แน่นอนว่า การมาครั้งนี้ก็ไม่ได้สูญเปล่า อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าใครเป็นคนทำให้เกิดเรื่องทั้งหมด และชื่อเสวียนเจิ้นนี้ ฟางเหยียนได้จำฝังใจแล้ว ส่วนเรื่องพละกำลังของเขา ฟางเหยียนไม่คิดว่าเป็นเช่นนั้น เพราะในกระดาษเหลืองไม่ได้จดบันทึกการต่อสู้จริง ๆ ของเสวียนเจิ้นเอาไว้ ดังนั้นเขาจึงยังสงสัยในจุดนี้
อันดับแรกไม่พูดถึงเรื่องพละกำลังของเสวียนเจิ้นก่อน ต้องมีคนใหญ่คนโตที่ฉลาดหลักแหลมอยู่เบื้องหลังของเขาแน่นอน สาขาใหญ่ทั้งสี่แห่งที่อยู่ด้านล่าง ถูกเขาจัดการติดต่อกันอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าจนตกอยู่ในเงื้อมมือเขาแล้ว โดยเฉพาะสาขาเหลือง ที่ค่อนข้างกระตือรือร้น ส่วนอีกสามสาขาที่เหลือ ไม่ว่าจะเป็นจำนวนคนหรือกองกำลัง ล้วนยังมีความน่ากลัวหลงเหลืออยู่
จากพละกำลังของเขาในตอนนี้ที่มีเพียงเจ็ดระดับ ไม่สามารถตอบโต้กับหมาจนตรอกอย่างเพลิงเสวนได้ในทันที
หลังจากชั่งน้ำหนักของข้อดีข้อเสียแล้ว ฟางเหยียนจึงมีแผนในใจ
“สถานการณ์ของเพลิงเสวน แกสามารถจำกัดและควบคุมได้?”
เขารักษาชีวิตเอาไว้ได้แล้ว!
เสวียนเย่มองไปที่ฟางเหยียน ระหว่างคิ้วมีความตื่นเต้นเผยอยู่ตรงนั้น เขารีบพยักหน้าแล้วเอ่ยพูด : “จอมพลครับ หากยังมีผมเสวียนเย่อยู่ เสวียนเจิ้นก็ไม่กล้าทำอะไรบุ่มบ่าม ถ้าแม้จำนวนคนของผมไม่เป็นที่ได้เปรียบ และไม่มีกำลังมากมายเหมือนมัน แต่ผมต่างหากที่ได้รับเลือกให้เป็นนายน้อย”
“จอมพลครับ ขออภัยที่ผมทำได้แค่แอบยกย่องให้คุณเป็นเจ้านาย เสวียนเจิ้นเป็นคนชั่วที่ต้องถูกล้างแค้น หากรู้ว่าผมเป็นคนทรยศหักหลังบรรพบุรุษ มันจะจัดการผมก่อนแล้วค่อยรายงานเรื่องนี้ ซึ่งจะทำให้แผนการของพวกเราล้มเหลวไม่เป็นท่า คุณไม่ต้องกังวลไปครับ การติดต่อระหว่างพวกเรายังคงเป็นชิงตี้เหมือนเดิม จุดนี้คุณสามารถวางใจได้ จริงสิ ผมจะควบคุมดูแลคนในอาณัติของผม ไม่ให้เกิดเสียงต่อต้านอีกเป็นอันขาดครับ”
ชิงตี้พยักหน้าเล็กน้อย
เทียนขุยไม่ใช่คนที่ไม่สนใจสถานการณ์โดยรวม ถึงแม้อยากฆ่าพวกคนชั่วของเพลิงเสวนมากแค่ไหน แต่เพื่อส่วนรวม เขาสามารถวางความแค้นไว้ก่อนชั่วคราว
ฟางเหยียนพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก็เอ่ยว่า : “เสวียนเย่ ฉันหวังว่าแกจะจำคำที่แกพูดทั้งหมดในวันนี้ได้ ถ้าฉันจะฆ่าแกก็ทำได้แค่พลิกฝ่ามือ เข้าใจไหม?”
สำหรับคนแบบนี้ การวิจารณ์และลงโทษเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
“จอมพลวางใจได้เลยครับ ผมแค่อยากกำจัดเสวียนเจิ้น ไม่มีจุดประสงค์อื่นแอบแฝง”
“แกเอาพวกนินจาและตระกูลที่หัวดื้อให้เทียนขุย”
เสวียนเย่รู้สึกโล่งใจทันที เทียนขุยสามารถออกหน้าแทนได้ ทำให้ช่วยลดปัญหาของเสวียนเย่ลงไปได้มากเลยทีเดียว อย่างน้อยก็ไม่เป็นที่สนใจของเสวียนเจิ้น แบบนี้ถึงทำให้เสวียนเย่แอบซ่อนอยู่ในที่มืดต่อไปได้
เสวียนเย่เป็นคนฉลาด ถึงแม้ไม่ได้ปฏิบัติตามกฎระเบียบที่ถูกต้อง หลีกหนีจากการควบคุมของเขา ด้านหนึ่งคือร่วมมือกันอย่างเท่าเทียม อีกด้านหนึ่งกลับปฏิบัติตัวด้วยความเคารพยำเกรง แต่ผลที่ได้ก็เหมือนกัน หากรู้สึกเจ็บใจก็ทำได้แค่เก็บซ่อนไว้ในใจ แต่ถ้าเขาคิดไม่ซื่อขึ้นมา สิ่งที่รอเขาอยู่ก็คือความตาย!
“จอมพลเชิญดื่มชาครับ” เสวียนเย่เดินไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ยื่นชาให้ด้วยสองมือ จากนั้นส่งสัญญาณให้ชิงตี้ “ไปเอาของที่เพลิงเสวนจดบันทึกไว้ทั้งหมดออกมา ให้จอมพลอ่าน”
ชิงตี้เดินออกไป เมื่อปรากฏตัวอีกครั้ง ในมือได้ถือกระดาษสีเหลืองปึกใหญ่มาด้วย
“จอมพลครับ ขออภัยที่ผมขีดตำแหน่งที่ตั้งของสำนักงานใหญ่เพลิงเสวนทิ้งไป ข้อมูลทั้งหมดของเพลิงเสวนอยู่ที่นี่ครับ รวมถึงรายชื่อสมาชิกและการแนะนำกองกำลังทั้งหมด”
เห็นได้ชัดว่า เสวียนเย่ยังเก็บข้อมูลสำคัญเอาไว้
แต่ไม่สำคัญอะไรแล้ว ข้อมูลชุดนี้ได้ชี้ทางสว่างให้กับฟางเหยียนแล้ว เพลิงเสวนในตอนนี้ไม่ได้ล่องหนอีกต่อไปแล้ว!
ติดตามเพลิงเสวนมาตั้งนาน ในที่สุดก็ได้รู้จักจริง ๆ สักที!
แต่เพิ่งเปิดดูไม่กี่หน้า ฟางเหยียนก็หน้านิ่วคิ้วขมวดมากขึ้นเรื่อย ๆ กองกำลังไม่ธรรมดาเป็นเหมือนอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด!
เสวียนเย่ยืนอยู่ด้านข้าง มองไปยังสิบหกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ แล้วเอ่ยเสียงราบเรียบว่า : “ตอนนี้ พวกนายทั้งสิบหกคนมีชิงตี้เป็นคนแบ่งสรรโยกย้าย เข้าใจไหม?”
ชิงตี้ขมวดคิ้วเรียวสวย ดูเหมือนเธอเข้าใจสิ่งที่นายน้อยทำแล้ว เหตุผลน่ะเหรอ ง่ายมาก ดูเหมือนยกคนเหล่านี้ให้กับชิงตี้ แต่ความเป็นจริงคืออยากใช้ชิงตี้มาเบี่ยงเบนความสนใจของฟางเหยียน ยังไงซะรูปร่างหน้าตาของเธอก็เป็นที่ประจักษ์กันอยู่แล้ว
เธอฝืนยิ้มออกมา ฟางเหยียนไม่สนใจเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ และไม่ใช่ผู้ชายที่เลือกปฏิบัติ สาวงามข้างกายเขามีมากมายนับไม่ถ้วน คุณดูสิว่าเขาหลงใหลในความงามเมื่อไหร่กัน?
แผนการของเสวียนเย่เกรงว่าจะล้มเหลวอีกแล้ว!
ชิงตี้พิจารณาตัวเอง หน้าตาสวยงามไม่เป็นรองใคร รูปร่างงดงามอ่อนช้อย เป็นผู้หญิงที่สวยงามมากทีเดียว แต่ในสายตาเขา ราวกับเป็นแค่ผู้หญิงที่ดีแต่แต่งหน้าแต่งตัวไปวัน ๆ ไม่มีประโยชน์อะไร แม้แต่ความสนใจสักเล็กน้อยก็ไม่มี!
บางครั้งเธอก็คิดว่า ฟางเหยียนไม่ใช่ผู้ชาย! คนที่อยากจีบชิงตี้มีตั้งมากมาย ไม่หลงใหลในหน้าตา ก็หลงใหลในรูปร่างของเธอ แต่ฟางเหยียนกลับไม่สนใจรูปร่างหน้าตาเลยสักนิด ต่อให้ส่งตัวชิงตี้ไปให้ถึงหน้าประตู ฟางเหยียนก็คงวางมาดเป็นสุภาพบุรุษผู้มีจิตใจคงมั่นไม่หวั่นไหว ไม่มีความคิดจะสนใจเธอแม้แต่น้อย
ขณะที่กำลังคิดอยู่ จู่ ๆ ชิงตี้ก็ตาเป็นประกายขึ้นมา ก่อนหน้านี้ที่เข้าใกล้ฟางเหยียนเพราะมีจุดประสงค์แตกต่างกันออกไป ตอนนี้เธอเหมือนกลายเป็นคนล่องหนจริง ๆ แล้ว ไม่มีอะไรให้น่าสนใจ เธอไม่ต้องแบกรับภาระอะไรอีก ส่วนฟางเหยียนจะปล่อยวางทุกอย่างได้ไหม ใครก็บอกไม่ได้ทั้งนั้น!
จะดูถูกตัวเองต่อไปไม่ได้แล้ว เธอยังมีเสน่ห์ดึงดูดใจ!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เธอก็รู้สึกว่าตัวเองยังคงมีหวังขึ้นมาทันที อย่างน้อยนายน้อยเสวียนเย่ก็ดูอายุยังไม่มากเท่าไหร่ แต่เป็นคนมีกลอุบายคิดอะไรรอบคอบ หรือว่าตอนที่เขาตัดสินใจแบบนี้ ได้คิดเรื่องพวกนี้เอาไว้แล้ว!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าเสวียนเย่น่ากลัวจริง ๆ ไม่เพียงแต่แค่พละกำลัง แต่ด้านสติปัญญาด้วย เป็นรองก็แค่ฟางเหยียนเท่านั้น!
ยังดี ที่คนแบบนี้ มีใจนึกถึงเพลิงเสวน ไม่มีความคิดอื่นแอบแฝง ไม่อย่างนั้นล่ะก็……
เธอไม่กล้าคิดต่อไปแล้ว ยิ่งคิดก็ยิ่งน่าหวั่นใจ ด้านหลังยิ่งมีเหงื่อตก!
หลังจากจัดการเรื่องพวกนี้เสร็จแล้ว เสวียนเย่ได้เอ่ยด้วยความเคารพยำเกรง : “ไม่ทราบว่าจอมพลมีอะไรที่ไม่เห็นด้วยกับแผนการของผมไหมครับ?”
ฟางเหยียนกวาดตามองแวบหนึ่ง เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าที่เสวียนเย่ทำหมายความว่าอะไร คิดจะใช้แผนสาวงามกับเขาน่ะเหรอ? นี่ล้อเล่นกันใช่ไหม?
“เสวียนเย่ อย่าทำเรื่องที่ไร้สาระพวกนี้เลย สิ่งที่แกต้องทำคือจัดการกับเสวียนเจิ้น ทางที่ดีควรจัดการกองกำลังของพวกมันทีละคน ไม่ใช่ใช้ผู้หญิงมาเอาใจฉัน ฉันไม่ขาดแคลนผู้หญิง”
เสวียนเย่ยิ้มอย่างกระอักกระอ่วน “จอมพลพูดถูกครับ ผมผิดไปแล้ว”
เทียนขุยแสยะยิ้มแล้วเอ่ยพูด : “ไอ้หนุ่ม เลียแข้งเลียขาจนเลียไปถึงเท้าแล้วมั้ง? จอมพลโผ้จวินไม่ใช่คนที่หลงเสน่ห์ผู้หญิงหรอกนะ คราวหน้าเวลาจะประจบประแจง ก็ดูให้มันดีก่อน จะได้ไม่ต้องขายหน้า”
เสวียนเย่ลูบจมูกอย่างเขินอาย : “พี่ชายพูดถูกครับ พูดถูกต้อง”
“เอาล่ะ ให้คนที่อยู่ด้านนอกแยกย้ายได้แล้ว จะได้ไม่ต้องถูกฉันฆ่าทิ้งอีก”
เสวียนเย่มองไปที่ชิงตี้ ชิงตี้พยักหน้าแล้วเดินออกไปจากห้องโถงจงรักภักดีเพื่อให้คนที่เหลือสามร้อยกว่าคนแยกย้ายไป
วิกฤตอันตรายนี้ได้คลี่คลายลงแล้ว เมื่อทุกคนได้รู้ความจริงต่างรู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก มีชีวิตอยู่ต่อไปสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด
อ่านพวกนี้จบ ฟางเหยียนก็ยิ่งขมวดคิ้วหนักขึ้น เพลิงเสวนตอนนี้ไม่สามารถตีให้แตกพ่ายได้ง่าย ๆ เหมือนอย่างที่เสวียนเย่พูดไว้ ถ้าหากไม่มีคนควบคุมเสวียนเจิ้นเอาไว้ จะเกิดการตอบโต้อย่างหนัก จะทำให้ประชาชนใช้ชีวิตกันอย่างยากลำบาก เดือดร้อนไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
หากเป็นเช่นนี้ฟางเหยียนก็จะกลายเป็นคนบาปขึ้นมาจริง ๆ
หลังจากอ่านจบ เขายังคงไม่รู้ว่าจุดประสงค์ที่แท้จริงของเสวียนเจิ้นคืออะไรกันแน่
ตามหลักแล้วหากเขาได้ครอบครองเพลิงเสวนทั้งองค์กร เขาก็จะกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่เหนือคนนับหมื่นคน เป็นรองเพียงจ้าวขุมนรกคนเดียวเท่านั้น สิ่งที่เขาต้องการคืออะไรกันแน่?
“เสวียนเย่ จำไว้นะ ห้ามแหวกหญ้าให้งูตื่นเด็ดขาด เข้าใจไหม?”
เสวียนเย่พยักหน้า : “จอมพลวางใจได้เลยครับ เสวียนเจิ้นไม่กล้าลงมือกับผมซึ่ง ๆ หน้า อย่างน้อยหากยังมีผมอยู่ มันก็ไม่กล้าทำเรื่องแตกหักหรอกครับ ต่อไปต้องพึ่งพาจอมพลด้วยนะครับ”
ฟางเหยียนไม่ได้ตอบอะไร แต่หันหน้าไปมองเทียนขุย : “ไปกันเถอะ เทียนขุย”
เสวียนเย่ชะงักไปครู่หนึ่ง แล้วรีบพูดโน้มน้าว : “จอมพลครับ คุณอยู่ที่นี่ต่อสักกี่วันเถอะครับ ให้ผมได้ทำหน้าที่เจ้าบ้านอย่างดีที่สุด”
ฟางเหยียนเอ่ยเสียงราบเรียบ : “อย่าทำอะไรไร้ประโยชน์พวกนี้เลย ทำเรื่องที่ควรทำดีกว่า ถึงจะเป็นหน้าที่ของเจ้าบ้านอย่างดีที่สุด”
เสวียนรู้สึกเขินอายเล็กน้อย เลียแข้งเลียขาจนกลายเป็นเลียเท้าไปอีกแล้ว!
เขาพบว่า ความพ่ายแพ้ของตัวเองไม่ใช่เรื่องบังเอิญ ประจบประแจง ยกยอปอปั้นต่อหน้าจอมพลโผ้จวิน ไม่มีประโยชน์อะไรเลยสักนิด เขาสามารถมีทุกอย่างในวันนี้ได้ มีเพียงคำนี้เท่านี้ คือตั้งใจทำงานให้สอดคล้องกับความเป็นจริง!
ก็จริง เสวียนเย่ไม่ใช่คนที่ชอบประจบประแจงใคร ที่เขาเอาอกเอาใจฟางเหยียน เป็นเพราะตกใจกลัวเขา พูดไม่ถูกใจก็ลงมือจัดการ เด็ดขาดไม่ลังเล ทั้งกล้าหาญและมีกลยุทธ์ ใจกล้าเหนือคนอื่น พละกำลังก็ไม่อาจคาดเดาได้ สำหรับคนแบบนี้ ทำให้เขาลืมความมั่นคงของตัวเอง ไม่มีความมั่นคงสงบนิ่งเลยแม้แต่น้อย ยังไงซะมีชีวิตรอดมาได้ถึงจะเป็นความหวังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด