เมื่อเห็นคนที่มาอย่างชัดเจน เย่ชิงหยู่ก็พูดเสียงแข็งว่า “จางไห่เฟิง! เป็นนายจริงๆด้วย!”
“ไร้มารยาท ไม่รู้จักเรียกพี่ชายสักหน่อยรึไง? เป็นเด็กไร้มารยาทจนชินแล้วจริงๆ!”
“นายอยากจะทำอะไร?”
“ทำอะไร?” จางไห่เฟิงพูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย “คำถามนี้ไม่ควรจะถามฉันสิ แต่ควรจะถามเธอ ตอนนั้นเธอทำอะไรลงไป! เธอเป็นคนแย่งทุกอย่างของฉันไป เธอเป็นคนทำให้ฉันสูญเสียทุกอย่าง และก็เป็นเธอเองที่ทำให้ฉันเป็นอย่างวันนี้ ที่ต้องสูญเสียขาทั้งสองข้างไป!”
เย่ชิงหยู่ไม่พูดอะไร เธอขี้เกียจจะพูดด้วย สิ่งพวกนี้ที่จางไห่เฟิงพูดมา เกี่ยวข้องอะไรกับเธอ? ถ้าไม่ใช่เพราะจางไห่เฟิงตัวเขาเองโลภมาก เขาจะกลายเป็นอย่างวันนี้หรอ? ตัวเขาจางไห่เฟิงเป็นคนของตระกูลจางก็จริง ทุกสิ่งที่ควรเป็นของเขา เดิมทีของควรจะเป็นของเขา แต่ถ้าไม่ใช่เพราะว่าเขาเอาแต่โลภมาก ไม่ทำตัวให้ดี เขาจะสูญเสียพวกนี้ไปงั้นหรอ?
อีกอย่างตั้งแต่ที่พวกจางเจียวเจียวทั้งบ้านถูกไล่ออกจากตระกูลจาง เขาก็ยิ่งดูถูกพวกเย่ชิงหยู่ทั้งบ้าน ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าไม่ต้อนรับในงานวันรวมญาติ หรือว่าการขัดขวางในการทำงาน พวกนี้ล้วนเป็นสิ่งที่พี่ชายควรทำหรอ?
ตัวเธอเย่ชิงหยู่ถามใจตัวเอง เธอไม่รู้สึกละอายใจ ไม่ละอายแก่ใจสักนิด!
“ใช่สิ ลืมบอกกับเธอเลย สิ่งที่เธอมีอยู่ทั้งหมดได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว ตระกูลจางได้รับช่วงต่อในหน้าที่ทั้งหมดของตงข่ายกรุ๊ปแล้ว”
เย่ชิงหยู่สีหน้านิ่งเฉย ในตอนที่คาดเดาผู้อยู่เบื้องหลังของหลิวเฟิน เธอก็คาดเดาได้ถึงผลลัพธ์นี้แล้ว แต่ที่เธอไม่เข้าใจก็คือ ในตอนนั้นจางไห่เฟิงหายตัวไปจากโรงพยาบาลได้ยังไง แล้วก็ในตอนนั้นขาทั้งสองข้างนี้ของจางไห่เฟิงขาดได้ยังไง
“ทำไม? ดูสีหน้าของเธอแล้วนิ่งสงบดี? ก็จริง เดิมทีตงข่ายกรุ๊ปก็เป็นของตระกูลจางอยู่แล้ว คนบางคนหน้าด้านยึดไว้ ตอนนี้มันกลับคืนสู่ตระกูลจาง ก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว หรือว่าคนบางคนไม่มีความละอายสักนิดเลยรึไง? ถึงได้นิ่งเฉยขนาดนี้?”
เย่ชิงหยู่พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “จางไห่เฟิง นายอยากจะทำอะไรก็ว่ามาตรงๆเลยเถอะ”
“ตรงๆ? เย่ชิงหยู่ เธอนี่สมกับชื่อเสียงจริงๆ ไม่เจอกันนานขนาดนี้ ก็ยังเป็นท่าทางสูงส่งอยู่เหนือกว่าเหมือนเดิมสินะ? คิดว่าทุกคนเป็นลูกน้องของเธอ และต้องเอาใจตามใจเธอจริงๆงั้นหรอ? เพียงแค่ประโยคเดียวก็อยากจะจบความทรมานที่ฉันเคยได้รับ? เธอจะใสซื่อเดินไปแล้วมั้ง?”
พูดแล้วจางไห่เฟิงก็ชี้ไปยังขากางเกงที่ว่างเปล่าบนรถเข็น “ถ้าตอนนั้นเธอเชื่อฟังดีๆ ฉันจะถูกเซียวห้านตัดขาได้ยังไงกัน ห๊ะ!”
เซียวห้าน!
คุณหนูเซียว!
คุณหนูเซียวที่ถูกทำลายคนนั้น!
ตอนนี้เธอเหมือนจะเข้าใจแล้ว ว่าทำไมแผนการวางแผนของตัวเองถึงได้รั่วไหล และเกือบจะทำให้หวงหยวนฉาวหยุดร่วมธุรกิจกับตระกูลจางกลางคัน ป้องกันอยู่ตลอดแต่ก็ป้องกันคนร้ายในบ้านตัวเองไม่ได้ ที่แท้ก็เป็นเพราะเหตุจากจางไห่เฟิง ต่อมาก็เข้าใจได้แล้ว เพราะว่าเธอปฏิเสธดินเนอร์จากจางไห่เฟิง ทำให้จางไห่เฟิงโมโห และก็เป็นเวลานั้นเอง ที่ภายในใจของจางไห่เฟิงได้มีความแค้นก่อเกิดขึ้น
ความแค้นนี้เกิดขึ้นเพราะเธอปฏิเสธเซียวห้าน เซียวห้านโมโหอย่างรุนแรง จึงได้ตัดขาทั้งสองข้างของจางไห่เฟิงทิ้ง ส่วนจางไห่เฟิงก็ไม่กล้าต่อต้านเซียวห้าน เพราะในเวลานั้นตระกูลเซียวยังดูมีความยิ่งใหญ่อยู่ ดังนั้นจางไห่เฟิงเขาจึงทำได้เพียงแค่ทำการแผนซ้อนแผน นำมาทำร้ายเย่ชิงหยู่
และแน่นอน การใส่ร้ายป้ายสีนั้นไม่มีทางมั่นคงถาวร ภายใต้การบังคับของจางฉี่เหา จางไห่เฟิงเขาจึงได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ใจของเย่ชิงหยู่ และก็เพราะอย่างนี้เอง ที่ยิ่งเพิ่มความโกรธแค้นเย่ชิงหยู่ของจางไห่เฟิงมากยิ่งขึ้น
ใช่!
ตัวเขาจางไห่เฟิงถูกเซียวห้านตัดสองขาทิ้ง และก็คิดบัญชีนี้ไว้ที่ตัวเย่ชิงหยู่ เพราะเขาคิดว่าทุกสิ่งนี้ล้วนเป็นความผิดของเย่ชิงหยู่!
เธอเป็นคนแย่งชิงทุกอย่างไป เธอเป็นคนทำให้เขาสูญเสียความสำคัญ เธอเป็นคนทำลายเขา!
ตอนนี้เขากลับมาอย่างงดงาม ก็ต้องไม่พลาดที่จะมาแก้แค้นเย่ชิงหยู่แน่นอน!
จางไห่เฟิงตะคอกอย่างโมโหว่า “เธอรู้มั้ยว่าฉันที่ไม่มีขาต้องผ่านมายังไง? เธอรู้มั้ยว่าฉันที่กลายเป็นคนพิการใช้ชีวิตอยู่มายังไง? ห๊ะ!”
เย่ชิงหยู่ส่ายหัวเบาๆ จางไห่เฟิงถูกความเคียดแค้นกินสมองไปหมดแล้วจริงๆ
คำพูดนั้นพูดได้ดี การเจอหน้ากันของศัตรูจะยิ่งทำให้เคียดแค้นมากยิ่งขึ้น!
เธอพูดมากเท่าไหร่ก็ไร้ประโยชน์
“ไม่พูดจา? เย่ชิงหยู่เธอแสร้งทำหน้าตาน่าสงสารแบบนี้ให้ใครดูกัน? เธอคิดว่าทุกคนจะใช้ชีวิตหมุนรอบตัวเธอจริงๆงั้นหรอ? ห๊ะ! รู้มั้ยว่าทำไมถึงได้มีชื่อว่าสมาคมธุรกิจฟื้นฟูเฟิง? รู้มั้ยว่าตอนนี้เธออยู่ในกำมือของฉัน? ตอนนี้ไม่มีใครหมุนอยู่รอบตัวเธอแล้ว!”
เธอจะไม่เข้าใจสมาคมธุรกิจฟื้นฟูเฟิงได้ยังไงกันละ?
ตั้งแต่ที่พอคาดเดาได้แล้วว่าผู้อยู่เบื้องหลังคือจางไห่เฟิง เธอก็เข้าใจแล้วว่า นี่คือการแก้แค้นของจางไห่เฟิง!
“ทีแรกฉันคิดไว้ว่าจะให้คนตัดขาทั้งสองข้างของเธอทิ้ง ให้เธอได้ลิ้มลองความทรมานเหมือนกันกับฉัน แต่ว่าฉันเปลี่ยนความคิดแล้ว เธอรู้มั้ยว่าเพราะอะไร? เพราะฉันเห็นแล้วว่าผู้หญิงอย่างเธอมีคนคอยตามติดตลอด และก็จะมีคนให้ความสำคัญเสมอ ดังนั้นฉันคิดว่าจะเปลี่ยนวิธีสักหน่อย!”
ทันใดนั้น เย่ชิงหยู่คิ้วขมวด รีบกอดหยางเซินเซินไว้แน่น ในใจมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีผุดขึ้นมา!
“ลูกน้อง ตัดขาทั้งสองข้างของหล่อนทิ้งซะ!”
ฮึ่ม!
ใจของทั้งสองสาวกระตุก เหมือนกับว่ามีสายฟ้าฟาดเข้าใส่ในใจของทั้งสองคนอย่างแรง!
“จางไห่เฟิง ถ้านายยังเป็นลูกผู้ชายก็มาลงที่ฉัน!”
“เธอยังมีหน้ามาพูดกับฉัน? ฉันก็อยากจะจัดการกับเธออยู่ เพียงแต่ว่าแบบนั้นมันจะใจดีกับฟางเหยียนเกินไป ฉันยังไม่ได้ให้เธอรับรู้ดีๆเลยว่าอะไรที่เรียกว่าความทรมานทางจิตใจ เธออย่าใจร้อน จัดการกับเธอมันเป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็ว เพียงแต่ว่าก่อนหน้านั้น ฉันอยากจะให้เธอได้รู้สึกสักหน่อยว่าอะไรที่เรียกว่าความสิ้นหวังที่แท้จริง!”
“ลงมือ!”
เสียงตะโกนคำหนึ่ง ทิ่มแทงเข้าใส่ในใจของหญิงสาวทั้งคู่ในทันที!
หยางเซินเซินถูกคนลากออกไป เย่ชิงหยู่พยายามขัดขืน แต่ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถจับตัวหยางเซินเซินไว้ได้ อยู่กับความหวาดกลัวมาทั้งคืน ทั้งร่างกายและจิตใจได้รับการทรมานอย่างหนัก เดิมทีก็เหนื่อยล้าอ่อนแรงอยู่แล้ว เธอจะขวางผู้ชายแข็งแกร่งไว้ได้ยังไงกัน แล้วยิ่งเป็นนินจาด้วย?
“จางไห่เฟิง หยุดนะ มีอะไรก็มาลงที่ฉัน!”
“นี่คือท่าทางในการขอร้องคนของเธอ? ขอร้องคนอื่นก้ต้องมีท่าทีของการขอร้อง คุกเข่าลงซะ!”
ฟุบ!
เย่ชิงหยู่แทบจะไม่ลังเล คุกเข่าลงตรงหน้ารถเข็นของจางไห่เฟิง “จางไห่เฟิง ฉันขอร้องละ ปล่อยหยางเซินเซินไป เธอไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องนี้เลยสักนิด ได้โปรดปล่อยเธอไปซะ”
จางไห่เฟิงสูดหายใจฟึดฟัด หลับตาลง ใบหน้าเต็มไปด้วยความเพลิดเพลิน จากนั้นรอยยิ้มก็เย็นชาขึ้น “เย่ชิงหยู่ เพื่อผู้หญิงคนเดียวที่ไม่มีความเกี่ยวข้องด้วย แม้แต่ศักดิ์ศรีของตัวเองก็ไม่เอาแล้ว ฉันอยากจะให้เธอเห็นมากจริงๆเลยว่าเธอที่สูงส่ง ต้องมาคุกเข่าขอร้องงคนอื่นนั้นมีสภาพยังไง เธอรู้มั้ยว่ามันน่าขำมากจริงๆ!”
เย่ชิงหยู่จะห้ามคำดูถูกของจางไห่เฟิงได้ยังไงกัน ตอนนี้เธอขอแค่สามารถปล่อยหยางเซินเซินไปก็พอ ส่วนเรื่องศักดิ์ศรี สำหรับเธอในตอนนี้ ไม่สำคัญเลยสักนิด
“จางไห่เฟิง ฉันขอร้องนายแล้ว นายปล่อยเธอไปได้แล้วใช่มั้ย?”
จางไห่เฟิงก้มตัวก้มหัวลง มองเย่ชิงหยู่อย่างเหนือกว่า พูดด้วยรอยยิ้มชั่วร้ายว่า “เย่ชิงหยู่ จะบอกว่าเธอใสซื่อ หรือว่าเธอโง่ดีละ? ขอร้องให้ศัตรูปล่อยเธอไปเนี่ยนะ?”
“จางไห่เฟิง ฉัน….”
เพี๊ยะ!
จางไห่เฟิงฟาดมือลงมาตบหนึ่งที!
ใบหน้าของเย่ชิงหยู่มีรอยนิ้วมือห้านิ้วปรากฏขึ้นมา!
“เย่ชิงหยู่ ก็คิดว่าเธอจะสามารถทนได้อีกสักหน่อย ไม่คิดเลยว่าจะยอมแพ้ง่ายขนาดนี้? สีหน้านี้ของเธอ ทำให้ฉันไม่พอใจอย่างมาก เธอทิ้งศักดิ์ศรีเพราะหล่อน ทำให้ฉันแปลกใจมากจริงๆ แต่ยิ่งเธอขอร้องฉัน ฉันก็ยิ่งไม่ให้เธอได้อย่างหวัง!”
“ยังนิ่งเฉยอยู่ทำไม? ตีซะสิ!”
หลิวเฟินไม่อยากจะลงมือจริงๆ หยางเซินเซินหน้าตาไม่เลว ถ้าหากว่าขาทั้งสองข้างขาด ก็จะสูญเสียความรู้สึกของประสบการณ์ แต่ขาก็ต่อต้านความต้องการของจางไห่เฟิงไม่ได้ ทำได้แค่ใจแข็ง และพึมพำในใจว่า “ก็แค่เสียขาสองข้างไป ตอนที่ทำอยู่ ไม่มองก็พอแล้ว!”
หยางเซินเซินตกใจจนอึ้งไปหมดแล้ว ดวงตาเหม่อลอย เหมือนกับว่าเสียสติไปแล้ว ลืมแม้กระทั่งจะกรีดร้อง
“ไม่…”
เย่ชิงหยู่กรีดร้องสุดเสียง พยายามที่จะขัดขวางหลิวเฟินไว้ กลับถูกถีบออกอย่างเย็นชา จ้องมองดูท่อนเหล็กเหวี่ยงขึ้น และฟาดลงที่สองขาของหยางเซินเซิน!