ ตระกูลโจวของผมแสดงออกถึงความซื่อสัตย์ไปแล้ว ทำการพลิกเหตุการณ์ที่ไหนกันละครับ?”
“ตระกูลโจวกับองค์กรสัตว์เพลิงมีการติดต่อกันต้องไม่ใช่การเอิกเกริก แต่กลับกันต้องดำเนินการอย่างเงียบเชียบ นายคิดว่าคำพูดนี้ของนายใครจะเชื่อ? ถ้าหากว่าฉันไม่มีหลักฐานที่ชัดเจน จะมาถึงบ้านตระกูลโจวได้ยังไง?”
โจวปินคางดวงตาแข็งทื่อ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงไม่ยอมเลย แล้วท่าทางยังแข็งกร้าวไม่อ่อนข้อเลยสักนิดแม้จะเป็นคนข้างกายของจอมพล ก็ไม่ควรไร้มารยาทขนาดนี้หรอกนะ? โดยเฉพาะท่าทางที่กำชัยชนะที่จะล้มตระกูลโจวแบบนั้น นี่ทำให้โจวปินคางงุนงง และอดไม่ได้ที่จะมองไปทางฟางเหยียน
“ไม่ทราบว่าคุณคือ?”
“ฉันมาจากองค์กรสัตว์เพลิง!”
“อะไรนะ!” โจวปินคางร้องอุทาน ในสายตามีความแปลกใจเพิ่มเข้ามา เขาเข้าใจในทันที ก็ว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงได้มีท่าทางว่าจะชนะเขาอย่างนั้น ที่แท้เธอก็คือองค์กรสัตว์เพลิง!
แต่!
อีกคำถามหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในสมอง เธอเป็นองค์กรสัตว์เพลิง แล้วทำไมเธอถึงตามติดอยู่กับจอมพลละ
โจวปินคางไม่กล้าถามออกไปอย่างสงสัยอะไรแล้ว และพยายามเก็บกดความตกใจเอาไว้ พูดว่า “ก็ว่า ขอโทษด้วยที่กระผมทำผิดใส่”
“ตอนนี้ ไม่มีอะไรจะพูดแล้วหรอ?”
โจวปินคางพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “สาวน้อย ไม่ใช่ว่าไม่มีอะไรจะพูด การกระทำของตระกูลโจวไม่ละอายต่อมโนธรรม และยิ่งไม่ละอายใจต่อจิตใจตัวเอง ไม่ได้ทำผิดก็ไม่กลัวอะไร ทำไมผมจะไม่มีอะไรจะพูดแล้วละครับ?”
ฟางเหยียนที่ไม่ได้พูดอะไรมาตลอดเอ่ยปากขึ้น ก็ทำเอาสีหน้าของโจวปินคางตกใจอย่างหนัก อ้าปากพะงาบแต่ก็พูดอะไรไม่ออกสักคำ
“คุณสามารถเป็นตัวแทนตระกูลโจวได้ แล้วสามารถเป็นตัวแทนเฒ่าประหลาดของตระกูลโจวได้มั้ย?”