“ประธานหลิว ในเมื่อไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิด ฉันก็อยากเข้าใจเหตุผลทั้งหมด ว่าตงข่ายกรุ๊ปของเราไปทำอะไรผิดกันแน่?”
“ประธานเย่ช่างเป็นคนพูดตรงไปตรงมาดี แต่ผมอยากจะจะขอถามเสียหน่อย ว่าถ้าสมาคมธุรกิจฟื้นฟูเฟิงลงทุนกับตงข่ายกรุ๊ป ประธานเย่จะได้ประโยชน์อะไร? ตามที่ผมรู้มา ตงข่ายกรุ๊ปเป็นของตระกูลจาง คุณเป็นคนนอก ทำไปเพื่ออะไรกันแน่?”
เย่ชิงหยู่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงก็เย็นชาลง “ประธานหลิว เรื่องนี้ดูเหมือนว่าจะไม่อยู่ในขอบเขตของการคุยงานนะคะ?”
“ฮ่าๆๆ ………” หลิวเฟินหัวเราะ “ประธานเย่นะประธานเย่ ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ ควบคุมดูแลบริษัทใหญ่ขนาดนี้ ต้องประสบผลสำเร็จอยู่แล้ว ผมถือวิสาสะเกินไป ผมก็แค่พูดมากไปหน่อยเท่านั้นแหละครับ อย่าเอาใส่ใจนะ”
เย่ชิงหยู่ก็ไม่พูดอะไรต่อ แล้วก็ดูเอกสารที่หยางเซินเซินทำเครื่องหมายไว้ แล้วพูดว่า “งั้นก็ดีเลยค่ะ ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นพวกเราก็มาเปิดอกหารือกันเรื่องสัญญาที่ยังไม่เรียบร้อยกันดีกว่า ดีไหมคะ?”
หลิวเฟินโบกปัด “ประธานเย่ ตอนนี้เป็นเวลามื้อเย็น คุณไม่หิว แต่พวกผมทนไม่ไหวหรอกครับ เอาอย่างนี้ พวกเรากินไปคุยไปดีไหม?”
ยังไม่ทันรอให้เย่ชิงหยู่ตอบ หลิวเฟินก็ลุกออกไป
หยางเซินเซินก็ตื่นเต้นจนเหงื่อตก เธอมองออก ว่าหลิวเฟินไม่ได้คิดจะเซ็นสัญญาเลยด้วยซ้ำ!
“ประธานเย่พวกเรา”
เย่ชิงหยู่พูดขัดเธอขึ้นมา “เธอบอกเองไม่ใช่หรือว่า ยังไม่ได้ลิ้มลองรสชาติอาหารในโรงแรมเทียนเยว่ที่ตกแต่งใหม่เลยไม่ใช่หรือ? ในเมื่อพวกเรามาแล้ว ถ้าไม่ลองชิมกันหน่อย เดี๋ยวประธานหลิวจะเสียใจเปล่าๆ วันนี้ก็อุตส่าห์เหมาโรงแรมเลยเชียวนะ!”
หยางเซินเซินก็เข้าใจขึ้นมาได้ เย่ชิงหยู่กังวลแต่ไม่กลัว ไม่กลัวหลิวเฟินเลย แต่เธอก็ไม่เข้าใจ ว่าทำไมผู้ชายเอาแต่คิดเรื่องแบบนั้น? โดยเฉพาะพวกที่แต่งตัวทุเรศๆ แต่ยังทำตัวเป็นคนมีคุณธรรม เบื้องหลังไม่รู้ว่าเป็นคนชั่วช้ามากแค่ไหน!
เธอแค้นคนพวกนี้ ดังนั้นเธอเลยไม่ยอมเป็นเลขาให้กับเจ้านายผู้ชาย!
เธอรู้ดี ว่าเย่ชิงหยู่ไม่ใช่คนธรรมดา ก็ด้วยความกล้านี้แหละ ที่ดึงดูดเธอมา เลยทำให้เธอสองคนสนิทกันเหมือนพี่น้อง แต่พอยิ่งเป็นแบบนี้ เธอก็ยิ่งไม่ยอมทนเห็นเย่ชิงหยู่ได้รับอันตราย ต่อให้เย่ชิงหยู่จะเตรียมการไว้แล้ว แต่เธอก็ยังไม่สบายใจ แต่ก็มักจะสังหรณ์ใจไม่ดี
หยางเซินเซินส่ายหัวพูดว่า “ประธานเย่ ฉันว่าพวกเราไปกันเถอะค่ะ จริงๆ นะ ฉันสังหรณ์ใจไม่ค่อยดี”
“อย่าทำให้ตัวเองตกใจสิ มีฉันอยู่นี่ทั้งคน”
วางมาดไว้!
ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน เย่ชิงหยู่ก็จะเผยท่าทางที่ไม่เกรงกลัวสิ่งใดออก ทำให้หยางเซินเซินชื่นชมมาก ราวกับทุกอย่างมันอยู่ในความควบคุมทั้งหมด วางกลยุทธิ์ มีใจกล้าในการทำงาน ขอเพียงมีเย่ชิงหยู่ หยางเซินเซินก็พบว่า ไม่มีปัญหาไหนท่แก้ไม่ได้!
ย้ายโต๊ะกัน แล้วก็นั่งลง หลิวเฟินยังคงนั่งตำแหน่งหลัก แสดงให้เห็นตลอดว่าตำแหน่งของเขาไม่ได้ต่ำ กำลังก็ไม่ได้ด้อย
“ประธานเย่ ได้ยินว่าคุณแต่งงานแล้ว ผมสนใจเหมือนกันว่า สามีของคุณเป็นเศรษฐีใหญ่ที่ไหน?”
หลิวเฟินไม่ได้คิดจะคุยเรื่องงานเลยนะเนี่ย!เอาแต่หลอกถามสถานภาพของเธอในตอนนี้ เกรงว่าจุดประสงค์จะไม่ดี!
เย่ชิงหยู่พูดเสียงเย็นว่า “สามีฉันเป็นทหาร ไม่มีอะไรน่าพูดถึงหรอก เรื่องส่วนตัวแบบนี้ก็ไม่อยากจะให้ประธานหลิวเก็บไปใส่ใจ ดูเหมือนว่าคืนนี้ประธานหลิวจะไม่ได้เอาใจคิดจะมาคุยเรื่องงานกันเลยนะ?”
หลิวเฟินส่ายหัวเล็กน้อย “ประธานเย่ ก็พูดเปิดได้ตรงดีนะ แต่ไม่ค่อยมีเหตุผล ผมเอาความจริงมาคุยเรื่องงาน แต่ว่าไม่ได้กินอะไรเลย จะคุยกันได้อย่างไร? ไม่ดื่มสร้างบรรยากาศกันหน่อย จะคุยกันสนุกได้อย่างไร? แล้วก็ เรื่องงานน่ะคุยแน่นอน แต่ว่ายังต้องรอคนสำคัญอีกคนหนึ่ง!”
ในที่สุดก็เผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมา!
แต่สิ่งที่ทำให้เย่ชิงหยู่ไม่เข้าใจก็คือ หลิวเฟินเป็นคนรับผิดชอบของสมาคมธุรกิจฟื้นฟูเฟิง แล้วยังจะต้องรอใครอีก?
เย่ชิงหยู่ก็ถือโอกาส ถามไปทันที “ไม่ทราบคนนั้น คนที่ประธานหลิวบอกว่าเป็นคนสำคัญ คือใครกันคะ?”
หลิวเฟินไม่ได้อยากจะตอบ แล้วก็พูดไปอย่างนั้นว่า “ประธานเย่ไม่ต้องถามหรอกครับ ถึงตอนนั้นเดี๋ยวก็รู้เอง”
พอกินข้าวไปสองสามคำ หลิวเฟินก็ถามขึ้นมาว่า “เออแล้วก็ ประธานเย่ครับ คุณเป็นคนจินโจว ผมอยากถามหาคนคนหนึ่ง ไม่ทราบว่าจะสะดวกไหม?”
เย่ชิงหยู่พูดเสียงเย็น “ไม่ทราบว่าประธานหลิวจะถามในฐานะไหน ในฐานะเป็นคนรับผิดชอบของสมาคมธุรกิจฟื้นฟูเฟิง หรือว่าส่วนตัว?”
“ประธานเย่หมายความว่าอย่างไร?”
เย่ชิงหยู่ก็มองหลิวเฟิน แล้วพูดนิ่งๆ ว่า “ถ้าประธานหลิวถามในฐานะเป็นคนรับผิดชอบของสมาคมธุรกิจฟื้นฟูเฟิง ฉันก็ปฏิเสธไม่ได้ เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็รู้จักกัน แต่ถ้าประธานหลิวถามในฐานะส่วนตัว ก็ต้องขอภัยในความไม่สะดวก เพราะว่าพวกเราไม่สนิทกัน!”
“เอ่อ ฮ่าๆๆๆ …….” หลิวเฟินหัวเราะหน้าเสียมาก “ประธานเย่นี่ล้อเล่นเก่งจริงๆ เลยนะครับ เล่นเอาผมดูวางมากไว้ไม่เบาเลย”
“ประธานหลิว ฉันดูออกแล้วล่ะ คุณไม่คิดที่มาร่วมมือกันเลยด้วยซ้ำ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ขออภัยที่ฉันไม่อาจจะอยู่เป็นเพื่อนคุณต่อได้ มีความสุขกับอาหารมื้อค่ำของคุณไปแล้วกันนะคะ”
พูดไป เย่ชิงหยู่ก็ลุกขึ้น เตรียมจะออกไป
หลิวเฟินก็หัวเราะพูดอย่างช้าๆ ว่า “ประธานเย่ใจแข็ง มีใจคิดเพื่อตงข่ายกรุ๊ป ไม่ธรรมดาจริงๆ เมื่อครู่นี้ผมก็ได้บอกไปแล้วไม่หรือไง ว่ายังต้องรออีกหนึ่งคน ถ้าเขามาแล้ว พวกเราก็สามารถคุยงานกันต่อได้ แต่ก่อนจะถึงตอนนั้น เกรงว่าประธานเย่คงจะต้องอดทนรอหน่อย”
เย่ชิงหยู่นิ่งไปครู่หนึ่ง แล้วก็นั่งลง!
“ประธานเย่ คุณเป็นคนฉลาด เรื่องอื่นผมก็ไม่ต้องพูดแล้วล่ะ มา กินอาหารก่อนครับ เดี๋ยวอาหารจะเย็นหมด”
พูดไป ก็รินเหล้าให้กับเย่ชิงหยู่หนึ่งแก้ว
เย่ชิงหยู่ก็พบว่า คนสำคัญที่หลิวเฟินพูดถึง คงจะไม่ธรรมดา ไม่อย่างนั้นคงไม่ยื้อเวลาเธออยู่แบบนี้ ไม่มีทางเลือก เธอได้แต่ต้องอดกลั้นความไม่สบายใจไว้ แล้วกินข้าวไปอย่างสงบ บนโต๊ะอาหาร คนของหลิวเฟินทั้งหลาย ก็มีมารยาทดี ไม่ได้ทำอะไรล่วงเกินใดๆ ระหว่างกินข้าวกันนั้น ก็ดื่มไปไม่น้อย นอกจากคุยเรื่องทั่วไปแล้ว ไม่ได้คุยเรื่องงานเลย
หยางเซินเซินก็เหมือนไม่สบายใจ นั่งไม่ติด จนกระทั่งกินข้าวกันเสร็จ คนพวกนี้ก็ไม่ได้ทำอะไรเกินเลย ทำให้เธอโล่งอก อย่างน้อยสมาคมธุรกิจฟื้นฟูเฟิงก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น
ข้าวมือนี้ก็ถือว่าพอได้ แต่คนสำคัญคนนั้นก็ยังไม่มา
“ประธานหลิว ข้าวก็กินแล้ว เหล้าก็ดื่มแล้ว คนที่คุณพูดถึงยังไม่มาเลย นี่คุณก็เหมือนจะมีความผิดเหมือนกันนะคะ ถ้าประธานหลิวอยากจะหาคนมากินข้าวด้วย ก็บอกมาตามตรงเลยก็ได้ อย่าเอาเรื่องงานมาอ้าง!”
หลิวเฟินก็ยิ้มๆ พูดว่า “ประธานเย่คงไม่ยังไม่ทราบ คนสำคัญคนนี้ เดินเหินไม่ค่อยสะดวก จะมาช้าไปก็พอจะเห็นใจได้ ประธานเย่อย่าเพิ่งร้อนใจไปเลย อดทนรออีกนิด ถ้าประธานเย่รู้สึกว่าที่นี่ไม่สะดวกให้รอ งั้นพวกเราก็เปลี่ยนไปรอที่ห้องรับรองดีไหม?”
หลุดเผยโฉมหน้าชั่วร้ายออกมาแล้วใช่ไหม?
กินอิ่มแล้วก็เริ่มกำหนัดแล้ว!
เย่ชิงหยู่สีหน้าโกรธเล็กน้อย “ประธานหลิว ฉันว่าพวกเราไม่เหมาะที่จะเป็นคนร่วมลงทุนกันนะคะ ความร่วมมือของเราเอาเป็นว่าจบเพียงเท่านี้นะคะ”
เย่ชิงหยู่โมโหจริงๆ มีความจริงใจที่ร่วมมือกันเสียที่ไหน? ถูกคนยื้อเวลามาขนาดนี้ ต่อให้อารมณ์ดีแค่ไหน ตอนนี้ก็ต้องอารมณ์เสียกันทั้งนั้น
“ประธานเย่ อย่ารีบร้อนไปสิครับ ถ้าแขกคนสำคัญคนนี้ไม่มา ผมก็ไม่รู้ว่าจะคุยกับคุณอย่างไรจริงๆ ดังนั้นขอให้ประธานเย่เห็นใจด้วย รอกันมาได้นานขนาดนี้ รออีกเดี๋ยวจะเป็นอะไรไป คุณว่าจริงไหมครับประธานเย่?”
เย่ชิงหยู่หน้าเย็นชาหนักกว่าเดิม “สมาคมธุรกิจฟื้นฟูเฟิงมาดเยอะไม่เบานะคะ ตงข่ายกรุ๊ปของพวกเราคงไม่คู่ควรหรอกค่ะ ขอตัวลา!”
เย่ชิงหยู่คิดจะลุกขึ้น แต่กลับรู้สึกมึนหัว เหมือนกับคนเมา หัวหนักๆ ขาไร้แรง ถึงแม้เธอจะไม่ชอบดื่มเหล้า แต่ก็ไม่ถึงขั้นดื่มไวน์อึกเดียวแล้วเมาได้นะ!ทันใดนั้น เธอก็ตั้งสติขึ้นมาได้ นี่มันใช่อาการเมาที่ไหนกัน ถูกวางยาแล้วต่างหาก!
เธอตกใจหน้าเสีย “หลิวเฟิน นี่คุณ คุณกล้าวางยางั้นหรือ?”
พอได้ยินดังนั้น หยางเซินเซินก็อึ้งไปทันที พอลุกขึ้น ก็รู้สึกโลกหมุน แล้วก็ล้มไปที่พื้น
พอหลิวเฟินเห็นว่าผู้หญิงทั้งสองคนสลบไปแล้ว ก็ยิ้มร้ายๆ พูดว่า “ระวังตัวมากแล้วเป็นไงล่ะ? ให้หน้าแล้วไม่เอาเอง!