ระดับความลึกลับของที่นี่ ช่างน่ากลัวจนไม่มีที่ใดเทียบได้
เมื่อเข้ามาในกระท่อม ภายในกระท่อมมืดสนิท ไร้ซึ่งสิ่งที่จะใช้ส่องแสงสว่างใดๆ ยิ่งไปกว่านั้นคือไร้ซึ่งอุปกรณ์ไฟฟ้า แม้แต่เทียนของศาลบรรพบุรุษก็ไม่มี
ทุกสรรพสิ่งของโลกปัจจุบันล้วนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับที่นี่โดยสิ้นเชิง ราวกับเป็นโลกที่ปลีกตัวออกมาอยู่อีกโลกหนึ่งอย่างไรอย่างนั้น
เขามองเห็นชายชราผมสีขาว ผิวมีรอยเหี่ยวย่นท่านหนึ่ง ซึ่งกำลังหันหลังให้กับประตูทางเข้า อีกทั้งบนลำตัวของเขาก็ยังมีเถาวัลย์พันอยู่ทั่วร่างกาย มองดูคล้ายกับไม่ได้ขยับร่างกายมานานแล้ว ราวกับคนที่กำเนิดขึ้นในต้นไม้อย่างไรอย่างนั้น!
มองดูแล้ว ราวกับว่าเฒ่าประหลาดไม่ได้ออกไปภายนอกเป็นเวลาเนิ่นนาน จึงส่งผลให้บนร่างกายเต็มไปด้วยเถาวัลย์เช่นนี้ บัดนี้เขาเข้าใจแล้วว่าเหตุใดเฒ่าประหลาดจึงบอกว่าเขาไม่สามารถที่จะออกมาต้อนรับได้ ที่แท้ก็ถูกเถาวัลย์พันยึดร่างเอาไว้
เฒ่าประหลาดตระกูลโจวแห่งดินแดนตะวันตกที่หันหลังให้ อยู่ๆ ก็กลับหลังหันมา พร้อมเอ่ยว่า: “จอมพล ต้องขออภัยอย่างยิ่ง กระท่อมเรียบง่ายไปหน่อย มีอุปสรรคมากมายหลากหลาย ทำให้จอมพลต้องขำแล้ว”
ภายใต้ผมอันขาวโพลน ซ่อนใบหน้าของชายชราที่ราวกับใบไม้ที่แห้งเหี่ยวเอาไว้ ผิวหนังอันแห้งเหือดไร้ซึ่งสีสันของเลือดฝาด ราวกับร่างศพที่ถูกลมพัดจนแห้งเหือด โดยเฉพาะท่าทางที่นั่งขัดสมาธิ ปิดตาสองข้างลง ราวกับพระที่มีสมณะศักดิ์สูงที่กำลังจะนั่งสมาธิจนสิ้นชีพไปอย่างไรอย่างนั้น
ฟางเหยียนไม่ชอบใจกับท่าทางอันสูงศักดิ์ของชายผู้นี้ จึงได้เอ่ยขึ้นอย่างเย็นชายิ่ง “คุณน่ะเหรอเฒ่าประหลาดแห่งตระกูลโจวในดินแดนตะวันตกที่ชื่อเสียงอำนาจกระฉ่อนน่ะ?”
“ผมนี่แหละ”
“คุณคบค้าสมาคมกับเพลงเสวนเพื่ออะไร?”
“ฮ่าฮ่าฮ่า…” ทันใดนั้นเองเฒ่าประหลาดก็หัวเราะขึ้นเสียงดัง: “จอมพลนี่ช่างตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมจริงๆ เลยนะ”
ฟางเหยียนเอ่ย น้ำเสียงราบเรียบ: “ทำไม? ไม่กล้าพูดงั้นเหรอ?”
“ได้ยินมาว่าฝีมือของจอมพลแข็งแกร่งกว่าใครอื่น ผมอยากจะอาจหาญขอให้ท่านช่วยชี้แนะให้สักอย่างสองอย่างหน่อย จอมพลได้โปรดทำให้ความปรารถนานี้เป็นจริงด้วยเถิด”
ฟางเหยียนหรี่ตาลง เจ้าหมอนี่ช่างเป็นคนที่ไม่สู้รบกันก่อน ก็จะไม่เอ่ยเรื่องอื่นโดยแท้จริง โจวปินคางพูดไว้ไม่มีผิด เจ้าคนผู้นี้ น่าจะเป็นผู้บ้าคลั่งในวรยุทธอย่างแท้จริง ทว่าคนอย่างฟางเหยียนจะไปเกรงกลัวต่อคำข่มขู่ได้อย่างไร?
“ฝีมือของฉันมีไว้ฆ่าคนเท่านั้น ไม่ได้มีไว้อวดอ้าง!”
ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ไม่ถอยให้แม้แต่ก้าวเดียว!
ขณะที่เอ่ยประโยคนี้ ร่างของฟางเหยียนก็มีคลื่นพลังอันแข็งกล้าแผ่ซ่านออกมาในทันใด เต็มไปด้วยแรงอำมหิต เฒ่าประหลาดขมวดคิ้วเล็กน้อย จากนั้นจึงยิ้มขึ้นเจื่อนๆ : “พลังอำมหิตเหนือผู้ใด ทำให้ผู้คนต้องตกตะลึง อำนาจของจอมพล ไร้เทียมทานในโลกนี้”
“ตอนนี้จะบอกได้หรือยัง?”
เฒ่าประหลาดเงียบไปชั่วขณะ เอ่ยว่า: “จอมพล ท่านให้ผมบอกอะไรเหรอ?”
“ดีมาก!” ฟางเหยียนขยับร่างกาย พุ่งเข้าใส่เฒ่าประหลาดทันที
เฒ่าประหลาดชูฝ่ามือขึ้นมาด้วยสีหน้าที่ไร้การเปลี่ยนแปลง ทั้งสองคนปะทะกัน หมัดกระทบเนื้อ เกิดเป็นเสียงดังสนั่นเสียดแก้วหู กระท่อมทั้งหลังสั่นสะเทือนตามมา ใบไม้ก็ร่วงหล่นตามมาเช่นกัน
หลังจากการปะทะหนึ่งครั้ง มุมปากของเฒ่าประหลาดก็เผยรอยยิ้มข่มขื่นขึ้นมา การปะทะเมื่อครู่นี้ เขาได้พ่ายแพ้ให้กับพละกำลังเขาแล้ว
“จอมพล ผมพำนักอยู่สถานที่แห่งนี้มาสองร้อยกว่าปี ไม่เคยออกไปไหนเลยแม้แต่ก้าวเดียว จอมพลคือผู้กล้าในฝูงชน เป็นคนโปรดของสวรรค์ อายุยังน้อยอยู่แท้ๆ ก็ยังแตกฉานเรื่องศาสตร์และศิลป์ได้ถึงเพียงนี้ ช่างเป็นเกียรติของประเทศหวาเสียจริง ประเทศหวามีท่านอยู่ ไม่มีผู้ใดกล้าล่วงล้ำเข้ามาโดยพลการ”
ฟางเหยียนขมวดคิ้วเข้าหากัน เฒ่าประหลาดปฏิเสธโดยตรงว่าเขาไม่ได้คบค้าสมาคมกับเพลงเสวนเช่นนั้นหรือ?
แถมยังเป็นผู้ที่มีชีวิตอยู่แล้วหลายร้อยปีอย่างนั้นหรือ!
หรือว่าจะเหมือนกับเต๋ายอดเซียนที่เป็นผู้บำเพ็ญตบะ!
เฒ่าประหลาดแค่นหัวเราะ: “ทำไมหรือ? ดูจากความหมายของจอมพล คงคิดว่าผมกำลังโกหกอยู่สินะ?”
“สำหรับคำพูดของคุณ ผมสงสัยมาก”
“ก็จริง แค่พึ่งการพูดพร่ำด้วยปากเฉยๆ ก็จะสามารถชำระล้างให้ไร้มลทินได้ มันช่างฝืนใจเกินไป ตระกูลโจวของผมเมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว ยังไม่เคยทำเรื่องชั่วช้า ที่ส่งผลเสียต่อประเทศ หรือกับประชาชนมาก่อน เมื่อยืนอยู่ที่สูง ก็แน่นอนว่าต้องมีคนที่ด้อยกว่ามาหาเรื่องเป็นปกติ สำหรับผมนั้นไม่ได้ทำผิดต่อใครทั้งนั้น ไม่ได้ทำผิดต่อความปลอดภัยของประเทศหวา ไม่ได้ทำผิดต่อประชาชน และยิ่งไปกว่านั้นคือ ไม่ได้ทำผิดต่อจอมพลโผ้จวิน”
เมื่อยืนอยู่ที่สูง แน่นอนว่าต้องมีคนที่ด้อยกว่ามาหาเรื่อง!
คำพูดนี้ ฟางเหยียนเห็นด้วยเป็นอย่างมาก
การเห็นด้วยก็ส่วนเห็นด้วย ทว่าอย่างไรก็ไม่ยอมรับ เขาไม่อยากจะพูดไร้สาระแล้ว
“คำพูดของคุณกับเจ้าตระกูลโจวไม่ต่างกันเลย ที่แท้คนครอบครัวเดียวกันก็จะอุปนิสัยคล้ายกันจริงๆ คุณทำให้ความอดทนสุดท้ายของผมหมดไปแล้ว เพราะงั้นต่อมา ผมจะลงมือแล้ว”
เฒ่าประหลาดเงียบไปชั่วครู่หนึ่ง เอ่ยว่า: “ผมอยากจะประลองฝีมือกับจอมพลผู้ที่มีชื่อเสียงเรียงนามกระฉ่อนเป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่ได้ต้องการจะประลองโดยสถานะศัตรู แต่เป็นการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน”
ความคิดรอบคอบ สำรวมกายวาจา เป็นศัตรูที่ชาญฉลาดผู้หนึ่ง
เคยประลองฝีมือกันก่อนหน้านี้แล้ว เฒ่าประหลาดเองก็ชัดเจนเรื่องพละกำลังของจอมพลดี จอมพลอายุยังน้อย แต่กลับทำให้เขามองไม่ทะลุ ช่างลึกลับยากที่จะคาดเดาเสียจริง แม้แต่เฒ่าประหลาดอย่างเขาที่มีชีวิตอยู่หลายร้อยปี ก็ยังต้องสีหน้าถอดสีเมื่ออยู่ต่อหน้าเขาเลย โดยเฉพาะพละกำลังของเขา มีความลึกลับอยู่เสมอ สองครั้งที่ปะทะกัน ทำให้เฒ่าประหลาดเข้าใจหลักการหนึ่ง เขาไม่สามารถที่จะเทียบกับความรุ่งโรจน์ของบุคคลแห่งประเทศหวาท่านนี้ได้เลย
เมื่อนึกถึงว่า คนคนหนึ่งที่มีชีวิตอยู่หลายร้อยปี กลับไม่สามารถเทียบเท่าคนหนุ่มผู้หนึ่งได้เลย แค่คิดดูภายในใจก็รู้สึกถึงความแตกต่างอยู่ หากทำให้เฒ่าประหลาดทราบว่า พละกำลังของจอมพลกลับไม่ได้ฟื้นตัวสู่ยุครุ่งโรจน์ เกรงว่าเขาคงต้องโกรธจัดแทบแย่เป็นแน่
เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่อยากที่จะเคียดแค้นกันต่อไป บอกสิ่งที่รู้ไปจนหมดจะเป็นการดี บางทีอาจจะทำให้สถานการณ์อันย่ำแย่ของพวกเขาคลี่คลายลงก็เป็นได้
“จอมพล ผมไม่อยากเป็นศัตรูกับท่าน และไม่อยากที่จะต่อสู้กับฝ่ายตัวเอง ผมแค่ต้องการสถานที่เล็กๆ ในการพัฒนาตระกูลโจวอย่างสงบเท่านั้น ไม่ให้ตระกูลโจวต้องตกอยู่ในกับดักของเพลิงเสวน จริงๆ แล้ว เมื่อก่อนเพลงเสวนเคยมาหาผมจริงๆ แถมยังมอบเงื่อนไขที่มากมายจนไม่สามารถปฏิเสธได้ แต่ว่าผลลัพธ์สุดท้ายกลับเป็น ผมปฏิเสธเพลิงเสวนอย่างเด็ดขาด ปฏิเสธคำร้องขอให้เข้าร่วมกับพวกเขา”
“เพราะว่าผมเป็นส่วนหนึ่งของประเทศหวา ผมมุ่งมั่นว่าจะไม่มีทางทำเรื่องที่ส่งผลกระทบที่ย่ำแย่ต่อประเทศหวาอย่างเด็ดขาด ยิ่งไปกว่านั้น ไม่อยากกลายเป็นทาสรับใช้ให้กับเพลิงเสวน จะพูดให้จอมพลฟังโดยไม่ปิดบัง คนจากเพลิงเสวนที่รับผิดชอบมาพูดโน้มน้าวในตอนนั้น ถูกผมฆ่าทิ้งทันที และพวกเขาก็จงใจปล่อยข่าวออกไป เดาไม่ยากเลย พวกเขาก็แค่ต้องการที่จะใช้แรงของจอมพลมากำจัดผม”
“จอมพล นี่ก็คือความจริงของเรื่องราว ผมพูดจบแล้ว จอมพลโปรดไตร่ตรองด้วย”
ฟางเหยียนที่หมายจะลงมือได้หยุดการกระทำลง เขาไม่ใช้คนที่ไม่ฟังความคนอื่นเลยแต่อย่างใด ตรงกันข้าม เขาเป็นผู้ที่รับฟังจากใจจริง ตั้งแต่ที่เข้าสู่ตระกูลโจว ทุกอย่างราวกับเป็นสิ่งจอมปลอมอย่างไรอย่างนั้น
หรือว่าชิงตี้จะถูกหลอกใช้?
เป็นไปไม่ได้!
ชิงตี้มาบอกข่าวนี้ด้วยตัวเอง เป็นไปไม่ได้ที่จะถูกหลอกใช้ แต่เธอคือคนของเพลงเสวน เป็นเรื่องที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว ในนี้มีเรื่องอะไรที่เขาไม่รู้กันแน่?
ฟางเหยียนคาดเดาไม่ออก และไม่อยากจะไปคิดเล็กคิดน้อยด้วย สิ่งที่เขาต้องทำก็คือการยืนยันครั้งสุดท้าย
“ท่าทางสุขุมนี้ อันที่จริงก็เป็นสิ่งที่ผู้ที่มีชีวิตหลายร้อยปีควรจะมีจริงๆ แต่ถ้าปล่อยคุณไปแบบนี้ เหมือนว่าจะแลดูถูกผมเกินไปแล้วหรือเปล่า?”
เฒ่าประหลาดแค่นหัวเราะ: “จอมพลไม่เลือกที่จะเชื่อผมอยู่ดี? งั้นก็เอาเถอะ เรื่องแบบนี้ไม่ว่าจะเป็นใครก็คงเลือกที่จะไม่เชื่อทั้งนั้น โดยเฉพาะแม่สาวน้อยที่มาพร้อมกันกับคุณ ได้ยินว่าเป็นคนของเพลิงเสวนนี่”
“นับตั้งแต่สองร้อยปีก่อนที่เข้ามาที่นี่ ผมก็ไม่มีความคิดที่จะต่อสู้ใดๆ แล้ว” เอ่ยถึงตอนนี้ เฒ่าประหลาดจึงกล่าวเยาะเย้ยตนเอง: “ชีวิตล้วนต้องมีจุดสิ้นสุด ไม่มีผู้ใดเป็นนิจนิรันดร์ นินจาก็เป็นคนเหมือนกัน ก็ต้องมีวันที่สิ้นอายุขัยเช่นเดียวกัน และหากวิทยายุทธ์ไม่สามารถที่จะก้าวหน้าไปได้ สิ่งที่รอพวกเราก็คงต้องเป็นการรอความตายเท่านั้น”
“เนื่องจากสถานะของนินจา พวกเราจึงมีชีวิตอยู่นานกว่าคนทั่วไปเป็นระยะหนึ่ง ทว่าวรยุทธ์ เดิมทีก็เป็นสิ่งที่โดดเดี่ยวและเหงาหงอยมาแต่ไหนแต่ไร ทั้งชีวิตนี้ผมหยุดอยู่ที่ระดับต้าชี่ชั้นยอด ไม่สามารถล้ำเส้นระดับปรมาจารย์ได้ เหลือเส้นทางการรอดชีวิตไม่กี่ปีแล้ว มนุษย์จำต้องตาย คนใกล้ตายจะพูดความจริงจากใจ ชีวิตในที่สุดต้องดับไป ทำดีได้ดีทำชั่วได้ชั่ว ไม่เชื่อก็ลองเงยหน้าดู ว่าสรวงสวรรค์เคยปล่อยใครลอยนวลบ้าง!”
ฟางเหยียนนิ่งเงียบไป ชีวิตคนเราทั้งแข็งแกร่งและทั้งอ่อนแอ
เขาเลือกที่จะเชื่อเฒ่าประหลาด หันหลังเดินจากไป
ขณะที่เดินออกไปจากกระท่อมต้นไม้ เสียงของเฒ่าประหลาดก็ดังขึ้นมา: “จอมพล ถ้ามีอะไรให้ผมช่วย ก็เรียกผมได้ทุกเมื่อ ผมคงไปส่งไม่ได้แล้ว จอมพลให้อภัยด้วย”
การต่อสู้มาพร้อมกับการสละเลือดเนื้อ หลายคนคลั่งไคล้หลงใหลอยู่กับการต่อสู้เพื่อแสดงพลังอำนาจ ทว่าสุดท้ายก็ต้องกลายเป็นของพลีชีพให้กับการต่อสู้
สิ่งที่เฒ่าประหลาดปรารถนาไม่ใช่พลังอำนาจ แต่เป็นการที่วรยุทธ์สามารถก้าวหน้าได้อีกขั้น สำหรับคนที่คลั่งไคล้จนโงหัวไม่ขึ้นเช่นนี้ เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องโกหก ยิ่งไม่มีความจำเป็นต้องกลายเป็นนักโทษของประเทศ ไม่เช่นนั้นเขาคงไม่โหดร้ายกับตัวเองขนาดนี้ ความแน่วแน่ฝังรากมั่นคง บำเพ็ญตบะจิตใจผ่องใส นี่ถึงจะเป็นท่าทีที่นินจาพึงมี
“จำคำพูดที่คุณพูดในวันนี้เอาไว้นะ ไม่ได้ทำผิดต่อใครทั้งนั้น!”